ราคาทองสัปดาห์นี้ก็ยังเป็นขาขึ้นต่อคาดไต่ระดับสูงสุดใหม่ในปี 2567
ฮั่วเซ่งเฮง มองทิศทางราคาทองคำในประเทศรายสัปดาห์ระหว่างวันที่ 4-8 ธ.ค.66 มีแนวโน้มราคาทองคำคาดเป็นขาขึ้น ทั้งนี้อาจมีแรงเทขายระยะสั้น หากราคาทองคำปรับขึ้นทะลุ All-time high ที่ 2,078 ดอลลาร์ โดยสัปดาห์นี้สหรัฐจะเปิดเผยตัวเลขการจ้างงาน ได้แก่ การจ้างงานภาคเอกชนทั่วประเทศเดือนพ.ย. ของ ADP การจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนพ.ย. ค่าจ้างเฉลี่ยต่อชั่วโมงเดือนพ.ย. และอัตราการว่างงานเดือนพ.ย.
ส่วนสัปดาห์นี้ราคาทองคำมีแนวรับอยู่ที่ 2,050 ดอลลาร์ และ 2,040 ดอลลาร์ ขณะที่มีแนวต้าน 2,150 ดอลลาร์ และแนวต้าน 2,160 ดอลลาร์ ส่วนราคาทองแท่งในประเทศมีแนวรับ 34,200 บาท และ 34,000 บาท ขณะที่มีแนวต้านที่ 34,600 บาท และ 34,700 บาท
ทั้งนี้มองว่ามีหลายปัจจัยสนับสนุนให้ราคาทองสัปดาห์นี้เป็นขาขึ้น ทั้งภาวะเศรษฐกิจโลกมีความเสี่ยงเข้าสู่ภาวะเศรษฐกิจถดถอย ความขัดแย้งด้านภูมิรัฐศาสตร์ที่เพิ่มขึ้น ได้แก่ สงครามยูเครน-รัสเซีย สงครามอิสราเอล-ฮามาส ธนาคารกลางทั่วโลกเข้าซื้อทองคำต่อเนื่อง คาดว่าเฟดจะยุติการขึ้นอัตราดอกเบี้ย ส่วนปัจจัยถ่วงสกัดขาขึ้นคือ ความต้องการทองคำจากจีนลดลง
โดยมองอีกว่า ราคาทองคำทำระดับสูงสุดใหม่เป็นประวัติการณ์ที่ 2,078 ดอลลาร์ ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในปีนี้ โดยสัปดาห์ที่ผ่านมาราคาทองคำปรับตัวขึ้นกว่า 68.6 ดอลลาร์จากสัปดาห์ก่อน ปัจจัยหนุนมาจากดอลลาร์อ่อนค่าต่อเนื่อง และ Bond yield สหรัฐลดลง จากการคาดว่าเฟดจะยุติการขึ้นดอกเบี้ย และมีแนวโน้มว่าเฟดจะลดอัตราดอกเบี้ยภายในกลางปีหน้า
สำหรับเดือนนี้ที่เป็นเดือนสุดท้ายของปีนี้ จากข้อมูลสถิติของราคาทองคำ เดือนธ.ค.ส่วนใหญ่ให้ผลตอบแทนที่เป็นบวก ทองคำจึงยังคงน่าสนใจ จากปัจจัยเดิม คือการคาดว่าเฟดจะไม่ปรับขึ้นดอกเบี้ยอีก โดยจะไม่ปรับขึ้นดอกเบี้ยในการประชุดเฟดที่กำลังจะมาถึงวันที่ 12-13 ธ.ค. เช่นกัน ซึ่งปัจจัยนี้อาจเป็นปัจจัยหนุนราคาทองคำต่อไป แต่ระยะสั้นอาจมีแรงเทขายออกมาเล็กน้อย หลังจากราคาทองคำปรับขึ้นระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ แต่เป็นการปรับลงระยะสั้น ให้หาจังหวะเข้าซื้อ
ทั้งนี้ฮั่วเซ่งเฮงคาดว่า ในปีหน้าราคาทองคำอาจทำระดับสูงสุดใหม่เป็นประวัติการณ์ภายในครึ่งปีแรกของปี 2567 การคาดการณ์การปรับลดอัตราดอกเบี้ยของเฟดอาจหนุนราคาทองคำ ซึ่งคาดว่าเฟดจะเริ่มปรับลดอัตราดอกเบี้ยในช่วงกลางปีหน้า ซึ่งเร็วขึ้นกว่าเดิม จากที่ก่อนหน้านั้นคาดว่าเฟดจะตรึงอัตราดอกเบี้ยระดับสูงที่ยาวนานมากกว่านี้
แต่ด้วยตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐ ที่คาดว่าเศรษฐกิจสหรัฐจะชะลอตัวลงแบบค่อยเป็นค่อยไป (ซอฟต์แลนดิ้ง) และอัตราเงินเฟ้อสหรัฐก็ไม่ได้พุ่งไปสูงมาก การคาดการณ์การปรับลดอัตราดอกเบี้ยของเฟดจึงเร็วขึ้น ทั้งนี้ข้อมูล CME GROUP พบว่า นักลงทุนคาดว่ามีโอกาสถึง 60% ที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในเดือนมี.ค.2567 โดยคาดว่าเฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% มาสู่ระดับ 5.00-5.25% และคาดว่าเฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยทั้งหมด 5 ครั้งในปี 2567 ซึ่งเป็นการปรับลดอัตราดอกเบี้ยอย่างรวดเร็ว ทำให้อัตราดอกเบี้ยของเฟดลงเหลือระดับ 4.00-4.25% ในสิ้นปี 2567
