แรงงานไทยในอิสราเอลที่ซื้อตั๋วกลับเอง นำหลักฐานเบิกเงินคืนเต็มจำนวน

     นางกาญจนา ภัทรโชติ อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ แถลงความคืบหน้าสถานการณ์ในอิสราเอลหลังการประชุมคณะกรรมการฉุกเฉินเพื่อติดตามสถานการณ์ในอิสราเอล ว่า เมื่อเช้าที่ผ่านมานายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีได้เชิญทูตอิสราเอลประจำประเทศไทยหารือและขอให้ฝ่ายอิสราเอลช่วยอำนวยความสะดวกในการจัดส่งคนไทยกลับประเทศโดยเร็วที่สุด

     โดยทูตอิสราเอลแจ้งว่า อิสราเอลได้อพยพคนต่างชาติออกจากบริเวณพื้นที่ใกล้ฉนวนกาซากว่าร้อยละ 99 ไปยังพื้นที่ปลอดภัยแล้ว ซึ่งนายกรัฐมนตรีว่าการทรงกลับเป็นเป้าหมายสูงสุดของไทยจึงขอให้ช่วยดูแลความปลอดภัยและการลำเลียงมายังสนามบิน ซึ่งทูตอิสราเอลได้รับปาก 

     ทั้งนี้นายกรัฐมนตรีได้พูดคุยกับทูตอิสราเอลเกี่ยวกับเรื่องการส่งต่อแรงงานไปยังนิคมเกษตรพื้นที่อื่นขอให้มีการพักสภาวะจิตใจจากภาวะตึงเครียด แต่ไม่ใช่การบังคับใช้แรงงาน 

     ส่วนสถานการณ์ในอิสราเอล ยังคงรุนแรงยังมีการโจมตีโดยจรวด ซึ่งกลุ่มฮามาสอาจจะมีการตั้งรับเนื่องจากอิสราเอลอาจจะบุกเข้าไป หลังมีการตัดน้ำตัดไฟบริเวณฉนวนกาซา ซึ่งสหประชาชาติก็ได้แสดงความเป็นห่วงผลกระทบต่อพลเมือง ขณะที่อิสราเอลอยู่ระหว่างแผนจัดตั้งพื้นที่อยู่อาศัยชั่วคราวสำหรับผู้อพยพออกจากพื้นที่รอบฉนวนกาซา ซึ่งอยู่ระหว่างการกำหนดพื้นที่ที่แน่นอน 

     ขณะที่ผลกระทบต่อคนไทยในพื้นที่โดยจากสถิติวันนี้ผู้เสียชีวิต 21 ผู้ที่ได้รับบาดเจ็บ 14 และคาดว่าถูกจับตัวไปจำนวน 16 ราย โดยเมื่อวานนี้สถานทูตไทยณกรุงเทลอาวีฟ แจ้งพบแรงงานไทย 2 รายที่หลบซ่อนตัวในนิคมอุตสาหกรรมคิบบุตซ์ นาน 5 วัน  โดยได้นำตัวเข้ารักษากับแพทย์แล้วหากประสงค์จะกลับไทยก็จะอำนวยความสะดวกในการเดินทางกลับ

     ขณะที่ การอพยพวันนี้มีคนไทยกลับประเทศ 19 ราย เที่ยวบินที่ ly 085 ถึงไทยเวลา 16.57 น. และในจำนวนนี้มีแรงงานไทยที่ซื้อตั๋วกลับมาเองด้วย ส่วนพรุ่งนี้จะมีสายการบิน fly Dubai ซึ่งถือเป็นเที่ยวบินที่ 3 ในการอพยพคนไทยจำนวน 100 ราย จะถึงประเทศไทยในวันที่ 15 ตุลาคม 2566 เวลา 07:25 น. โดยจะไปลงที่สนามบินอู่ตะเภา มีรถบัสรับมายังโรงแรม SC park เพื่อให้ญาติมารอรับตั้งแต่เวลา 10:00 น. เป็นต้นไป

     นอกจากนี้ยังได้คุยกับสายการบินอิสราเอลแอร์ไลน์เพิ่มเติม เพื่อจัด charter  flight  อพยพคนไทย  250 คน ออกเดินทางในวันที่ 16 ตุลาคม 2566 โดยรอยืนยันเวลาเดินทางถึงไทย ขณะเดียวกันยังมีเที่ยวบินของกองทัพอากาศ อพยพคนไทย 135 คนจะเดินทางถึงประเทศไทย เวลา 04.00 น. โดนขณะนี้มีผู้ที่ประสงค์จะกลับประเทศไทย 6,778 ราย  ผู้ประสงค์อยู่ต่อ 85 ราย

     นอกจากนี้ยังสำรองเที่ยวบินพาณิชย์สำหรับอพยพคนไทย แต่ขอยังไม่เปิดเผยรายละเอียด ตั้งเป้าอพยพให้ได้วันละ 400 คนจากทุกช่องทาง หากเป็นไปได้จะเดินทางกลับประเทศไทยทุกวัน ส่วนบริษัทการบินไทยก็มีกำหนดอยู่ในแผนแล้วแต่ขอยังไม่เปิดเผยรายละเอียด

     นอกจากนี้ยังมีการเตรียมแผนสำรองโดยการอพยพคนไทยออกไปที่ประเทศจอร์แดนและประเทศใกล้เคียงให้สายการบินไทยไปรับกลับประเทศซึ่งจะสามารถรองรับได้เป็นจำนวนมาก ทั้ง จอร์แดนก็มีสายการบินที่บินมาประเทศไทยด้วย ซึ่งเอกอัครราชทูตไทยประจำกรุงจอร์แดนก็ได้มีการไปพูดคุยรวมถึงขอให้มีการผ่อนปรนเอกสารหลักฐานบางคนที่ยังมีไม่ครบถ้วน รวมถึงกรณีการเดินทางทางบกโดยรถยนต์ ขณะที่แผนการให้ความช่วยเหลือก็จะปรับไปตามสถานการณ์และดูพัฒนาการของอิสราเอล ส่วนกรอบเวลาการอพยพคนไทยกลับตอบยากขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย 

