MFC เปิดตัว 2 กองทุน Thai ESG ดีเดย์ 8 ธ.ค.นี้ ขาย IPO-ตัวช่วยลดหย่อนภาษีปี 66-75

นายธนโชติ รุ่งสิทธิวัฒน์ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน เอ็มเอฟซี จำกัด (มหาชน) หรือ MFC เปิดเผยว่า ตามมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) อนุมัติการจัดตั้ง "กองทุนรวมไทยเพื่อความยั่งยืน" Thailand ESG Fund หรือ Thai ESG ซึ่งเป็นกองทุนลดหย่อนภาษีใหม่ โดยเน้นลงทุนในหุ้นหรือตราสารหนี้ในประเทศ ที่ดำเนินธุรกิจโดยคำนึงถึงสิ่งแวดล้อม สังคมและบรรษัทภิบาล (Environmental, Social and Governance หรือ ESG) เพื่อส่งเสริมให้ประชาชนมีการออมระยะยาวมากขึ้นและส่งเสริมการลงทุนเพื่อความยั่งยืนของประเทศไทย รวมทั้งสนับสนุนการลงทุนของกิจการในประเทศที่จะขับเคลื่อนการพัฒนาที่ยั่งยืนของประเทศ 

โดยขณะนี้ MFC พร้อมนำเสนอ 2 กองทุนใหม่ โดยกำหนดเปิดขายครั้งแรก (IPO) ตั้งแต่วันที่ 8-19 ธ.ค.2566 ลงทุนขั้นต่ำ 500 บาท ได้แก่ "กองทุนเปิดเอ็มเอฟซีท็อป 25 หุ้นไทยเพื่อความยั่งยืน" (MT25-ThaiESG) เน้นลงทุนในหุ้นสามัญและ/หรือหุ้นบุริมสิทธิของบริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ซึ่งเป็นบริษัทที่เป็นองค์ประกอบของดัชนี SET ESG Index จำนวน 25 บริษัทแรกที่ผ่านหลักเกณฑ์การคัดเลือกหลักทรัพย์ โดยพิจารณาจากมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด (Market Capitalization), การเปิดเผยข้อมูลด้านการบริหารจัดการ ESG และการได้รับการจัดอันดับ ESG Ratings หรือ ESG Scores จากสถาบันการจัดอันดับ ที่เป็นอิสระ 

นอกจากนี้ จะมีการควบคุมการกระจุกตัวของหลักทรัพย์ ในแต่ละอุตสาหกรรม (Sector) ไม่ให้เกิน 5 หลักทรัพย์ โดยบริษัทจัดการจะทบทวนรายชื่อหลักทรัพย์ปีละ 2 ครั้งในวันทำการแรกของเดือน มี.ค. และ ก.ย. ซึ่งกองทุนนี้เหมาะกับผู้ลงทุนที่เน้นผลตอบแทนในระยะยาว สามารถรับความเสี่ยงและความผันผวนจากราคาหุ้นได้ กองทุนมีระดับความเสี่ยง 6 และมีนโยบายจ่ายเงินปันผลไม่เกินปีละ 1 ครั้ง

ขณะเดียวกัน MFC ยังได้ออก “กองทุนเปิดเอ็มเอฟซีเฟล็กซิเบิลไทยเพื่อความยั่งยืน” (MFLEX-ThaiESG) ซึ่งเป็นกองทุนผสม กระจายการลงทุนในตราสารทุน และ/หรือตราสารหนี้ และ/หรือเงินฝาก และอื่นๆ โดยกองทุนจะลงทุนในหลักทรัพย์ที่ผู้ออกเป็นภาครัฐไทยหรือกิจการที่จัดตั้งขึ้นตามกฎหมายไทยที่มีส่วนในการส่งเสริมความยั่งยืน (Sustainability) ให้ประเทศไทย โดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่า 80% ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน เหมาะกับผู้ลงทุนที่เน้นผลตอบแทนในระยะยาว โดยคาดหวังผลตอบแทนที่ดีกว่าการลงทุนในตราสารหนี้ทั่วไป และสามารถรับความเสี่ยงและความผันผวนจากราคาหุ้นได้ กองทุนมีระดับความเสี่ยง 5 และมีนโยบายจ่ายเงินปันผลไม่เกินปีละ 1 ครั้ง 

กองทุน MFLEX-ThaiESG เน้นลงทุนหุ้นบริษัทจดทะเบียนใน SET และ/หรือ mai ที่มีความโดดเด่นด้านสิ่งแวดล้อม หรือ ESG รวมทั้งจะลงทุนในตราสารเพื่ออนุรักษ์สิ่งแวดล้อม (Green Bond) ตราสารเพื่อความยั่งยืน (Sustainability Bond) หรือตราสารส่งเสริมความยั่งยืน (Sustainability - Linked Bond) และพันธบัตรหรือหุ้นกู้เพื่ออนุรักษ์สิ่งแวดล้อม (Green Bond) พันธบัตรหรือหุ้นกู้เพื่อความยั่งยืน (Sustainability Bond) หรือพันธบัตรหรือหุ้นกู้ส่งเสริมความยั่งยืน (Sustainability - Linked Bond) 

