กลุ่มMBKจัดผังธุรกิจคาดปีนี้ทำรายได้กว่าหมื่นล้านส่วนปีหน้าเติบโต5-10%
นายวิจักษณ์ ประดิษฐวณิช ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้อำนวยการ บมจ. เอ็ม บี เค หรือ MBK เปิดเผยถึงความคืบหน้าหลังการปรับโครงสร้างธุรกิจกับ PostToday ว่าล่าสุดกลุ่ม MBK ได้มีการจัดแบ่งกลุ่มธุรกิจให้ชัดเจนขึ้น โดยปัจจุบันประกอบด้วย 8 กลุ่มหลัก ได้แก่ ธุรกิจศูนย์การค้า ธุรกิจโรงแรมและการท่องเที่ยว ธุรกิจกอล์ฟ ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ธุรกิจอาหาร ธุรกิจการเงิน ธุรกิจการประมูล และศูนย์สนับสนุนองค์กร โดยได้กำหนดให้มีการบริหารภายในกลุ่มธุรกิจ เพื่อให้การบริหารจัดการได้คล่องตัวและโฟกัสมากขึ้น เช่นเดียวกับช่วยให้การจัดการเรื่องบุคลากรดีขึ้น ตลอดจนเป็นการเปิดโอกาสให้เกิดดีล joint venture ได้ง่ายขึ้นด้วย
โดยปัจจุบันเครื่องยนต์หลักที่ขับเคลื่อนรายได้ให้แก่ MBK ยังคงเป็นกลุ่มธุรกิจศูนย์การค้าและการเงิน รองลงมาคือโรงแรมกับร้านอาหาร แต่กลุ่มที่สร้างผลผลกำไรดีสุดคือกลุ่มการเงินและโรงแรมที่มีรายได้สม่ำเสมอกว่าธุรกิจกลุ่มอื่น ๆ
"สำหรับปีนี้ทั้งกลุ่ม MBK คาดว่าจะทำรายได้กว่า 1 หมื่นล้านบาท และมองการเติบโตในปีหน้าคาดว่าจะอยู่ที่ 5-10% แม้จะมีปัจจัยความเสี่ยงต่าง ๆ ที่ยังต้องจับตามองไม่ว่าการท่องเที่ยวที่อาจไม่ได้ตามเป้า สินเชื่อครัวเรือนที่ยังสูง และตัวเลขการส่งออกของไทยที่ยังไม่ดีนัก จึงต้องทำธุรกิจที่หลากหลายเพื่อกระจายความเสี่ยงและรู้จักลูกค้าอย่างถ่องแท้"
สำหรับแผนการแยก (Spin-Off) บริษัทย่อยหรือบริษัทในเครือ เพื่อผลักดันให้เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์นั้น นายวิจักษณ์เปิดเผยว่า ในอนาคตก็มีโอกาสเป็นไปได้ที่จะ Spin-Off บริษัทในเครือจาก 8 กลุ่มธุรกิจออกมาเพื่อตั้งป็นบริษัทใหม่เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เพื่อระดมทุนได้เองและมีโอกาสเติบโตด้วยการทำ joint venture ได้มากขึ้น แต่ยังไม่ได้มีเป้าหมายหรือกำหนดเวลาที่ชัดเจนในระยะอันใกล้นี้
อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันบริษัทในเครือยังสามารถระดมทุนผ่านบริษัทแม่อย่าง MBK ได้อยู่แล้ว แต่มองว่าธุรกิจในเครือที่น่าจะมีศักยภาพและมีความพร้อมสุดที่จะ Spin-Off ออกไปได้คือโรงแรม แต่ตอนนี้อาจจะยังไม่ชัดเจนว่าควรเป็นอย่างไร
ยกเครื่องธุรกิจหลัก
ทั้งนี้ศูนย์การค้ามาบุญครอง ปัจจุบันมีร้านค้าเข้าเปิดให้บริการมากกว่า 90% แล้ว เพราะมีการปรับโมเดลธุรกิจใหม่ ด้วยกลยุทธ์สำคัญมาจากการที่เข้าใจลูกค้าจากการทำแบบสำรวจทุกเดือนเพื่อให้ได้ข้อมูลที่แม่นยำในการนำไปใช้บริหารแผนธุรกิจ โดยก่อนที่จะเกิดวิกฤตโควิด19 มาบุญครองเน้นการต้อนรับนักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ สัดส่วน 60% ขณะที่คนไทยมีเพียง 40%
