เพื่อไทยหนุนชาญชิงนายกฯอบจ.ปทุมฯเป็นที่ประจักษ์สู่ยุบพรรคการเมือง
นายนพรุจ วรชิตวุฒิกุล อดีตแกนนำพิราบขาว 2006 ยื่นเอกสารเพิ่มเติมต่อคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ให้พิจารณายุบพรรคเพื่อไทย จากเหตุมีมติส่ง นายชาญ พวงเพ็ชร์ ลงสมัครนายก อบจ.ปทุมธานี ในนามพรรคเพื่อไทย ทั้งที่นายชาญถูก ป.ป.ช.ชี้มูลความผิดทุจริตจัดซื้อถุงยังชีพในโครงการช่วยเหลือแก้ไขปัญหาอุทกภัยใน จ.ปทุมธานี ปี 2554
ต่อมา 24ตุลาคม 2567 ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 1 พิพากษาให้จำคุก 6 ปี 18 เดือน ซึ่งนายชาญ กับพวกจำเลยรวม 7 คนยื่นคำร้องขอประกันตัวระหว่างอุทธรณ์ โดยเสนอหลักทรัพย์ อาทิ เงินสด และโฉนดที่ดิน
ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 1 พิจารณาแล้วมีคำสั่งอนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวจำเลยทั้ง 7 ระหว่างอุทธรณ์ โดยมีประกันและหลักประกัน ตีราคาประกัน คนละ 500,000 บาท
นายนพรุจ ใช้ช่องทางกฎหมายตามมาตรา 93 พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง เพื่อให้เลขากกต.ในฐานะนายทะเบียนส่งคำร้องให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาว่าพฤติการณ์ของพรรคเพื่อไทยที่ส่งนายชาญลงสมัครรับเลือกตั้งนายกอบจ.ปทุมธานี เข้าข่ายเป็นความผิดยุบพรรคและตัดสิทธิกรรมการบริหารพรรคด้วยหรือไม่ โดยพิจารณาตามมาตรา 93 บัญญัติว่า
เมื่อปรากฏต่อนายทะเบียนว่าพรรคการเมืองใดกระทำการตามมาตรา 92 ให้นายทะเบียนรวบรวมข้อเท็จจริงและพยานหลักฐาน พร้อมทั้งเสนอความเห็นต่อคณะกรรมการเพื่อพิจารณา ทั้งนี้ ตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่คณะกรรมการกำหนด
วรรคสอง ในการยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญตามมาตรา 92 คณะกรรมการจะยื่นคำร้องเอง หรือจะมอบหมายให้นายทะเบียนเป็นผู้ยื่นคำร้องและดำเนินคดีแทนก็ได้ และเพื่อประโยชน์ในการดำเนินคดี นายทะเบียนโดยความเห็นชอบของคณะกรรมการจะขอให้อัยการสูงสุดช่วยเหลือ ดำเนินการในชั้นการพิจารณาของศาลรัฐธธรรมนูญจนกว่าจะเสร็จสิ้นก็ได้
และวรรคสาม ในกรณีที่เห็นสมควร ศาลรัฐธรรมนูญจะสั่งให้พรรคการเมืองระงับการกระทำใดไว้เป็นการชั่วคราวตามคำร้องขอของคณะกรรมการ นายทะเบียน หรืออัยการสูงสุด แล้วแต่กรณี ก็ได้
ช่องทางที่จะนำไปสู่การยุบพรรคเพื่อไทย ตามคำร้องของนายนพรุจ ผูกโยงตามมาตรา92 บัญญัติว่า เมื่อคณะกรรมการมีหลักฐานอันควรเชื่อได้ว่าพรรคการเมืองใดกระทำการ อย่างใดอย่างหนึ่ง ให้ยื่นศาลรัฐธรรมนูญเพื่อสั่งยุบพรรคการเมืองนั้น ดังนั้น เมื่อศาลศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 1 พิพากษาให้จำคุกนายชาญ 6 ปี 18 เดือนผิดทุจริตจัดซื้อถุงยังชีพในโครงการช่วยเหลือแก้ไขปัญหาอุทกภัยใน จ.ปทุมธานี ปี 2554
เป็นไปตามอนุมาตรา (4) มีเหตุอันจะต้องยุบพรรคการเมืองตามที่มีกฎหมายกำหนดและเมื่อศาลรัฐธรรมนูญดำเนินการไต่สวนแล้ว มีหลักฐานอันควรเชื่อได้ว่าพรรคการเมืองกระทำการดังกล่าวให้ศาลรัฐธรรมนูญสั่งยุบพรรคการเมือง และเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งของคณะกรรมการบริหารพรรคการเมือง
ความเห็นของนายนพรุจ การเลือกตั้งนายก อบจ.ปทุมธานี ครั้งที่ 1และ2 นายชาญยังเป็นผู้สมัครในนามพรรคเพื่อไทยเหมือนเดิม แม้ครั้งที่ 2 จะไม่ได้ใช้ชื่อในนามพรรคเพื่อไทยก็ตาม แต่การแข่งขันก็ยึดถือใบสมัครใบแรกจึงเลี่ยงประเด็นนี้ไม่ได้
หลังวันที่ 24 ต.ค.67 ศาลอาญาทุจริตฯมีคำพิพากษาแล้ว น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าพรรคเพื่อไทยให้สัมภาษณ์ว่าเป็นไปตามข้อกฎหมายอาจไม่ทราบเรื่องที่เพื่อไทยมีมติส่งนายชาญลงสมัคร และกกต.ให้ใบเหลืองนายชาญกกต.ถือว่ามีส่วนทำให้การเลือกตั้งนายก อบจ.ปทุมธานีครั้งแรกไม่สุจริต เนื่องจาก น.ส.แพทองธารเพิ่งเข้ามารับตำแหน่งหัวหน้าพรรค แต่โดยหลักกฎหมายแล้วหัวหน้าพรรคต้องรับรู้เรื่องทั้งหมด
การที่ศาลอาญาคดีทุจริตฯมีคำพิพากษาจำคุกนายชาญในวันที่ 24 ต.ค. 67 และนำเอกสารมายื่นเพิ่มเติมก็เท่ากับให้นายทะเบียนพรรคการเมืองรู้ว่าสิ่งที่ได้ร้องเรียนมานั้นเป็นความจริงที่ปรากฏชัดเจนแล้ว
ดั้งนั้น เหลือเพียงนายทะเบียนพรรคการเมืองนำเรื่องทั้งหมดส่งให้ กกต.มีมติส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยต่อไป
Tuyên bố từ chối trách nhiệm: Bản quyền của bài viết này thuộc về tác giả gốc. Việc đăng lại bài viết này chỉ nhằm mục đích truyền tải thông tin và không cấu thành bất kỳ lời khuyên đầu tư nào. Nếu có bất kỳ hành vi vi phạm nào, vui lòng liên hệ với chúng tôi ngay lập tức. Chúng tôi sẽ sửa đổi hoặc xóa bài viết. Cảm ơn bạn.