ทั้งนี้ กองทุนจะไม่ลงทุนในสัญญาซื้อขายล่วงหน้า (Derivatives) ตราสารหนี้ที่มีอันดับความน่าเชื่อถือของตราสารหรือผู้ออกตํ่ากว่าที่สามารถลงทุนได้ (Non-Investment Grade) หรือตราสารหนี้ที่ไม่ได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือ (unrated securities) และตราสารทุนที่ไม่ได้จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ (unlisted securities) เว้นแต่เป็นหุ้นที่คณะกรรมการตลาดหลักทรัพย์สั่งรับเป็นหลักทรัพย์จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ซึ่งผู้ออกหุ้นดังกล่าวอยู่ระหว่างการดำเนินการกระจายการถือหุ้นรายย่อยตามข้อบังคับตลาดหลักทรัพย์ รวมถึงตราสารที่มีลักษณะของสัญญาซื้อขายล่วงหน้าแฝง (Structured Note)

นายธนโชติ กล่าวว่า การคัดเลือกหลักทรัพย์เพื่อลงทุนจะผ่านกระบวนการวิเคราะห์ที่นำปัจจัยด้าน ESG มาพิจารณา เพื่อประกอบการตัดสินใจลงทุน ปัจจุบันมีหลักทรัพย์ที่ผ่านเกณฑ์ SET ESG Rating ประจำปี 2566 จำนวน 193 บริษัท ซึ่งมี Rating ตั้งแต่ AAA-BBB 

อย่างไรก็ตาม กรณีที่หลักทรัพย์มีข่าวเกี่ยวข้องกับ ESG ซึ่งอาจส่งผลต่อ ESG ของบริษัทอย่างมาก เช่น ผู้บริหารมีการทุจริต, มีการปล่อยสารพิษสู่ธรรมชาติ, หรือการค้ามนุษย์ เป็นต้น ทาง MFC จะไม่ลงทุนเพิ่มหรือขายหลักทรัพย์นั้นออกไป

สำหรับเงื่อนไขของกองทุน "ThaiESG" กำหนดให้ผู้ลงทุนต้องถือหน่วยลงทุน 8 ปีขึ้นไป (นับแบบวันชนวัน) จึงจะได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษีตามเงื่อนไขที่กรมสรรพากรกำหนด สามารถนำมาลดหย่อนภาษีได้ 30% ของรายได้ สูงสุดไม่เกิน 100,000 บาท ทำให้ในปี 2566 ผู้ลงทุนได้สิทธิประโยชน์ทางภาษีเพิ่มอีก 100,000 บาท จากเดิมได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษีจากกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF) และกองทุนรวมเพื่อส่งเสริมการออมระยะยาว (SSF) ที่รวมกันได้สูงสุดไม่เกิน 500,000 บาท (นับรวมกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ ,กองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ) 

"กองทุน ThaiESG ถือเป็นตัวช่วยลดหย่อนภาษีในปีนี้ได้เพิ่ม ทำให้ผู้ลงทุนใช้สิทธิลดหย่อนภาษีสูงสุดได้ถึง 600,000 บาท ขณะเดียวกันราคาหุ้นที่ปรับตัวลงมากเป็นโอกาสลงทุน เพื่อสร้างผลตอบแทนจากหุ้นที่มีความโดดเด่นทางด้าน ESG” นายธนโชติ กล่าว 

ทั้งนี้ ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน ความเสี่ยง และสิทธิประโยชน์ทางภาษีที่ระบุไว้ในคู่มือการลงทุนในกองทุนรวมก่อนการตัดสินใจลงทุน ผู้ที่สนใจสอบถามข้อมูลและขอรับหนังสือชี้ชวนได้ที่ บลจ.เอ็มเอฟซี โทร. 0-2649-2000 ติดต่อฝ่ายวางแผนการลงทุน กด 2 หรือ Contact Center กด 0 หรือศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ http://www.mfcfund.com

Tuyên bố từ chối trách nhiệm: Bản quyền của bài viết này thuộc về tác giả gốc. Việc đăng lại bài viết này chỉ nhằm mục đích truyền tải thông tin và không cấu thành bất kỳ lời khuyên đầu tư nào. Nếu có bất kỳ hành vi vi phạm nào, vui lòng liên hệ với chúng tôi ngay lập tức. Chúng tôi sẽ sửa đổi hoặc xóa bài viết. Cảm ơn bạn.