ปัจจุบันศูนย์การค้ามาบุญครอง ได้เปลี่ยนรูปแบบให้ต้อนรับคนไทยมากขึ้น เปิดร้านอาหารเพิ่ม และที่สำคัญคือการเปิดร้าน ดองกิโฮเต้ (Don Quijote) ซึ่งเป็นที่นิยมสำหรับคนไทย จึงช่วยขยับอัตราส่วนลูกค้าคนไทยขึ้นเป็น 60% ส่วนชาวต่างชาติ 40% รวมถึงมีจำนวนผู้เข้ามาเดินห้างฯ เพิ่มขึ้นจากช่วงก่อนโควิด-19 ที่เฉลี่ย 72,000 คนต่อวันเป็นกว่า 80,000 คนต่อวัน
ขณะที่ Riverdale District ที่นับเป็นโปรเจคเรือธงของกลุ่ม MBK โดยเป็นโครงการ Mixed-Use บนพื้นที่ 1,500 ไร่ ที่ปัจจุบันได้ดำเนินโครงการในเฟสที่ 1 เสร็จสิ้นแล้วทั้งหมด ส่วนแผนดำเนินการในเฟสที่ 2 นั้น คือการพัฒนาโรงเรียนนานาชาติเต็มรูปแบบ การเปิด Health and Wellness Center ไปจนถึงการพัฒนาอาคารสำนักงาน แต่ยังอยู่ระหว่างการศึกษา ซึ่งต้องใช้เวลาพอสมควรและรอจังหวะเวลาเหมาะสมเมื่อเมืองขยายตัวมากขึ้นแล้ว
นอกจากนี้ ในส่วน Riverdale Marina ซึ่งปัจจุบันกลุ่มลูกค้าหลักคือคนไทยระดับ luxury นั้น บริษัทมีแผนเพิ่มเติม Marina Plaza ที่เป็นเหมือน one stop service สำหรับกิจกรรมเล่นเรือยอร์ช ที่มีศูนย์รวมเกี่ยวกับอุปกรณ์เรือทั้งหมด สอนการขับเรือ แล้วยังครอบคลุมไปถึงการจัดการต่าง ๆ เกี่ยวกับการเดินเรือ เช่น ออกเอกสารต่าง ๆ ติดต่อกรมเจ้าท่า ฯลฯ
สำหรับแผนงานในปีหน้านั้น นายวิจักษณ์เปิดเผยว่าตรียมงบลงทุนเพิ่มเติมไว้ที่ 2.5 พันล้านบาท โดยจะเน้นลงทุนในด้าน operation ของตัวธุรกิจที่เบริษัทได้ลงทุนไปแล้วในปีนี้ เช่น ศูนย์การค้าพาราไดซ์ เพื่อช่วยให้เร่งจัดการได้ดีและเติบโตเร็วขึ้น รวมถึงเน้นทำการตลาดสำหรับโรงแรมทินิดี เทรนดี้ กรุงเทพ ข้าวสารที่เพิ่งเปิดใหม่ด้วย ตลอดจนมองหาโอกาสในการลงทุนใหม่ ๆ
"ด้านกลุ่มการเงิน ที่เราซื้อหุ้นเพิ่มทุนของทุนธนชาตจากประมาณ 13% เป็น 20% และได้ข้ออนุมัติผู้ถือหุ้นไปแล้วว่าในปีหน้าจะเพิ่มเป็น 24.9% โดยการซื้อหุ้นบนกระดานในตลาดหลักพทรัพย์ เพื่อทำให้ผลตอบแทนที่ได้มีความยั่งยืนมากขึ้นในช่วงที่มีความเสี่ยงจากธุรกิจหลักกลุ่มอื่น ๆ เช่น กรณีที่ธุรกิจท่องเที่ยวมีปัญหา"
นอกจากนี้นายวิจักษณ์ได้ฝากทิ้งท้ายถึงแผนงานระยะยาวสำหรับกลุ่ม MBK อีกว่าบริษัทจะยังคงเติบโตไปในทิศทางปัจจุบัน โดยคาดว่าจะต่อยอดธุรกิจจากที่ดินพื้นที่ขนาดใหญ่ที่บริษัทถือครองอยู่ทั้งในจังหวัดปทุมธานีและภูเก็ต ซึ่งมองว่าน่าจะมีโอกาสพัฒนาโครงการใหม่ ๆ ได้มากขึ้น และน่าจะต้องใช้งบลงทุนมากพอสมควรเพื่อพัฒนาพื้นที่ดังกล่าวให้เป็น community ที่ดีต่อไปในอนาคต
Tuyên bố từ chối trách nhiệm: Bản quyền của bài viết này thuộc về tác giả gốc. Việc đăng lại bài viết này chỉ nhằm mục đích truyền tải thông tin và không cấu thành bất kỳ lời khuyên đầu tư nào. Nếu có bất kỳ hành vi vi phạm nào, vui lòng liên hệ với chúng tôi ngay lập tức. Chúng tôi sẽ sửa đổi hoặc xóa bài viết. Cảm ơn bạn.