นายกฯอิ๊งค์ประกาศ รัฐบาลอยู่ครบเทอม เตรียมแถลงผลงานในรอบ90วัน

นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เปิดงานสัมมนา PRACHACHAT THAILAND 2025 พร้อมกล่าวปาฐากถาพิเศษในหัวข้อ ''ประเทศไทย: โอกาส, ความหวัง,ความจริง'' ในช่วงปีที่ผ่านมามีการเปลี่ยนแปลงทั่วโลกมากมาย และรัฐบาล ก็กำลังพยายามสร้างโอกาสที่จับต้องได้ให้กับคนไทย เพื่อให้ประชาชนใช้โอกาสให้เกิดประโยชน์ได้ เพราะรัฐบาลเห็นศักยภาพของคนไทย แต่โอกาสยังเข้าไม่ถึง หรืออาจจะมีการสนับสนุนไม่เพียงพอ รัฐบาลจึงพยายามกระจายโอกาส แต่หลายสิ่งก็มีปัญหาสะสมมานาน จึงต้องใช้หลาย ๆ วิธีแก้ปัญหา และผลักดันเศรษฐกิจของประเทศให้ได้อย่างแข็งแรง พร้อมยังระบุว่า รัฐบาลต้องการกระตุ้นเศรษฐกิจ และพัฒนาเศรษฐกิจ เพราะเศรษฐกิจเป็นเรื่องสำคัญที่ทำให้ประชาชนกินได้ อยู่สบาย หากคนไทยปากท้องอิ่ม ศักยภาพที่ซ่อนในตัวก็จะสะท้อนออกมาได้ ฉะนั้น รัฐบาลจึงพยายามกระจายโอกาสให้มากที่สุด 
 

นายกรัฐมนตรี ยังมั่นใจว่า เศรษฐกิจไทยกำลังฟื้นตัว ซึ่งเห็นได้จากการประกาศตัวเลขเศรษฐกิจของสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ หรือ สภาพัฒน์ ที่ได้ประกาศตัวเลขเศรษฐกิจไทย 3 ไตรมาส หรือ 9 เดือน ซึ่งทำได้ดีกว่าที่คาดการณ์ไว้ และเป็นสิ่งที่น่าภูมิใจไทย และการเติบโตส่วนใหญ่มาจากการลงทุนของรัฐบาล และการท่องเที่ยว ซึ่งก่อนช่วงโควิด-19 นั้น ประเทศไทย มีนักท่องเที่ยวราว 40 ล้านคน แต่เมื่อเกิดเหตุโควิด-19 แพร่ระบาด จำนวนนักท่องเที่ยวก็หายไปอย่างชัดเจน

แต่ปีนี้เชื่อว่า ตัวเลขนักท่องเที่ยวจะกลับมาที่ 36 ล้านคนใกล้เคียงกับช่วงก่อนโควิด-19 แพร่ระบาด จึงถือเป็นนิมิตรหมายที่ดี พร้อมยังตั้งเป้าหมายทางเศรษฐกิจว่า จากการคาดการณ์ในปี 2568 รัฐบาลตั้งเป้าเศรษฐกิจจะโตขึ้น และน่าจะโตกว่าที่ตั้งเป้าไว้ เพราะจากการที่ตนไปร่วมประชุมต่างประเทศ ต่างชาติก็มีความมั่นใจที่จะมาลงทุนในประเทศไทย ซึ่งตนก็ได้ให้ความมั่นใจกับต่างชาติไปว่า  รัฐบาลชุดนี้ จะอยู่ครบเทอม จึงขอให้นักลงทุนเชื่อมั่นได้ และตนก็พร้อมสานต่อนโยบายรัฐบาลนายเศรษฐา ทวีสิน อดีตนายกรัฐมนตรี ที่ได้ดำเนินการไว้แล้วด้วย 

นายกรัฐมนตรี ยังเปิดเผยว่า ในวันที่ 12 ธันวาคมนี้ ซึ่งเป็นช่วง 90 วันของรัฐบาล รัฐบาล จะจัดการแถลงผลงาน และเปิดเผยรายละเอียดนโยบายของขวัญปีใหม่ให้กับประชาชน รวมถึงนโยบายใหม่ ๆ ให้ประชาชนได้รับทราบด้วย

ส่วนผลการเลือกตั้งสหรัฐอเมริกา ที่จะมีการเปลี่ยนผู้นำใหม่เป็นนายโดนัล ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีนั้น นายกรัฐมนตรี ยืนยันว่า รัฐบาลมีความพร้อมในการรับมือนโยบายใหม่ของสหรัฐฯ เพื่อไม่ให้ประเทศไทยเสียโอกาส โดยเฉพาะนโยบายเศรษฐกิจ ที่รัฐบาลใหม่สหรัฐฯ มีแผนเตรียมเพิ่มกำแพงภาษีกับประเทศที่เกินดุลกับสหรัฐฯ

นายกรัฐมนตรี ยังย้ำโอกาสทางรอด 3 ทาง ที่จะช่วยประเทศ ได้แก่ โอกาสเรื่องอาหาร, โอกาสเรื่องสุขภาพ และโอกาสในอุตสาหกรรมซอฟต์พาวเวอร์ ซึ่ง 3 ทางรอดนี้ จะสามารถสร้างเม็ดเงินใหม่ ๆ เข้าประเทศได้ โดยจะฟื้นนโยบาย ''ครัวไทย สู่ครัวโลก'' เพราะทุกคนมองเห็นประเทศไทยสามารถเป็นครัวของโลกได้ เพราะมีพื้นที่ทางเกษตรมาก ซึ่งหากต่างชาติ สามารถสั่งสินค้าอาหารไทยได้ก็จะเป็นโอกาสของคนไทย

