จากขุนพลถึง "แฟนบอล" กับภารกิจสุดท้ายในการสร้างประวัติศาสตร์ของทีมชาติอังกฤษ - [FEATURE]
แกเร็ธ เซาธ์เกต ผู้จัดการทีมชาติอังกฤษ กล่าวว่า ตนเอง และพลพรรค "สิงโตคำราม" ได้มอบมอบค่ำคืนที่ดีที่สุดในรอบ 50 ปีให้กับแฟนบอลเลือดผู้ดีทุกคน หลังจากเอาชนะ เนเธอร์แลนด์ ด้วยสกอร์ 2-1 ในศึกยูโร 2024 รอบรองชนะเลิศ เมื่อวันพุธที่ผ่านมา
ขณะเดียวกัน ชัยชนะดังกล่าวยังทำให้ อังกฤษ ผ่านเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศในรายการนี้เป็นครั้งที่ 2 ติดต่อกัน ซึ่งทีมของ เซาธ์เกต ก็มีลุ้นที่จะสร้างประวัติศาสตร์คว้าแชมป์ยูโรสมัยแรกมาครอง หากเอาชนะคู่แข่งอย่าง สเปน ในวันที่ 14 กรกฎาคมนี้
เซาธ์เกต กล่าวหลังจบเกมว่า "ผมรับงานเพื่อพยายามพัฒนาฟุตบอลอังกฤษ และตอนนี้เราอยู่ในรอบชิงชนะเลิศเป็นครั้งที่สองแล้ว และผมเชื่อว่าเราได้มอบค่ำคืนที่น่าตื่นเต้นให้แฟนบอลตามที่พวกเขาคาดหวัง"
"เรามอบค่ำคืนที่ดีที่สุดในรอบ 50 ปีที่ผ่านมาให้กับพวกเขา ผมภูมิใจอย่างยิ่งกับสิ่งนั้น ผมดีใจมากถ้าทุกคนที่บ้านรู้สึกแบบที่เราเป็นวันนี้ แต่งานของเรายังไม่จบ เรามีบททดสอบที่ยิ่งใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยมีมารออยู่ เราต้องเตรียมตัว เรามาที่นี่เพื่อชัยชนะ และนั่นยังคงเป็นเป้าหมายของเรา"
เส้นทางการมาถึงรอบชิงฯของ อังกฤษ ไม่ได้ราบรื่นนัก พวกเขาชนะเกมเดียว และเสมอ 2 นัดในรอบแบ่งกลุ่ม ส่วนรอบ 16 ทีมสุดท้าย เอาชนะ สโลวาเกีย ในช่วงต่อเวลาพิเศษ ก่อนจะเอาชนะจุดโทษ สวิตเซอร์แลนด์ ในรอบ 8 ทีมสุดท้าย และเฉือน เนเธอร์แลนด์ ในช่วงทดเวลาบาดเจ็บครึ่งหลัง
เซาธ์เกต กล่าวต่อว่า "เราทุกคนต้องการได้รับการยอมรับใช่ไหม? เมื่อคุณกำลังทำอะไรบางอย่างเพื่อประเทศของคุณ คุณเป็นคนอังกฤษและคุณภาคภูมิใจกับมัน แน่นอนคุณคงไม่รู้สึกว่าอยากมองย้อนกลับไป เพราะก่อนหน้านี้สิ่งที่คุณเจอมีแต่คำวิจารณ์ด้านลบ และมันยากที่จะทำเหมือนไม่สนใจมัน"
"การได้ฉลองในการเข้าชิงชนะเลิศครั้งที่สองนั้นพิเศษมาก ถ้าผมไม่ได้อยู่ในสนาม ผมคงเฉลิมฉลองเหมือนแฟนบอลคนอื่นๆ แต่ผมเป็นคนที่ต้องรับผิดชอบทีม ดังนั้น การได้มอบค่ำคืนที่ดีกับแฟนๆ มันพิเศษมาก เรามาที่นี่เพื่อชัยชนะ และแน่นอนเราต้องการเล่นกับทีมที่เก่งที่สุดในทัวร์นาเมนต์ (รอบชิงชนะเลิศ) เพราะเราเองยังอยู่ที่นี่และพร้อมสำหรับภารกิจสุดท้ายที่รอเราอยู่"
ขณะที่ จูด เบลลิงแฮม จอมทัพ เรอัล มาดริด ตั้งเป้าหมายว่า จะพยายามที่จะเป็นทีมชาติอังกฤษชุดแรกนับตั้งแต่ปี 1966 ที่คว้าถ้วยรางวัลใหญ่ และขอสู้อย่างเต็มที่ในเกมนัดชิงฯ ที่จะต้องเจอกับ สเปน
ดาวเตะวัย 21 ปี กล่าวว่า "ผมภูมิใจในตัวเพื่อนร่วมทีมทุกๆคนในเรื่องปฏิกิริยา ทัศนคติ และสภาพจิตใจ ส่วนคุณภาพก็เรื่องหนึ่ง แต่คุณลักษณะเหล่านั้นคุณไม่สามารถเรียนรู้ได้ในการฝึกซ้อม คุณได้รับมันจากประสบการณ์"
"ตอนนี้มันเป็นอีกเกมหนึ่งที่ผ่านไปแล้ว เราเหนื่อยมาอย่างต่อเนื่อง มันเป็นฤดูกาลที่ยาวนาน แต่นี่เป็นแรงผลักดันครั้งสุดท้ายสำหรับประเทศของเรา และประวัติศาสตร์ชาติ"
ด้าน ค็อบบี ไมนู กองกลางดาวรุ่งจาก แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด กล่าวว่า "มันเป็นความรู้สึกที่อธิบายไม่ได้ เราทุกคนต่างก็ตื่นเต้น มันเป็นการเดินทางที่ยิ่งใหญ่ และเราได้สร้างผลงานที่ดี ตอนนี้มันขึ้นอยู่กับเราแล้ว และถึงเวลาที่จะสร้างประวัติศาสตร์ให้กับตัวเอง"
แม้จะโดนวิพากษ์วิจารณ์มาตลอดเส้นทางตั้งแต่นรอบแบ่งกลุ่มมาจนถึงนัดชิงฯ แต่ เซาธ์เกต และลูกทีมก็แสดงให้เห็นว่า พวกเขาขอตั้งใจทำผลงานในสนามให้ดีที่สุด ซึ่งก็ได้ผลตอบแทนที่คุ้มค่ากับการเหลืออีกเพียงก้าวเดียวที่จะสร้างประวัติศาสตร์ให้กับ "ทัพสิงโตคำราม" กับแชมป์ยุโรปสมัยแรกเสียที
Tuyên bố từ chối trách nhiệm: Bản quyền của bài viết này thuộc về tác giả gốc. Việc đăng lại bài viết này chỉ nhằm mục đích truyền tải thông tin và không cấu thành bất kỳ lời khuyên đầu tư nào. Nếu có bất kỳ hành vi vi phạm nào, vui lòng liên hệ với chúng tôi ngay lập tức. Chúng tôi sẽ sửa đổi hoặc xóa bài viết. Cảm ơn bạn.