วทันยา สงสัยรัฐ ทุ่ม5.6แสนล้าน ดำเนินนโยบายดิจิทัลวอลเล็ต ถาม คนไทยได้อะไร
นางสาววทันยา บุนนาค ประธานคณะทำงานนวัตกรรมการเมืองกทม. พรรคประชาธิปัตย์ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ตั้งคำถามถึงรัฐบาลและคณะกรรมการนโยบายดิจิทัลวอลเล็ตที่คาดว่าจะมีการเสนอแต่งตั้งในการประชุมครม. วันที่ 26 กันยายนนี้ ถึงความคุ้มค่าในการใช้งบประมาณ 5.6 แสนล้านบาท ความชัดเจนในการให้เงิน การใช้จ่าย การดำเนินการตรวจสอบ รวมไปถึงการแก้ปัญหาเศรษฐกิจในด้านอื่นๆ จำนวน 6 คำถาม โดยมีเนื้อหาดังนี้
คนไทยจะได้อะไรจากงบประมาณกว่า 5.6 แสนล้านบาทที่จะใช้กับนโยบายดิจิทัลวอลเล็ต เราน่าจะได้เห็นทิศทางของนโยบายดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท เร็วๆ นี้ ผ่านการประชุม ครม. และตั้งคณะกรรมการเพื่อวางกรอบนโยบาย การทำงาน การตรวจสอบ และการประเมินผล ในวันอังคารนี้ ในฐานะประชาชนที่เสียภาษี ขอฝากคำถามและความเป็นห่วงต่อการใช้งบประมาณแผ่นดินไปยังรัฐบาลและคณะกรรมการ 6 ข้อดังนี้
1.เงินกว่า 5.6 แสนล้านบาทที่จะใช้ในการจัดทำนโยบายจะมาจากไหน? และรูปแบบของเงินพร้อมทั้งการใช้จ่ายจะเป็นระบบ Blockchain หรือจะ E-Money? จนถึงทุกวันนี้ก็ยังคงไม่มีความชัดเจนจากรัฐบาล นอกจากการให้สัมภาษณ์ของ รมต.
2.ไม่ว่ารูปแบบเงินจะใช้เทคโนโลยีแบบไหน แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าจะต้องนำเงินงบประมาณมาเป็นทุนใช้จ่ายในโครงการ ดังนั้นนโยบายนี้จะส่งผลเสียต่อเสถียรภาพทางการคลังในระยะยาวหรือไม่? จะเป็นการเพิ่มภาระให้งบประมาณด้วยการเอาเงินอนาคตมาใช้ก่อน แล้วคนไทยต้องเผชิญกับความลำบากทีหลังหรือไม่?
3.นักวิชาการต่างดาหน้าออกมายืนยันว่าเป็นไปไม่ได้ที่โครงการดังกล่าวจะเกิดการหมุนของเงินในระบบผ่านตัวทวีคูณของเงิน (Multiplier Effects) ถึง 6 รอบตามที่รัฐบาลคาดหวัง ดังนั้นรัฐบาลควรทบทวนว่าหากเงินในระบบไม่สามารถหมุนได้ครบ 6 รอบตามที่ตั้งเป้าไว้ การใช้เงินงบประมาณจำนวนมหาศาลยังคงคุ้มค่าที่จะดำเนินโครงการต่อหรือไม่?
และที่สำคัญคือจะทำอย่างไรให้เงินนั้นกระจายตัวไปยังผู้ประกอบการรายย่อยให้ได้มากกว่า #เจ้าสัว? และใครจะเป็นผู้เก็บรวบรวมข้อมูล? นั่นยังไม่นับรวมถึงกรณีประชาชนนำเงินไปใช้ใน Application ของสัญชาติต่างประเทศที่อาจทำให้สุดท้ายแล้วเงินงบประมาณที่มาจากภาษีคนไทยบางส่วนรั่วไหลออกไปภายนอก เงินที่อัดฉีดเข้าสู่ระบบเพื่อหวังกระตุ้นเศรษฐกิจไม่สามารถหมุนเวียนภายในประเทศอย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วย
4.รัฐบาลต้องไม่ลืมว่านอกจากการกระตุ้นเศรษฐกิจในระยะเร่งด่วนแล้ว สิ่งที่ประชาชนกำลังเผชิญอยู่คือปัญหาหนี้สินและค่าครองชีพที่พุ่งสูง แม้ว่าวันนี้รัฐบาลจะเร่งหาทางลดค่าครองชีพและแก้หนี้สินตามนโยบายที่เคยหาเสียงไว้ แต่สิ่งหนึ่งที่รัฐบาลต้องไม่ลืมคือ ประชาชนคาดหวังอยากเห็นรัฐบาลแก้ปัญหาต้นทุนค่าครองชีพที่ต้นตอ ยกตัวอย่าง ปัญหาค่าไฟฟ้า ไม่ใช่เป็นการแก้ปัญหาแบบลูบหน้าปะจมูก ลดค่าครองชีพของประชาชนในวันนี้ด้วยการนำเงินของอนาคตมาใช้ สุดท้ายประชาชนก็ยังคงเป็นคนที่ต้องแบกรับภาระเหมือนเดิมในขณะที่นายทุนพลังงานยังคงล่ำซำ รวยขึ้นทุกวัน?
5.รายละเอียดวิธีการใช้เงินไม่ว่าจะใช้ได้ครั้งละไม่เกินจำนวนเท่าไหร่? และอยู่ในรัศมี 4 กม. นับจากไหน? ตามที่อยู่ในทะเบียนบ้านหรืออย่างไร? ในกรณีแรงงานพลัดถิ่นที่เข้ามาทำงานในกรุงเทพฯ การกลับไปใช้เงินในพื้นที่คงเป็นเรื่องที่ยากลำบาก อาจเปิดโอกาสให้เกิดการคอร์รัปชัน?
6.การตรวจสอบความโปร่งใสของโครงการนี้จะเป็นอย่างไร? หากมีการทุจริตเกิดขึ้น เช่น แลกเงินสด แลกสิทธิ์ ขายสิทธิ์ เป็นต้น
ทั้งหมดนี้เป็นสิ่งที่อยากถามแทนคนไทยทุกคน เพราะในช่วงที่การฟื้นตัวทางเศรษฐกิจไทยช้ากว่าหลายประเทศ แถมยังมีงบประมาณจำกัด หนี้สาธารณะสูงขึ้นจนจะชนเพดานเงินกู้ แต่คนไทยยังมีหนี้ครัวเรือนพุ่งสูงขึ้น พร้อมกับความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจที่นับวันยิ่งขยายห่างขึ้นเรื่อยๆ ถ้าเราใช้งบประมาณก้อนยักษ์ไปผิดทางหรือได้ผลประโยชน์เฉพาะกลุ่ม ความหวังในการพัฒนาเศรษฐกิจคงริบหรี่“
Tuyên bố từ chối trách nhiệm: Bản quyền của bài viết này thuộc về tác giả gốc. Việc đăng lại bài viết này chỉ nhằm mục đích truyền tải thông tin và không cấu thành bất kỳ lời khuyên đầu tư nào. Nếu có bất kỳ hành vi vi phạm nào, vui lòng liên hệ với chúng tôi ngay lập tức. Chúng tôi sẽ sửa đổi hoặc xóa bài viết. Cảm ơn bạn.