4 ผู้สมัครเลขาธิการกสทช.จ่อฟ้อง “นพ.สรณ” สรรหาไม่เป็นธรรม
การประชุมคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (บอร์ดกสทช.) เมื่อวันที่ 23 ส.ค. 2566 นับเป็นการประชุมครั้งแรกในประวัติศาสตร์ที่บอร์ดกสทช.เปลี่ยนห้องประชุมจากชั้น 12 ซึ่งคนทั่วไปขึ้นไปไม่ได้ มาอยู่ที่ชั้น 2 ซึ่งอยู่ติดกับห้องสื่อมวลชน คนทั่วไปสามารถขึ้นมาได้ ในขณะที่มีวาระสำคัญเพื่อพิจารณาเสนอชื่อผู้ได้รับการคัดเลือกเป็นเลขาธิการกสทช.โดยอำนาจประธานกสทช.
ดังนั้นเมื่อถึงเวลาประชุมตามกำหนดการในเวลา 09.00 น.แม้ว่ากรรมการทั้ง 6 คน คือ ศาสตราจารย์คลินิก นพ.สรณ บุญใบชัยพฤกษ์ ประธานกสทช.,พลอากาศโท ธนพันธุ์ หร่ายเจริญ,นางสาวพิรงรอง รามสูต,นายศุภัช ศุภชลาศัย,นายสมภพ ภูริวิกรัยพงศ์,พลตำรวจเอก ณัฐธร เพราะสุนทร โดยนายต่อพงศ์ เสลานนท์ ลาประชุม ได้ลงมาประชุมที่ชั้น 2 แล้วก็ตาม แต่สุดท้ายก็ขอขึ้นไปห้องตนเองเพื่อประชุมออนไลน์แทน
เนื่องจากเห็นว่าห้องดังกล่าวไม่เหมาะสมกับการประชุมเพราะการประชุมต้องเป็นความลับ จึงเหลือเพียงประธานกสทช.คนเดียวที่ดำเนินการประชุม
ประธานกสทช.เล่าถึงสาเหตุที่ต้องเปลี่ยนห้องประชุมว่า เนื่องจากห้องประชุมชั้น 12 ระบบไมโครโฟนขัดข้อง จากเหตุการณ์ฟ้าผ่าที่กสทช. ทำให้ระบบมีปัญหา ไม่สามารถบันทึกเสียงการประชุมได้ จึงย้ายมาประชุมที่ชั้น 2 แทน ถือเป็นการเปลี่ยนบรรยากาศ
ทว่า บอร์ดกสทช.ท่านอื่นไม่เชื่อว่าเป็นเหตุผลที่แท้จริง เพราะแจ้งเปลี่ยนห้องประชุมตั้งแต่วันศุกร์ที่ 18 ส.ค.2566 แต่ฟ้าผ่าคือวันที่ 21 ส.ค.2566
สำหรับวาระการประชุมที่บรรจุเพื่อพิจารณาเลือกเลขาธิการกสทช.ที่คาดเดากันว่าเป็นการเสนอชื่อ นายไตรรัตน์ วิริยะศิริกุล รองเลขาธิการและรักษาการเลขาธิการกสทช.นั้น ประธานกสทช.กล่าวว่า ไม่มีการนำเสนอเนื่องจากกรรมการขาด 1 คน คือ นายต่อพงศ์ จึงไม่เหมาะสมที่จะเสนอชื่อ
อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้ ผู้สมัครเลขาธิการกสทช. 4 คน คือ นายปกรณ์ อาภาพันธุ์ ผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (GISTDA),นายกิตติศักดิ์ ศรีประเสริฐ อดีตกรรมการผู้จัดการใหญ่บริษัท กสท โทรคมนาคม จำกัด (มหาชน),นพ.พลวรรธน์ วิทูรกลชิต อดีตผู้ตรวจราชการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) และอดีตรองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายเทคโนโลยี ธ.กรุงไทย และ นางสุรางคณา วายุภาพ อดีตผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ (สพธอ.) หรือ ETDA ส่งหนังสือคัดค้านการแจ้งผลการคัดเลือกต่อประธานกสทช.และอาจไปถึงขั้นฟ้องร้องที่ศาลได้
หนังสือของนายกิตติศักดิ์ ศรีประเสริฐ ระบุว่า “การพิจารณาคัดเลือกเลขาธิการ กสทช. ในครั้งนี้ เป็นการดำเนินการโดย ประธาน กสทช. เพียงคนเดียว ซึ่งตาม พ.ร.บ.องค์กรจัดสรรคลื่นความถี่ฯ มาตรา 61 กำหนดให้ การแต่งตั้งและถอดถอนเลขาธิการ กสทช. กระทำโดยประธาน กสทช. โดยความเห็นชอบของ คณะกรรมการ กสทช. แสดงให้เห็นว่าการดำเนินการต้องมีลักษณะเป็น “คณะกรรมการ” ประกอบไปด้วย กรรมการ กสทช. จำนวน 7 คน โดยใช้อำนาจหน้าที่ตามกฎหมายผ่านการ “ลงมติ” โดยที่กรรมการ กสทช. 1 คนมี 1 เสียงในการลงคะแนน และเมื่อที่ประชุม กสทช. ได้คะแนนเสียงข้างมากของกรรมการ กสทช. ผู้มาประชุม หรือไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่งของจำนวนกรรมการ กสทช. ทั้งหมด ฉะนั้นการที่จะตัดสินใจ อย่างใดอย่างหนึ่ง ต้องมีการลงมติ จากคณะกรรมทั้งหมด มิใช่จาก ประธานเพียงแค่ท่านเดียว”
แหล่งข่าวจากกสทช.กล่าวว่า หากผู้สมัครทั้ง 4 คนฟ้องศาลปกครอง เชื่อว่าจะสามารถชนะได้ เพราะการสรรหามีการประกาศเป็นการทั่วไป และไม่ว่าองค์กรไหนต่างก็ใช้วิธีเสนอชื่อทั้ง 7 คน ให้บอร์ดทุกคนโหวต ไม่ใช่การใช้อำนาจประธานเพียงคนเดียว
Tuyên bố từ chối trách nhiệm: Bản quyền của bài viết này thuộc về tác giả gốc. Việc đăng lại bài viết này chỉ nhằm mục đích truyền tải thông tin và không cấu thành bất kỳ lời khuyên đầu tư nào. Nếu có bất kỳ hành vi vi phạm nào, vui lòng liên hệ với chúng tôi ngay lập tức. Chúng tôi sẽ sửa đổi hoặc xóa bài viết. Cảm ơn bạn.