ดังนั้น รัฐบาล จึงพยายามหาวิธีการถนอมคุณภาพอาหาร เพื่อให้การขนส่งไปต่างประเทศ โดยยังคงสามารถรักษาคุณภาพอาหารไว้ได้ อย่างประเทศสเปน ที่ยังไม่เคยมีการขนส่งผลไทยไปยังสเปน เพราะระยะทางไกลกว่าจะส่งถึงก็เน่าเสียแล้ว แต่คุณภาพ และรสชาติผลไม้ไทยนั้น ก็ยังมีรสชาติอร่อยกว่า ดังนั้น จึงต้องหาวิธีการถนอมอาหาร เพื่อหาโอกาสในการขนส่งผลไม้ไทยไปยังต่างประเทศ หรือรวมถึงการส่งออกเนื้อวัวไปยังต่างประเทศ ที่ต่างชาติต้องการให้มีการคัดกรองโรค และคุณภาพให้ชัดเจนยิ่งขึ้น

รวมถึงโอกาสเรื่องสุขภาพนั้น รัฐบาลได้ยกระดับนโยบาย 30 บาทรักษาทุกโรค เป็นนโยบาย 30 บาทรักษาทุกที่ซึ่งทั่วโลกให้การยอมรับ และต้องการศึกษาต้นแบบจากประเทศไทย จึงถือเป็นหน้าตาของประเทศ พร้อมยืนยันว่า รัฐบาลจะเดินหน้าทำให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางโลกในเรื่องของสุขภาพ เช่นเดียวกับโอกาสในอุตสาหกรรมซอฟต์พาวเวอร์ ที่รัฐบาลพยายามผูกวัฒนธรรมของทุกจังหวัดเข้าด้วยกัน เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยว และสร้างรายได้ให้ประเทศ พร้อมยังเห็นโอกาสในภาพยนตร์ของประเทศไทย โดยจะช่วยเหลือเพิ่มเครดิตเงินคืนให้กับกองถ่ายภาพยนตร์ต่างประเทศ 30 เปอร์เซ็น จากเดิม 20 เปอร์เซ็น เพราะในปีที่ผ่านมา มีกองถ่ายภาพยนตร์เข้ามาถ่ายทำในประเทศไทยกว่า 140 กองถ่าย คิดเป็นมูลค่ารวมกว่า 10 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งทำให้เกิดเงินหมุนเวียน และยังเกิดการจ้างงานในประเทศด้วย

นายกรัฐมนตรี ยังย้ำถึงโอกาสในการพัฒนาสินค้าเกษตรไทยให้มีคุณภาพ เพราะอย่างประเทศจีน ที่มีกำลังการผลิตสินค้าสูงมาก จึงมีต้นทุนถูก และประเทศไทยไม่สามารถสู้ได้ และรัฐบาลก็จะพิจารณาถึงภาษี และการบังคับใช้กฎหมายต่าง ๆ ให้หนักแน่นไม่ผิดกฎหมาย และคัดกรองช่วยเหลือผู้ประกอบการรายย่อยของไทย ซึ่งรัฐบาลเข้าใจความห่วงกังวลของผู้ประกอบการดี แต่สภาพพื้นที่ในประเทศจีนเอง ยังมีพื้นที่การประกอบเกษตรกรรมไม่เพียงพอ และต้องพึ่งพาเกษตรกรรมจากประเทศอื่น ๆ จึงเป็นโอกาสของประเทศไทย ที่จะต้องพัฒนาสินค้าเกษตรให้คงคุณภาพในการส่งออก 

นายกรัฐมนตรี ยังกล่าวถึงอุตสาหกรรมพลังงาน ซึ่งเป็นสิ่งที่รัฐบาลจะต้องดำเนินการควบคู่ไปด้วย เพราะมีการคาดการณ์ว่า ในช่วง 10 ปี พลังงานจะหมดลง ดังนั้น จึงจะต้องหาแห่งพลังงานทดแทน ซึ่งเกิด MOU44 ในการเจรจากับกัมพูชา พร้อมย้ำว่า ประเด็นเกาะกูดนั้น ไม่เกี่ยวข้องกัน เพราะเกาะกูดเป็นของไทยอยู่แล้ว 

นายกรัฐมนตรี เห็นว่า ทั้งหมดนี้ จึงเป็นสิ่งที่รัฐบาลมองเห็นโอกาส และพยายามหาเม็ดเงินใหม่ ๆ ทั้งจากต่างชาติ หรือโอกาสใหม่ ๆ ในประเทศไทยเพื่อให้เกิดเม็ดเงิน
 

Tuyên bố từ chối trách nhiệm: Bản quyền của bài viết này thuộc về tác giả gốc. Việc đăng lại bài viết này chỉ nhằm mục đích truyền tải thông tin và không cấu thành bất kỳ lời khuyên đầu tư nào. Nếu có bất kỳ hành vi vi phạm nào, vui lòng liên hệ với chúng tôi ngay lập tức. Chúng tôi sẽ sửa đổi hoặc xóa bài viết. Cảm ơn bạn.