รัฐบาลยัน5อีกวันไม่มีพายุใหญ่เข้าไทยแต่ซีมารอนทำให้มีฝนตกเพิ่มขึ้น

นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ ที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี และโฆษกศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย วาตภัย และดินโคลนถล่ม หรือ ศปช. ชี้แจงถึงกระแสข่าวลือบนสื่อสังคมออนไลน์ที่ว่า “อีก 5 วันจะเกิดพายุไต้ฝุ่นขนาดใหญ่ที่รุนแรงกว่ายางิ และจะเคลื่อนตัวเข้าเวียดนาม ผ่าน สปป.ลาว เข้าไทย ส่งผลให้กรุงเทพฯ เจอน้ำท่วมหนักกว่าปี 54 ถึงสองเท่า” ยืนยันว่าได้ตรวจสอบข้อมูลจากกรมอุตุนิยมวิทยาและส่วนราชการอื่นๆแล้วไม่มีพายุขนาดใหญ่ ที่จะส่งผลกระทบต่อประเทศไทย

มีเพียงพายุโซนร้อน “ซีมารอน” (CIMARON) ที่ก่อตัวในมหาสมุทรแปซิฟิก ซึ่งคาดว่า จะเคลื่อนตัวขึ้นฝั่งทางตอนใต้ของประเทศญี่ปุ่น และอ่อนกำลังลง ไม่มาถึงประเทศไทยอย่างแน่นอน ฝนที่เกิดขึ้นในประเทศไทยช่วงนี้ เกิดจากมวลอากาศเย็นจากประเทศจีน แผ่ลงมาปกคลุม โดยจะมีฝนเพิ่มขึ้นในระยะแรก ๆ จากนั้น จะลดลงและเข้าสู่ปลายฝนต้นหนาวในประเทศไทย

ทั้งนี้ กรมอุตุนิยมวิทยา กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจ และสังคม ชี้แจงว่า พายุโซนร้อนซีมารอน (Cimaron) ในมหาสมุทรแปซิฟิก จะเคลื่อนขึ้นไปทางตอนใต้ของประเทศญี่ปุ่น และจะอ่อนกำลังลงตามลำดับ โดยจะมีการก่อตัวของความกดอากาศต่ำเกิดขึ้นใหม่ บริเวณด้านตะวันออกของประเทศฟิลิปปินส์ และมีแนวโน้มจะมีกำลังแรงขึ้น เป็นพายุหมุนเขตร้อนและพายุไต้ฝุ่น ก่อนจะเคลื่อนตัวไปทางเกาะไต้หวัน

ขณะที่มีความกดอากาศสูง หรือมวลอากาศเย็นจากประเทศจีน แผ่ลงมาปกคลุมเวียดนามตอนบนในวันที่ 30 กันยายน 67 และแผ่ลงมาต่อเนื่อง ทำให้ประเทศไทยมีฝนเพิ่มขึ้นจากนั้นอากาศจะเย็นลง

พายุนี้ไม่ส่งผลกระทบต่อประเทศไทยโดยตรง และจะเคลื่อนขึ้นฝั่งประเทศจีนด้านตะวันออกมากขึ้น ซึ่งจะไม่เคลื่อนลงมาทางประเทศเวียดนาม และทางภาคเหนือตอนบนของประเทศไทย และอาจอ่อนกำลังลงก่อนขึ้นฝั่ง จึงขอให้ประชาชนติดตามข้อมูลข่าวสารจากกรมอุตุนิยมวิทยาอย่างใกล้ชิด ในช่วงเปลี่ยนฤดูกาลเช่นนี้ ซึ่งอากาศมีความแปรปรวนในบางวัน

กรณีที่มีการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศร้ายแรงเกิดขึ้น กรมอุตุนิยมวิทยา จะออกประกาศเตือนอย่างเป็นทางการต่อไป หากมีพายุหมุนเขตร้อนเกิดขึ้น จะประกาศเตือนล่วงหน้าอย่างน้อย 3 วัน

ส่วนกรณีการแก้ไขปัญหาและเยียวยาพื้นที่ที่ประสบอุทกภัย นายจิรายุ ย้ำว่า นายกรัฐมนตรี ได้เร่งรัดให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ดำเนินการจ่ายเงินเยียวยาให้กับประชาชนในพื้นที่ประสบอุทกภัยให้รวดเร็ว ลดขั้นตอน โดยได้รับรายงานจากกระทรวงมหาดไทยว่า จะสามารถจ่ายเงินเยียวยาเบื้องต้นให้กับผู้ประสบภัยในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่, เชียงราย และลำปาง ซึ่งเป็นพื้นที่ที่ประสบภัยลำดับต้น ๆ ได้ ในช่วงสัปดาห์นี้ เพื่อเป็นการบรรเทาความเดือดร้อนให้กับประชาชนก่อน ซึ่งหากมีความเสียหายอื่น ๆ ก็จะเร่งรัดจ่ายเงินช่วยเหลือตามหลักเกณฑ์ เช่น กรณีบ้านพังเสียหายทั้งหลัง จะได้รับเงินช่วยเหลือ 230,000 บาทต่อหลัง และในกรณีเสียชีวิตจะได้รับเงินช่วยเหลือ 50,000 บาท

“ที่ประชุม ศปช.ได้เร่งรัดให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งจ่ายเงินเยียวยาเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนให้กับประชาชนตามข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี ภายใต้ระเบียบและกฎหมายที่เกี่ยวข้อง ซึ่งความช่วยเหลือที่รวดเร็วเป็นสิ่งที่รัฐบาลให้ความสำคัญสูงสุด” นายจิรายุ กล่าว