ขจรศักดิ์ ผู้ว่าฯตรัง ออกก่อนเกษียณ แจงสู้คดีทุจริตอัลฟ่า6
เมื่อวันที่ 5 ต.ค.2566 ที่จ.ตรังได้มีการเผยแพร่เอกสารราชการเกี่ยวกับการอำลาตำแหน่งของนายขจรศักดิ์ เจริญโสภา ผู้ว่าราชการจังหวัดตรังชี้แจงถึงเหตุผลการออกจากราชการลงวันที่ 4 ต.ค.2566 ทั้งที่มีอายุราชการอยู่อีก 1 ปี สาเหตุเมื่อปี2551 ขณะทำหน้าที่ในตำแหน่งหัวหน้ากลุ่มงานยุทธศาสตร์การพัฒนาจังหวัด สำนักงานจังหวัดยะลา ได้รับแต่งตั้งเป็นประธานกรรมการจัดซื้อเครื่องตรวจหาวัตถุระเบิด อัลฟา 6 จำนวน 6 ชุด เพื่อมอบให้หน่วยงานความมั่นคงในพื้นที่
ต่อมาในปี 2554 คณะกรรมการ ป.ป.ช. แต่งตั้งคณะอนุกรรมการไต่สวน 3ชุด กรณีมีการร้องเรียนว่าเครื่องมือตรวจหาวัตถุระเบิดใช้งานไม่ได้ และคณะอนุกรรมการไต่สวน 2 ชุดแรกเสนอความเห็นต่อคณะกรรมการ ป.ป.ช.ว่าไม่มีเจตนากระทำความผิด และจากการตรวจสอบเอกสารการจัดซื้อเครื่องตรวจหาวัตถุระเบิด ผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดินได้ส่งรายงานความเห็นไปยังกรมสอบสวนคดีพิเศษและสำนักงาน ป.ป.ช. ว่า เป็นกรณีที่บริษัทผู้ขายได้หลอกลวงส่วนราชการและหน่วยงานของรัฐโดยเจ้าหน้าที่ของรัฐที่เกี่ยวข้องกับการจัดซื้อเครื่องตรวจหาวัตถุระเบิดมิได้มีการทุจริตแต่อย่างใด
ในปี 2555 จังหวัดยะลาได้แจ้งความดำเนินคดีบริษัทผู้ขายเครื่องมือตรวจหาวัตถุระเบิด และศาลมีคำพิพากษาถึงที่สุดแล้วว่า บริษัทผู้ขายเครื่องมือตรวจหาวัตถุระเบิดได้ฉ้อโกงจังหวัดยะลาตามฟ้อง ด้วยการแสดงข้อความอันเป็นเท็จแก่ผู้ซื้อคือจังหวัดยะลาและได้ปกปิดข้อเท็จจริงที่ควรแสดงให้คู่สัญญาทราบ และให้คืนเงินแก่จังหวัดยะลา
ในปี 2564 ซึ่งระยะเวลาการไต่สวนได้ผ่านมาแล้ว 10 ปี คณะกรรมการไต่สวน ชุดที่ 3 ได้มีความเห็นว่า หัวหน้าส่วนราชการและข้าราชการหลายหน่วยงานที่จัดซื้อเครื่องตรวจหาวัตถุระเบิดกระทำความผิดทางอาญาและวินัยในการจัดซื้อโดยคณะกรรมการ ป.ป.ช. ใช้หลักฐานการทดสอบเครื่องมือตังกล่าวของศูนย์ทดสอบผลิตภัณฑ์ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ (ศทอ.) กระทรวงวิทยาศาสตร์หลังจากที่จังหวัดยะลาได้ใช้งานเครื่องมือดังกล่าวไปแล้วหลายปี โดยระหว่างการใช้เครื่องมือดังไม่ปรากฏว่า มีหน่วยงานใดรายงานว่าเครื่องมือตรวจหาวัตถุระเบิดดังกล่าวใช้งานไม่ได้ นอกจากนั้น เครื่องมือได้ผ่านพ้นระยะเวลาการรับประกันการใช้งานตามสัญญาแล้วตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการพัสดุ พ.ศ. 2535