     และยังมีการตั้ง "ศูนย์อพยพที่ดูไบ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์และอียิปต์" เพื่อให้คนไทยมาพักคอย เพื่ออพยพกลับ อย่างไรก็ตามก็ต้องขึ้นอยู่กับแรงงานไทยว่าจะสามารถเดินทางไปยังประเทศไหนที่ใกล้ที่สุด ขณะนี้ยังต้องใช้รถของสถานทูตและรถเช่าอยู่ในการอำนวยความสะดวกอพยพคนไทยแต่จะต้องประสานให้ทางการอิสราเอลดูแลเรื่องความปลอดภัย

     ทั้งนี้สถานทูตได้จัด "สถานที่พักพิงชั่วคราวสำหรับคนไทย" ที่ออกจากพื้นที่อื่นเพื่อรอเดินทางขึ้นเครื่องกลับประเทศไทย โดยจองโรงแรมไว้ที่กรุงเทลอาร์วีฟ ( Dan panorama โรงแรมแดน พาโนรามา) จำนวน 100 ห้อง จะมีการจัดเตรียมอาหารให้ด้วยในระหว่างรอเดินทางกลับประเทศไทย 

     ส่วนประเด็นที่มีคนไทยเดินทางกลับมาเอง 26 คนโดยซื้อตั๋วเครื่องบินเดินทางกลับมาเองนั้น รัฐบาลให้ความสำคัญ และนายกฯให้นโยบายว่าต้องช่วยเหลือคนไทยทุกคน ซึ่งที่ประชุมสถานการณ์ฉุกเฉินได้มีการพูดคุยโดยเห็นชอบในหลักการจ่ายค่าชดเชยให้กับผู้ที่เดินทางกลับไทยตั้งแต่วันที่ 7 ตุลาคม 2566 ซึ่งเป็นช่วงประกาศสภาวะสงคราม

     โดยแรงงานไทยที่เดินทางกลับจะต้องยื่นหลักฐานประกอบด้วยบอร์ดดิ้งพาส ใบเสร็จหรือตั๋วเครื่องบิน ประกอบกับเอกสารหลักฐานแสดงตนหนังสือเดินทางหรือบัตรประจำตัวประชาชน ยื่นผ่านแรงงานจังหวัดและกระทรวงแรงงาน โดยในหลักการรัฐบาลจะจ่ายค่าชดเชยให้โดยขอให้แรงงานเก็บเอกสารหลักฐานไว้ก่อนรอฟังรายละเอียดที่ชัดเจนจากทางการอีกครั้ง ซึ่งแรงงานที่อยู่ต่างจังหวัดทางกระทรวงแรงงานจัดเก็บหลักฐานและยื่นเอกสารไว้ให้

     ส่วนในอนาคตอาจจะมีการตั้งจุดบริการที่สนามบินสุวรรณภูมิ ซึ่งกระทรวงการต่างประเทศจะต้องรวบรวมหลักฐานเพื่อตั้งของบประมาณเป็นงบกลาง 

     พร้อมขอบคุณร้านอาหารไทยในอิสราเอลที่จัดเตรียมอาหารมาช่วยเหลือแรงงานไทยที่อพยพในระหว่างรอกลับประเทศ

     ส่วนผู้ที่ถูกจับตัวเป็นประการนั้นรัฐบาลพยายามพูดคุยกับทุกฝ่าย ซึ่งนายกรัฐมนตรีได้ย้ำกับทูตอิสราเอลว่า- แรงงานเป็นผู้บริสุทธิ์ไม่เกี่ยวข้องกับผู้ขัดแย้ง ขอให้ดำเนินการปล่อยตัวแรงงานไทยโดยเร็วที่สุด และในพื้นที่ก็มีข่าวว่ากลุ่มฮามาสจะสังหารตัวประกันหากอิสราเอลโจมตีขณะนี้ยังไม่ปรากฏข่าวดังกล่าว ตัวเลขผู้เสียชีวิตที่มีการพยายามปล่อยออกว่าคนไทยเสียชีวิตมากที่สุดนั้นขณะนี้ไม่ใช่แต่เป็นประเทศอื่น แต่หากเป็นชนชาติใดก็ขอแสดงความเสียใจที่ประเทศนั้นๆจะต้องสูญเสียญาติพี่น้องไป

     ทั้งนี้สถานทูตไทยในกรุงเทลอาวีฟ และทูตฝ่ายรายงาน ได้พยายามหาเบอร์โทรศัพท์ของแรงงานที่ถูกจับตัวประกันเพื่อให้ทางการอิสราเอล ใช้เทคโนโลยีเพื่อติดตามหาพิกัดว่าถูกจับไปอยู่ในจุดไหน ขณะที่คนที่หลบซ่อนตัวอยู่ตามจุดต่างๆน่าจะได้รับการช่วยเหลือจากทางการอิสราเอลอย่างต่อเนื่อง

Tuyên bố từ chối trách nhiệm: Bản quyền của bài viết này thuộc về tác giả gốc. Việc đăng lại bài viết này chỉ nhằm mục đích truyền tải thông tin và không cấu thành bất kỳ lời khuyên đầu tư nào. Nếu có bất kỳ hành vi vi phạm nào, vui lòng liên hệ với chúng tôi ngay lập tức. Chúng tôi sẽ sửa đổi hoặc xóa bài viết. Cảm ơn bạn.