คอหนังแห่ดูสัปเหร่อ-ธี่หยด คอหุ้นแห่เคาะ"MAJOR"ไปได้แค่ไหน?

     ความเคลื่อนไหวของราคาหุ้น "บริษัท เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ้ป จำกัด (มหาชน) หรือ MAJOR" ปิดการซื้อขายวันนี้(30 ต.ค.66) อยู่ที่ 15.20 บาท เพิ่มขึ้น 0.60 บาท คิดเป็น +4.11% มูลค่าการซื้อขาย 115.56 ล้านบาท

     โดยระหว่างการซื้อขายในช่วงเช้า ราคาขึ้นไปทดสอบสูงสุด ที่ 15.20 บาท และ ลดลงต่ำสุด ที่ 14.70 บาท

"สัปเหร่อ-ธี่หยด"หนุน Q4

     บล.ฟิลลิป(ประเทศไทย) ระบุว่า คาดไตรมาส 3/66 กำไรสุทธิ 96 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 362.8% y-y ส่วนใหญ่เกิดจากรายการพิเศษโดยในไตรมาส 3/66 รายได้ตั่วคาดลดลง 5% จากหนังไม่ค่อยทำรายได้ซึ่งส่งผลให้อาหาร/เครื่องดื่ม ลดลง 5% โฆษณารายได้ เพิ่มขึ้น 49% จากขึ้นสัญญาใหม่และโบว์ลิ้ง เพิ่มขึ้น 20% จากการจัดการแข่งขันรายได้รวมคาดเพิ่มขึ้น 1.9% y-y ที่ 1,751 ล้านบาท

     ต้นทุนคาดเพิ่มขึ้น 8.9% จากส่วนลดค่าเช่าที่น้อยลงต้นทุนการจัดอีเวนท์ตามงานที่เพิ่มขึ้นและการปรับปรุงสาขาสุขุมวิท และ SG&A เพิ่มขึ้น 8.1% จะมีรับเงินปันผลของ TKN และ WORK ที่ 37 ล้านบาท และ Defer Tax จากการขาย MPIC มีภาษีกลับคืนราว 100 ล้านบาท แต่หากไม่รวม Defer Tax การดำเนินงานจะขาดทุน 4 ล้านบาท แต่ q-q ลดลงหลักมาจากรายการพิเศษและรายได้หนังที่ลดลง

     ขณะที่ในไตรมาส 4/66 ดูดีขึ้นมากหลังมีหนังทำเงินสูงมาก อย่าง “สัปเหร่อ” และ “ธี่หยด” ถึง 26 ต.ค. MAJOR มีรายได้ที่ 373 ล้านบาท และ 25 ล้านบาทตามลำดับ จากเดิมที่ไม่มีหนังทำเงินในไตรมาส 3/66 นอกจากนี้หนังยังทำรายได้เพิ่มขึ้นยังมีหนัง The Marvels The Hunger Games4 , 4King 2 , Aquam an 2 ที่จะทยอยเข้าและรับรู้รายได้ป๊อบคอร์นเข้าขายใน 7-11 เต็มไตรมาส

     ส่วนสัญญาณทางเทคนิค หุ้น MAJOR วันนี้ปรับตัวขึ้นมาจากราคาเปิดที่ 14.70 บาท เพิ่มขึ้น 2.71% และได้ถึงแนวต้านแรกแล้วที่ 15.00 บาท โดยมีแนวต้านถัดไปที่ 15.50 บาท

รายการพิเศษหนุนกำไร Q3

     บล.กรุงศรี พัฒนสิน ระบุว่า หนัง "ธี่หยด" ได้รับกระแสตอบรับอย่างต่อเนื่องหลังเพิ่งเข้าฉายวันแรกเมื่อวันที่ 26 ต.ค. 23 ล่าสุด 29 ต.ค.สร้างรายได้ทะลุ 200 ล้านบาท เป็นหนังไทยที่ทำรายได้ผ่านหลัก 100 ล้านเร็วที่สุดของปี 2023 และสร้างความต่อเนื่องจากหนังเรื่อง “สัปเหร่อ” ที่สร้างรายได้ 600 ล้านบาท มองทิศทางดังกล่าวเปิด Upside หุ้น MAJOR ในฐานะผู้ให้บริการโรงหนังหลัก (ส่วนแบ่งตลาด 70%) สูงกว่าตลาดคาดต่อเนื่อง เชิงกลยุทธ์แนะนำเก็งกำไร

     ทั้งนี้ ฝ่ายฯมอง Slightly Positive ต่อแนวโน้มกำไรสุทธิ ไตรมาส 3/66 ที่สูงกว่าคาดเดิมจากมีรายการพิเศษเข้ามาช่วยหนุน คาดกำไรสุทธิ 94 ล้านบาท (เพิ่มขึ้น 356% y-y แต่ลดลง 82% q-q) โต y-y จากรายการพิเศษ แต่ลดลง q-q ตามฤดูกาล 

     ส่วนแนวโน้มกำไรไตรมาส 4/66 ฟื้นเด่นจากเบื้องต้นมีหนังไทย 2 เรื่องทำรายได้สูง และช่วงที่เหลือของไตรมาสยังมีหนังฟอร์มใหญ่รอฉายอีกหลายเรื่อง คงคำแนะนำ Buy ปรับเพิ่มราคาเป้าหมาย (TP23F) ขึ้นเป็น 19.10 บาท

Tuyên bố từ chối trách nhiệm: Bản quyền của bài viết này thuộc về tác giả gốc. Việc đăng lại bài viết này chỉ nhằm mục đích truyền tải thông tin và không cấu thành bất kỳ lời khuyên đầu tư nào. Nếu có bất kỳ hành vi vi phạm nào, vui lòng liên hệ với chúng tôi ngay lập tức. Chúng tôi sẽ sửa đổi hoặc xóa bài viết. Cảm ơn bạn.