ในส่วนของตนเองที่ถูกกล่าวหาคณะกรรมการ ป.ป.ช. ได้มีมติชี้มูลความผิดทางอาญาและวินัยร้ายแรง โดยให้ลงโทษปลดออกหรือไล่ออก ซึ่งข้าราชการที่ถูกกล่าวหาและลงโทษครั้งนี้ส่วนใหญ่เป็นข้าราชการระดับล่างและระดับกลางและตามกฎหมาย ป.ป.ช. ได้กำหนดให้ผู้บังคับบัญชาต้องมีคำสั่งลงโทษทางวินัยอย่างร้ายแรงตามที่คณะกรรมการ ป.ป.ช. ได้ชี้มูลความผิดมา โดยให้หน่วยงานต้นสังกัดใช้สำนวนไต่สวน
ข้อเท็จจริงของคณะกรรมการ ป.ป.ช. มาใช้ในการลงโทษ และไม่ต้องดำเนินการสอบสวนข้อเท็จจริงเพิ่มเติมแต่อย่างใด ดังนั้นจึงต้องไปพิสูจน์ความบริสุทธิ์ในชั้นศาลปกครองต่อไป ซึ่งอาจใช้ระยะเวลาเกินกว่า 1 ปี และจะทำให้ไม่สามารถกลับมารับราชการได้อีก
ในท้ายที่สุดแม้ว่าจะกระทำความผิดตามข้อกล่าวหาหรือไม่ก็ตามจึงต้องปฏิบัติตามระบบและขั้นตอนกระบวนการตามที่กฎหมายกำหนดไว้ ทั้งที่ตลอดระยะเวลากว่า 40ปี ที่รับราชการมา ไม่เคยมีประวัติต่างพร้อยมีแต่เจตนาและความตั้งใจที่จะปฏิบัติหน้าที่เพื่อประเทศชาติและประชาชน และได้สมัครใจไปปฏิบัติงานที่จังหวัดยะลาซึ่งเป็นพื้นที่เสี่ยงภัยที่มีการก่อเหตุร้ายและความรุนแรงอย่างต่อเนื่อง
โอกาสนี้ ขอขอบคุณหัวหน้าส่วนราชการ นายอำเภอ หัวหน้าหน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชนที่ได้ให้ความร่วมมือในการขับเคลื่อนงานของรัฐบาล กระทรวง และจังหวัดตรังอย่างมีประสิทธิภาพเกิดผลสัมฤทธิ์จนเป็นที่ประจักษ์และได้รับการยอมรับจากภาคส่วนต่าง ๆในวงกว้าง และจังหวัดตรังได้รับรางวัลต่าง ๆ ในระดับประเทศ ระดับภาคในการสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีให้แก่พี่น้องประชาชนจังหวัดตรัง และขอขอบคุณพี่น้องประชาชนชาวตรังทุกท่านที่ให้ความร่วมมือในการขับเคลื่อนงานต่าง ๆ ของจังหวัดตรังจนบรรลุผลสำเร็จ มา ณ โอกาสนี้ด้วย
ขณะที่นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทยระบุว่า ได้เซ็นหนังสือลาออกแล้วซึ่งไม่ใช่การขอลาออกแต่เนื่องจาก ผู้ว่าราชการจังหวัดตรังมีเรื่องที่ถูก ป.ป.ช. ชี้มูลความผิดทางวินัย อย่างร้ายแรง ในคดีจัดซื้ออัลฟ่า 6 คดียังไม่สิ้นสุด เพราะคำสั่งทางปกครอง สามารถใช้สิทธิ์ในการต่อสู้ได้ส่วนตัวเชื่อว่าไม่ได้เกิดจากการทุจริตแต่ขณะนั้นนายขจรศักดิ์ เป็นหัวหน้าฝ่าย และเป็นกรรมการตรวจรับ
Tuyên bố từ chối trách nhiệm: Bản quyền của bài viết này thuộc về tác giả gốc. Việc đăng lại bài viết này chỉ nhằm mục đích truyền tải thông tin và không cấu thành bất kỳ lời khuyên đầu tư nào. Nếu có bất kỳ hành vi vi phạm nào, vui lòng liên hệ với chúng tôi ngay lập tức. Chúng tôi sẽ sửa đổi hoặc xóa bài viết. Cảm ơn bạn.