กาง15นโยบาย"บิ๊กต่าย"ตร.ยุคใหม่ต้องเป็นอินฟลูเอนเซอร์สร้างผาสุขประชาชน

พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) มอบนโยบายบริหารราชการในโอกาสเข้าตำแหน่ง
โดยมีผู้บังคับบัญชาตั้งแต่ระดับรอง ผบ.ตร. ถึง ผู้บังคับการจากทั่วประเทศเข้าร่วม โดยวิสัยทัศน์ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ปีงบประมาณ2568 เป็นอันดับแรกคือ 

“เป็นตำรวจมืออาชีพ ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์สุจริตโปร่งใส เพื่อให้เกิดความผาสุกแก่ประชาชน”

พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ ระบุว่า วิสัยทัศน์ดังกล่าวมีความชัดเจนในทุกคำไม่จำเป็นต้องตีความ ทุกคนต้องทำตามนี้หากทุกคนทำตามวิสัยทัศน์ที่ว่าต้องซื่อสัตย์ สุจริต โปร่งใส จะนำมาซึ่งความผาสุก คือ ความเชื่อมั่นศรัทธาของพี่น้องประชาชน

การประชุมมอบนโยบายผบ.ตร.ของพล.ต.อ.กิตติ์รัฐจัดขึ้นก่อนการแต่งตั้ง รองผบ.ตร. และ ผู้บังคับบัญชา เพราะต้องการทำความเข้าใจกับตำรวจทุกนาย ก่อนที่ก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งระดับผู้บัญชาการ หรือหัวหน้าสถานี เนื่องจากปีนี้เป็นปีแรกที่มีการใช้กฎคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ จึงทำให้กระบวนการแต่งตั้งเลื่อนระยะเวลาออกไปอีก ถึง 2 เดือน
 

สำหรับ 15 นโยบายการบริหารราชการสำนักงานตำรวจ ปีงบประมาณ พ.ศ.2568 

1.ปกป้องเทิดทูน สถาบันฯ

2.เปลี่ยนแนวคิด Mindset : ข้าราชการตำรวจต้องปรับทัศนคติ ค่านิยม เพื่อให้ประชาชนเชื่อมั่นในตัวตำรวจ

3. ทำดีมีรางวัล : ยกย่องเชิดชู ตอบแทนตำรวจที่ทำดี ขณะเดียวกันหากมีการกระทำผิด จะต้องตัดสินลงโทษอย่างเด็ดขาด “ต่อไปนี้เราจะเป็นตำรวจยุคใหม่ New generation”

4.ปรับการบริการและพัฒนางานสถานีตำรวจ : เพราะสถานีตำรวจคือจุดยุทธศาสตร์ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ 

5.พัฒนางานสอบสวนอำนวยความยุติธรรมทางอาญา : เนื่องด้วยองค์กรตำรวจคือกระบวนการยุติธรรมเบื้องต้น และเป็นหน้าที่สำคัญ

6.ปราบปรามอาชญากรรมที่ส่งผลกระทบต่อประชาชน:ในเรื่องยาเสพติดต้องมุ่งจัดการผู้ค้ารายย่อยอย่างจริงจัง โดยกำชับว่า“เหรียญบาทตกแม้เหรียญเดียว พวกท่านต้องรู้” 

7.ปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติ และแรงงานต่างด้าวผิดกฎหมาย : จะเป็นงานหนักของกองบัญชาการตำรวจท่องเที่ยว สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ที่จะต้องเข้มงวดไม่ปล่อยให้มีต่างด้าวเข้าเมืองมาประกอบอาชีพที่เบียดเบียนประชาชนไทย หรือก่อเหตุอาชญากรรมสร้างความเดือดร้อนให้ประชาชน

8.สร้างวินัยจราจร : ไม่ว่าจะเป็นรถยนต์ส่วนบุคคล รถสาธารณะ ต้องมีการจัดการให้เป็นระเบียบอาจไม่ได้สำเร็จในยุคนี้แต่ต้องพยายามทำให้ดียิ่งขึ้น ตำรวจจะไม่ใช้หลักนิติศาสตร์เต็ม100% แต่ต้องใช้หลักรัฐศาสตร์ร่วมด้วย

9.การข่าวเชิงรุก : เข้มข้นในการวางแผนการข่าว เช่น เรื่องชายแดนใต้ หรือแม้แต่การชุมนุม

10.สร้างการมีส่วนร่วมของประชาชน และความโปร่งใส : ตามหลักนิติธรรมต้องให้ประชาชนได้มีส่วนร่วมกับเรา 

11.สร้างแผนแม่บท Master Plan : การถอดบทเรียนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเพื่อให้ตำรวจเท่าทันยุคสมัย จากนี้ทุกอย่างต้องมีรูปแบบการทำงานเพื่อวางเส้นทางให้ตำรวจรุ่นหลัง

12.ปรับรูปแบบการบริหารงานบุคคล และงบประมาณ : ต้องจัดสรรให้ผู้ใต้บังคับบัญชา แบบที่เรียกว่าพลิกกลับคือ ระดับล่างลงไปต้องได้มากขึ้นผู้ปฏิบัติงานต้องได้เงินตอบแทนอย่างสมเหตุสมผลในฐานะคนทำงาน ไม่ใช่เงินทับถมที่ฝ่ายบริหารตำรวจระดับสูง

13.ปรับปรุงระเบียบ คำสั่ง กฎหมาย : กฎหมาย ระเบียบ จะต้องมีการจัดกลุ่มเพื่อให้การใช้งานเป็นไปได้จริง สะดวกต่อผู้บังคับใช้กฎหมาย

