"เศรษฐา" ลั่นรถไฟรางคู่เฟส 2 เข้า ครม. อีกครั้งเดียวจบ กันงบไว้แล้ว
นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวถึงการลงพื้นที่จังหวัดอุดรธานีและหนองคาย ว่า ดูเรื่องจุดเปลี่ยนถ่ายสินค้าและศุลกากร เพราะหนองคายเป็นประตูเศรษฐกิจสำคัญที่สุด ปริมาณการค้าระหว่างประเทศที่ผ่านจากประเทศไทยไปลาวและไปประเทศจีนเป็นเรื่องใหญ่ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของศุลกากรการเกษตรและคมนาคม รถไฟรางคู่ที่ต้องมาจุดเปลี่ยนถ่ายสินค้า สะพานมิตรภาพไทยลาวต้องยกระดับรับน้ำหนักมากขึ้น และมีประเด็นอื่นๆ อีกเยอะ
ส่วนการพัฒนาสถานีรถไฟนาทา จ.หนองคาย ที่จะเป็นจุดเวียนถ่ายสินค้าคงต้องใช้เวลาพอสมควรในการสร้างพื้นที่ให้เป็นจุด One stop service ถ่ายสินค้า แต่ตอนนี้เราต้องมีการนับหนึ่งก่อน โดยกลับไปต้องมีการประชุมกันอีกครั้ง โดยมี นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เป็นโต้โผหลักในการประสานงาน รวมถึงการเจรจาการค้าระหว่างประเทศที่มีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ร่วมด้วย เพราะถ้าหากเราทำดีแล้วยังติดขัดกับฝ่ายลาวอีก ทำให้ไม่สามารถเดินหน้าต่อไปได้
สำหรับความแตกต่างทางด้านเศรษฐกิจระหว่างจังหวัดขอนแก่นและจังหวัดอุดรธานีนั้น ทั้ง 2 จังหวัด ถือว่าเป็นพื้นที่ใหญ่ของภาคอีสานตอนบนและเป็นเมืองท่า เพราะมีสนามบิน มีศักยภาพสูงที่จะพัฒนาต่อไปได้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการท่องเที่ยวหรือภาคอุตสาหกรรมที่จังหวัดอุดรธานีจะมีการสร้างนิคมอุตสาหกรรมขึ้นมา มีสินค้าหลายอย่างที่ยังไม่สามารถนำศักยภาพออกมาได้อย่างเต็มที่ ซึ่งทั้ง 3 วันที่ผ่านมา ได้พบปะและรับฟังปัญหาพี่น้องภาคเอกชนและข้าราชการ
ส่วนรถไฟรางคู่เฟส 2 จากจังหวัดขอนแก่น มาจังหวัดหนองคาย ต้องเข้าที่ประชุม ครม. หรือสามารถทำต่อไปได้เลย นายเศรษฐา ระบุว่า เข้าใจว่าเข้า ครม. อีกครั้งเดียวก็จบแล้ว เพราะงบประมาณมีการกันไว้เรียบร้อย และเรื่องนี้ถือเป็นเรื่องเร่งด่วนอีกเรื่องหนึ่ง ใช้เงินไม่มากนักแต่ประโยชน์มหาศาล แต่ก็ต้องทำควบคู่กันไปกับจุดเปลี่ยนถ่ายสินค้า ทำให้สะพานมิตรภาพไทย-ลาว รับน้ำหนักได้มากขึ้น การเจรจากับลาวและต้องมีการทำ One stop service ด้วย เพื่ออำนวยความสะดวกให้ภาคเอกชน
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า แนวทางในการส่งออกสินค้าระหว่างไทย ลาว และจีน มีการรวมหลายภาคส่วนเข้าด้วยกัน ทั้งการคมนาคมเกี่ยวกับเรื่องรถไฟรางคู่ จุดเปลี่ยนถ่ายสินค้าที่ต้องมีความทันสมัย และต้องแข่งกับฝ่ายลาวด้วย ซึ่งการเจรจาการค้าระหว่างประเทศการขนถ่ายสินค้าเป็นไปด้วยดี รวมทัังสิ่งก่อสร้างต่างๆ และหวังว่าจะได้กลับมาที่นี่อีกครั้งในปลายเดือนหน้าเพื่อติดตามความคืบหน้า
ขณะที่เรื่องงบประมาณที่ลงมาในพื้นที่ภาคอีสานจำนวนมากและเพิ่มมากขึ้น จะทำให้เป็นปัญหาต่อการทำงานหรือไม่ นายเศรษฐา กล่าวว่า เรื่องงบประมาณไม่อยากให้เป็นเรื่องยาก เป็นเรื่องที่ต้องบริหารจัดการกัน ทุกหน่วยงาน ทุกภาคส่วน ประชาชนทุกจังหวัดก็ต้องการการพัฒนาต่อไป เป็นหน้าที่ของฝ่ายรัฐบาล กระทรวงทบวงกรมทุกแห่งต้องมีการจัดสรรงบประมาณที่เหมาะสมและเรียงลำดับความสำคัญให้ดี ดูเรื่องงบประมาณให้ดี
