23 หุ้นเก็งรับทรัพย์นโยบาย Digital Wallet

     ฝ่ายวิจัย บล. เอเซีย พลัส ระบุว่า หลังนายเศรษฐา ทวีสิน โปรดเกล้าฯนายกฯวานนี้ ขั้นตอนต่อไป คือ การจัดทำรายชื่อ ครม.คาดว่าจะเสร็จภายใน 1 สัปดาห์ จากนั้นส่งให้สำนักเลขาธิการ ครม.ตรวจสอบคุณสมบัติ อีกประมาณ 1 สัปดาห์ต่อไปเป็นขั้นตอนทูลเกล้าฯ และเข้าถวายสัตย์ปฏิญาณ คาดว่าจะใช้เวลาอีก 1 สัปดาห์(รวม 3 สัปดาห์) ซึ่ง อ.วิษณุ (รักษาการณ์รองนายกรัฐมนตรีด้านกฎหมาย) คาดว่าจะช่วงปลาย ก.ย.66 ครม.ใหม่จะเข้าทำงานได้ประเด็นดังกล่าว ทำให้ Sentiment เชิงบวกยังมีอยู่ และผลักดัน SET Index ไปทดสอบแนวต้าน 1560 / 1570 จุด

     ขณะที่ประเด็นถัดไปที่คนส่วนใหญ่พูดถึงและติดตาม คือ นโยบาย Digital Wallet แจกเงิน 10,000 บาท/คน ของพรรคเพื่อไทย ที่มีโอกาสเกิดขึ้นจริงหลังเป็นนโยบายชูโลงของพรรค และมีกระแสว่านายกฯจะเป็นรัฐมนตรีกระทรวงการคลัง ซึ่งกลุ่มหุ้นที่สามารถเก็งกำไรได้แบ่งเป็น 2 กลุ่มหลักๆ ดังนี้

     1) กลุ่มหุ้นที่ขายอุปกรณ์อิเล็กทรอนิคส์ และเครือข่ายโทรคมนาคม ADVANC, TRUE, COM7, SPVI, CPW, IT, SYNEX, SIS เป็นต้น

     2) กลุ่มหุ้นที่เกี่ยวข้องกับ Digital Asset ทั้งหมด

     2.1 บริษัทที่เข้าไปลงทุนใน Crypto Currency โดยตรง เช่น หุ้น BROOK ซึ่งผลประกอบการจะขึ้น/ลง หรือได้ประโยชน์ เสียประโยชน์ฯจากแนวโน้มราคาเหรียญ

     2.2 บริษัทที่เข้าไปลงทุนขุด BITCOIN (BITCOIN Mining) : เช่น หุ้น JTS ต้นทุน คือ ค่าไฟ , อุปกรณ์ และการ์ดจอในขุด ฯลฯ ส่วนรายได้คือ เหรียญ Crypto อาทิ Bitcoin ที่ได้จากการเข้าไปแข่งกันถอดรหัส ทั้งนี้หากแนวโน้มราคา Bitcoin ปรับขึ้น , ต้นทุนเท่าเดิม จำนวนเหรียญฯที่ขุดได้เท่าเดิม แต่มูลค่าเหรียญที่ขุดได้จะเพิ่มเป็นกำไร

     2.3 บริษัทที่รับ Crypto currency หรือ tokens เพื่อใช้ซื้อสินค้า หรือ บริการ : ก่อนหน้าที่ออกข่าวและเกิดกระแสเก็งกำไร อาทิ RS, ANAN, SIRI, SC, ORI, ASW, MAJOR, JMART ฝ่ายวิจัย ASPS ประเมินว่าจะได้เพียงกระแส หรือ Sentiment เชิงบวกเท่านั้น

     2.4 บริษัทที่ทำ ICO portal คือ (ผู้ให้บริการToken) ทำหน้าที่คล้ายที่ปรึกษาทางการเงิน ในการตรวจสอบข้อมูลการออก ICOของบริษัทที่เสนอขายโทเคน (due diligence) และเก็บรักษาทรัพย์สินของผู้ลงทุน ฯลฯ อาทิ KBANK , SCB , XPG , JTS

     2.5 ทำระบบ Exchangeซื้อขาย Crypto currency อาทิ GULF

     สรุป ฝ่ายวิจัยฯ ประเมินว่านโยบาย Digital wallet มีโอกาสเกิดขึ้นจริง หลังได้ตัวนายกฯ ดังนั้นหุ้นที่อยู่ในกระแสเก็งกำไรจากประเด็นดังกล่าว และฝ่ายวิจัยฯชื่นชอบ คือ COM7 , TRUE , SIRI , SC , JMART , KBANK , SCB และ GULF 