อีกปัจจัยคือ สงคราม ได้แก่ สงครามรัสเซีย-ยูเครน แม้ว่าระยะนี้ไม่มีผลกระทบต่อราคาทองคำ แต่ก็ยังมีความเสี่ยงด้านภูมิรัฐศาสตร์อยู่ เพราะสงครามยังคงดำเนินต่อไป จึงอาจยังเป็นแรงกดดันที่อาจส่งผลกระทบต่อภาวะเศรษฐกิจทั่วโลก ส่วนสงครามอิสราเอล-กลุ่มฮามาสเช่นกัน ก็ยังคงดำเนินต่อไปที่อาจมีความเสี่ยงด้านภูมิรัฐศาสตร์เช่นกัน แต่คาดว่าจะอยู่ในวงจำกัด แต่การสนับสนุนด้านงบประมาณที่ให้การช่วยเหลือในการทำสงครามในยูเครนและอิสราเอลจากสหรัฐ ซึ่งอาจกระทบต่องบประมาณสหรัฐ
ด้วย ณ ขณะนี้สหรัฐยังคงเผชิญกับการขาดดุลงบประมาณ และหนี้สาธารณะพุ่งชนเพดานหลายครั้ง ทำให้ฟิทซ์ เรตติ้งส์ ได้มีการปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือของสหรัฐลงสู่ระดับ AA+ จาก AAA ขณะที่มูดี้ส์ได้ประกาศการปรับแนวโน้มอันดับความน่าเชื่อถือของรัฐบาลสหรัฐสู่ “เชิงลบ” จาก “มีเสถียรภาพ” โดยมูดี้ส์คาดว่า การขาดดุลการคลังของสหรัฐจะยังคงอยู่ในระดับสูงมาก และจะทำให้ความสามารถในการชำระหนี้ลดลงอย่างมาก ซึ่งด้วยปัจจัยดังกล่าว อาจส่งผลต่อการลดสัดส่วนการถือครองเงินดอลลาร์สหรัฐในฐานะเงินทุนสำรองลง และอาจมีผลต่อการอ่อนค่าของเงินดอลลาร์ในระยะยาว ซึ่งจะส่งผลบวกต่อราคาทองคำในระยะยาว
สำหรับผลสำรวจมุมมองต่อทิศทางราคาทองคำในประเทศรายสัปดาห์ระหว่างวันที่ 4-8 ธ.ค.66 จากการสำรวจ GRC Gold Survey โดย ศูนย์วิจัยทองคำระบุว่า 14 ผู้เชี่ยวชาญในตลาดทองคำที่ได้มีส่วนร่วมตอบแบบสำรวจ ในจำนวนนี้มี 4 ราย หรือเทียบเป็น 29% คาดว่าราคาทองคำในสัปดาห์หน้าจะปรับเพิ่มขึ้น ส่วนจำนวน 3 ราย หรือเทียบเป็น 21% คาดว่าราคาทองคำจะลดลง และ จำนวน 7 ราย หรือเทียบเป็น 50% คาดว่าราคาทองคำจะใกล้เคียงกับสัปดาห์ที่ผ่านมา
สำหรับนักลงทุนทองคำ ได้เข้าร่วมตอบแบบสำรวจ จำนวน 345 ราย ในจำนวนนี้มี 232 ราย หรือเทียบเป็น 67% คาดว่าราคาทองคำในประเทศของสัปดาห์หน้าจะปรับเพิ่มขึ้น ส่วนจำนวน 85 ราย หรือเทียบเป็น 25% คาดว่าราคาทองคำจะลดลง และ จำนวน 28 ราย หรือเทียบเป็น 8% คาดว่าราคาทองคำจะใกล้เคียงกับสัปดาห์ที่ผ่านมา
ด้านสถานการณ์ราคาทองคำศูนย์วิจัยให้มุมมองว่า ราคาทองคำแท่งในประเทศ 96.5% ตามประกาศ สมาคมค้าทองคำ ในสัปดาห์ที่ผ่านมาเคลื่อนไหวอยู่ระหว่าง 33,350 – 34,100 บาท ต่อบาททองคำ โดยราคาทองคำปิดอยู่ที่ระดับ 34,100 บาท ต่อบาททองคำ เพิ่มขึ้น 650 เมื่อเปรียบเทียบกับราคาปิดของสัปดาห์ก่อนหน้า (สัปดาห์ก่อนหน้าปิดที่ 33,450 บาท) ดูรายงาน GRC ฉบับก่อนหน้า
ส่วนปัจจัยที่ต้องติดตาม ได้แก่
1. นโยบายทางการเงินของธนาคารกลางสหรัฐฯ (FED) เมื่อปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา นายเจอโรม พาวเวล ประธาน FED ยืนยันที่จะดำเนินการอย่างระมัดระวังเกี่ยวกับอัตราดอกเบี้ย ซึ่ง FED อาจยุติการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย หากเงินเฟ้อและเศรษฐกิจสหรัฐฯ ยังคงชะลอตัวตามคาดการณ์
2. รายงานตัวเลขทางเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐฯ ได้แก่ ISM เปิดเผยดัชนี PMI ภาคบริการของเดือน พฤศจิกายน 2566, ข้อมูลการจ้างงานภาคเอกชน, ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตร, อัตราการว่างงานของเดือน พฤศจิกายน 2566 และจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์
Tuyên bố từ chối trách nhiệm: Bản quyền của bài viết này thuộc về tác giả gốc. Việc đăng lại bài viết này chỉ nhằm mục đích truyền tải thông tin và không cấu thành bất kỳ lời khuyên đầu tư nào. Nếu có bất kỳ hành vi vi phạm nào, vui lòng liên hệ với chúng tôi ngay lập tức. Chúng tôi sẽ sửa đổi hoặc xóa bài viết. Cảm ơn bạn.