“งบประมาณที่อนุมัติไปแล้วก็อย่าให้เพิ่มมากขึ้น ต้องช่วยกันบริหารจัดการงบประมาณให้อยู่ในกรอบที่สามารถทำได้ ไม่เช่นนั้น ก็จะมีปัญหาเรื่องวินัยการเงินการคลังอีก เราเองทราบดีและตระหนักถึงว่าประชาชนมีความเดือดร้อนเยอะ ความเดือดร้อนก็ต้องแก้ไขด้วยการมีงบประมาณออกไป”
ถ้าหากการของบของแต่ละหน่วยงาน แต่นายกรัฐมนตรีไม่ได้ให้จะให้การทำงานมีปัญหาหรือไม่นั้น นายเศรษฐา กล่าวว่า อะไรที่เหมาะสมเราก็ต้องทำ อะไรไม่เหมาะสมก็ต้องถูกตีกลับไปพิจารณากันใหม่ เพราะหลายกระทรวงก็มีความต้องการกันเยอะ เรื่องบางอย่างไม่ต้องการงบประมาณก็สามารถทำได้ ซึ่งอยากให้รัฐมนตรีหลายท่านโฟกัสที่จุดนี้ด้วยเช่นกัน ในการเปลี่ยนแปลงนโยบาย รวมถึงการแก้กฎกติกา บางอย่างที่ไม่ต้องการงบประมาณก็สามารถทำให้ชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนดีขึ้นได้
ส่วนกังวลหรือไม่เพราะที่ผ่านมาการใช้งบประมาณเกี่ยวข้องกับคะแนนของแต่ละพรรคด้วย นายเศรษฐา กล่าวว่า เรามาทำงานวันนี้เพื่อประชาชน ซึ่งเรื่องความต้องการของประชาชนเป็นเรื่องที่สุด
ส่วนการจัดงานมหกรรมพืชสวนโลกที่มีการของบประมาณเพิ่มเท่าตัว ซึ่งงานเหลือระยะเวลาอีก 3 ปี จะมีการเพิ่มงบให้หรือไม่และจะบริหารจัดการอย่างไร นายเศรษฐา ระบุว่า เป็นเรื่องที่แปลกใจ แต่การมาอุดรธานีครั้งนี้ เป็นการมารับฟังความคืบหน้า ซึ่งเหลือเวลาอีก 3 ปี เราก็ต้องดูให้ดี หากสร้างไม่ทันก็จะเป็นปัญหา
การเพิ่มงบประมาณอีก 3,000 ล้านบาท ตนเชื่อว่าทุกคนมีความกังวล แต่ทาง อบจ.บอกแล้วว่าเป็นผู้นำเสนอ และทางนักวิชาการก็ต้องกลับไปช่วยกันดูให้เหมาะสม ลดค่าใช้จ่ายทำให้อยู่ในกรอบงบประมาณที่สามารถทำได้ หาเพิ่มมานิดหน่อยก็น่าจะสามารถพิจารณาได้ แต่สำคัญที่สุด คือ จุดเริ่มต้น ที่ต้องเริ่มแล้วไม่เช่นนั้นไม่ทัน และจะเป็นการเสียหน้า ทั้งนี้ หวังว่าอบจ.จะเข้าใจ เพราะทุกภาคส่วนต้องการงบประมาณหมด ซึ่งบางนโยบายก็เป็นเรื่องยาก ตนจึงบอกว่าอยากลงพื้นที่ให้ได้มากที่สุดเพื่อมารับฟังปัญหา ซึ่งหลายเรื่องยังไม่ได้ถูกหยิบยกมาพูด
ส่วนจะมีการประชุมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และจะเร่งบริหารจัดการต่อไป นอกจากเรื่องปากท้องแล้ว ปัญหายาเสพติดก็เป็นปัญหาสำคัญของภาคอีสานเช่นกัน
นอกจากนี้ นายเศรษฐา กล่าวว่า การลงพื้นที่ภาคอีสาน หลังได้รับตำแหน่งนายกรัฐมนตรี รู้สึกอบอุ่นมากกว่าช่วงหาเสียง ดังนั้นหากถูกวิพากษ์วิจารณ์หรือต้องการให้กำลังใจเชื่อว่าการลงพื้นที่อีสานโดยเฉพาะ3 จังหวัดนี้ (ขอนแก่น อุดรธานี หนองคาย) ทำให้ได้รับกำลังใจกลับไปมากขึ้น
Tuyên bố từ chối trách nhiệm: Bản quyền của bài viết này thuộc về tác giả gốc. Việc đăng lại bài viết này chỉ nhằm mục đích truyền tải thông tin và không cấu thành bất kỳ lời khuyên đầu tư nào. Nếu có bất kỳ hành vi vi phạm nào, vui lòng liên hệ với chúng tôi ngay lập tức. Chúng tôi sẽ sửa đổi hoặc xóa bài viết. Cảm ơn bạn.