ส่องหุ้นนโยบายเพื่อไทย

     นายกรภัทร วรเชษฐ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยและการบริการการลงทุน บล.กรุงศรี พัฒนสิน จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า การเมืองภายในเดินหน้าต่อมีความชัดเจนแล้ว “ราชกิจจานุเบกษา” เผยแพร่ ประกาศ แต่งตั้งนายกรัฐมนตรี “เศรษฐา ทวีสิน” แล้ว หลังที่ประชุมร่วมรัฐสภา ลงมติเห็นชอบเกินกึ่งหนึ่ง หลังจากนี้ นายกฯ จะทำการคัดสรรบุคคลผู้สมควรดำรงตำแหน่งรัฐมนตรี เมื่อเรียบร้อยจะนำความขึ้นกราบบังคมทูลเพื่อมีพระบรมราชโองการแต่งตั้งรัฐมนตรี โดยนายสุทิน คลังแสง ส.ส. พรรคเพื่อไทย แกนนำรัฐบาล คาดว่าจะมีความชัดเจน 25 ส.ค.นี้ 

     หลังจากนี้ติดตาม 1)หน้าตา ครม. ใหม่ และทีมเศรษฐกิจว่าจะสร้างความเชื่อมั่นตลาดทุนมาก/น้อยเพียงใด ซึ่งโดยรวมคาดว่า ครม. ใหม่จะเริ่มปฏิบัติหน้าที่ได้นับจาก ก.ย.66 และ 2)การขับเคลื่อนนโยบายหลักๆที่นำโดยพรรคเพื่อไทย 

     KCS มองโครงสร้างนโยบาย คือ ส่วนที่ 1 คือ เศรษฐกิจฐานราก และ ดิจิทัล (Digital Wallet กระตุ้นบริโภคระยะสั้น, เพิ่มรายได้ต่อครัวเรือน หนุนระยะกลาง-ยาว ผ่านกลไกเพิ่มทักษะ (Platform สร้างอาชีพ และ 1 คนที่มีศักยภาพใน 1 ครอบครัว 1 Soft Power และ จัดโครงสร้างธุรกิจเกษตร (ปลูก/เลี้ยงพืช สัตว์ตรงความต้องการโลก นำเทคโนโลยีเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตและลดต้นทุน)) และเมื่อ GDP เริ่มตั้งฐานเติบโตได้เป้าหมาย 5+/-% ต่อปี จะตามด้วยการปรับเพิ่มค่าแรงขั้นต่ำและเงินเดือน ป.ตรี

     ส่วนที่ 2 คือ การขับเคลื่อนการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน(ผลักดันรถไฟความเร็วสูง รถไฟเชื่อมระหว่างเมืองหลัก เมืองรอง, สนามบิน) และการลงทุน (เพิ่มพื้นที่นิคมใหม่ๆ อำนวยความสะดวกลงทุนเพิ่มขึ้น เช่น ระบบรัฐบาลดิจิทัล ลดขั้นตอนติดต่อ และเพิ่มสิทธิประโยชน์ผลักดัน S Curve ใหม่ฝั่งดิจิทัลในกลุ่ม SMEs และ Start-up)

     ส่วนที่ 3 คือ นโยบายต่างๆที่คาดเสริมเข้ามาในภายหลัง อาทิ นโยบายเด่นๆ ในอดีตของพรรคเพื่อไทยที่อาจจะถูกนำกลับมาใช้อีกครั้ง อาทิ นโยบายด้านเกษตร (พยุงราคายาง) นโยบายที่จะหนุนการลงทุนตลาดทุน อาทิ กองทุนหุ้นระยะยาว และนโยบายการปรับโครงสร้างธุรกิจพลังงาน รวมถึงนโยบายเด่นๆในอดีต เช่น รถยนต์คันแรก (คาดจะมีนโยบายคล้ายกันในส่วนการขับเคลื่อนผ่านรถยนต์ EV) บ้านหลังแรก ซึ่งส่วนดังกล่าวยังไม่มีรายละเอียดที่ชัดเจนในปัจจุบัน แต่ควรติดตามใกล้ชิด เนื่องจากมีโอกาสจะส่วนช่วยเปิด Upside ด้านอื่นๆ

     สำหรับกลยุทธ์ให้เน้นลงทุนหุ้นอิงนโยบายการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของพรรคเพื่อไทย ทั้ง CPAXT, DOHOME, GLOBAL, ADVANC, BE8, SCB, KBANK, WHA, STEC, PTT, AMATA, GULF

Tuyên bố từ chối trách nhiệm: Bản quyền của bài viết này thuộc về tác giả gốc. Việc đăng lại bài viết này chỉ nhằm mục đích truyền tải thông tin và không cấu thành bất kỳ lời khuyên đầu tư nào. Nếu có bất kỳ hành vi vi phạm nào, vui lòng liên hệ với chúng tôi ngay lập tức. Chúng tôi sẽ sửa đổi hoặc xóa bài viết. Cảm ơn bạn.