14.ฝึกอบรมเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน : เพราะการลงทุนกับคนเป็นเรื่องคุ้มค่า เราจำเป็นต้องเพิ่มทักษะ-ความสามารถ

15.สวัสดิการตำรวจ : สิ่งที่ตำรวจพึงมีต้องมีอย่างไม่ขาดตก รวมไปถึงเจ้าหน้าที่ผู้ที่มีปฎิภาณไหวพริบดูแลประชาชนให้ปลอดภัย ผู้ที่เสียสละชีวิตตัวเองจะต้องได้รับการตอบแทนอย่างคุ้มค่า

นอกจากนี้ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ ได้กำชับ6ข้อปฏิบัติ ประกอบด้วย

1. การช่วยราชการ การสั่งให้ข้าราชการตำรวจไปช่วยราชการ ต้องเป็นไปตามนัย มาตรา92 แห่ง พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ พ.ศ.2565 และ ระเบียบ ตร.ว่าด้วยการสั่งให้ข้าราชการตำรวจไปช่วยราชการใน ตร. พ.ศ.2566 อย่างเคร่งครัด
2. สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ไม่ปล่อยปละละเลยให้มีการลักลอบกระทำความผิดเกี่ยวกับแรงงานต่างด้าวหลบหนีเข้าเมือง และประกอบอาชีพโดยผิดกฎหมาย
3. การดูแลนักท่องเที่ยว การรักษาความปลอดภัยดูแลอำนวยความสะดวกนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทย และชาวต่างชาติ
4. การอำนวยการจราจร ป้องกันและลดอุบัติเหตุในช่วงเทศกาล
5. สมาคมแม่บ้านตำรวจ สนับสนุนความร่วมมือในการทำงานของสมาคมฯ ซึ่งวันนี้ที่เชิญทางสมาคมแม่บ้านให้มารับฟังด้วยกัน เพราะต้องการให้แม่บ้านเดินหน้าไปกับตำรวจและครอบครัว ฝ่ายชายหากเดินทางไปตรวจเยี่ยมให้ทางฝ่ายหญิงไปด้วยกัน สิ่งใดที่ไม่จำเป็นไม่ต้องทำ 
6. ผู้บัญชาการ/ผู้บังคับการ ต้องมีความเป็นอินฟลูเอ็นเซอร์ (Influencer) ด้วยตนเองต้องเป็นที่พึ่งของประชาชน

"สิ่งสำคัญที่เน้นย้ำคือขอให้ตำรวจปรับทัศนคติตนเอง ให้เดินหน้าไปสู่การทำงานที่จะสร้างความเชื่อมั่นและศรัทธาต่อประชาชน ตนเองจะพยายามผลักดันองค์กรให้ทำถึงจุดนั้นให้ได้ การให้ความสำคัญในงานสืบสวนสอบสวน เพราะตำรวจเป็นองค์กรอำนวยการความยุติธรรมเบื้องต้น ต้องเข้าใจบทบาทและหน้าที่ตัวเองในการเป็นตำรวจเราจะต้อง ทำให้ประชาชนรู้สึกว่าตำรวจเต็มใจและพร้อมที่จะทำ" ผบ.ตร. กล่าว

ส่วนนโยบายให้ตำรวจเป็นอินฟลูเอ็นเซอร์ ทุกวันนี้ตำรวจต้องขอบคุณภาคเอกชนที่คอยรับเรื่องความทุกข์ของพี่น้องประชาชนมาส่งต่อ แต่อยากให้ผู้บัญชาการ ผู้บังคับการ หัวหน้าสถานี เปลี่ยนตัวเอง เปลี่ยนความคิดเป็นผู้รับเรื่องราวเอง ให้ทำตัวเหมือนอินฟลูเอนเซอร์ แก้ไขความทุกข์ร้อนให้พี่น้องประชาชน แม้ไม่ใช่หน้าที่หน้างานของตัวเองก็จะต้องรับเรื่องทั้งหมดและส่งต่อได้ และมุ่งเน้นให้รีบทำให้เร็วที่สุดเพื่อคลายความทุกข์ของพี่น้องประชาชน 

ส่วนการนำแม่บ้านตำรวจเข้ามาสนับสนุนการทำงานตนเองมีจุดประสงค์อยากให้สมาคมแม่บ้านที่ก็คือภรรยาของข้าราชการตำรวจได้มานั่งฟังว่าตำรวจฝ่ายชาย จะต้องทำงานภายใต้แนวทางแบบใด ทิศทางใดอยากให้ฝ่ายหญิงได้ร่วมรับฟัง ส่วนฝ่ายหญิงสมาคมแม่บ้าน ให้เดินคู่กับเราในเรื่องการทำงานทำให้ตำรวจ ส่งเสริมครอบครัวตำรวจให้มีความสุขแก้ไขปัญหาความทุกข์ร้อน ยกระดับครอบครัวในการสร้างอาชีพเสริมรายได้

พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ กล่าวยืนยันว่า การร่วมงานกันกับ สมาคมแม่บ้านตำรวจจะไม่ทำให้เกิดผบ.ตร. 2 คนแต่เพื่อให้งานเป็นไปอย่างสอดคล้อง เดินหน้าในแนวทางเดียวกัน


 

Tuyên bố từ chối trách nhiệm: Bản quyền của bài viết này thuộc về tác giả gốc. Việc đăng lại bài viết này chỉ nhằm mục đích truyền tải thông tin và không cấu thành bất kỳ lời khuyên đầu tư nào. Nếu có bất kỳ hành vi vi phạm nào, vui lòng liên hệ với chúng tôi ngay lập tức. Chúng tôi sẽ sửa đổi hoặc xóa bài viết. Cảm ơn bạn.