อดิศร อัด ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ เยาะเย้ยก้าวไกล ชี้ ไม่ควรอยู่ในตำแหน่ง

ที่รัฐสภา นายอดิศร เพียงเกษ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีนายอุดม สิทธิวิรัชธรรม ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ขณะบรรยายได้มีเนื้อหาพาดพิงอดีตพรรคก้าวไกล ทำให้เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์ว่า ยื่นญัตติด้วยวาจาเพื่อตรวจสอบถ่วงดุลการทำงานของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญเข้าสู่สภาฯ กรณีตุลาการศาลรัฐธรรมนูญท่านหนึ่ง ได้ไปบรรยายดังที่เป็นข่าว ไม่ประพฤติตนตามจริยธรรมของการดำรงตนเป็นตุลาการ
 

นายอดิศรกล่าวว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่ ไม่ใช่เพราะไปยุบพรรคก้าวไกล แต่เป็นเรื่องของการปฎิบัติในการดำรงตนเป็นผู้พิพากษา ซึ่งมีประมวลจริยธรรมที่ชัดเจน เป็นการอวดเบ่งเหยียดหยามทำลายคู่กรณี มีมายาคติที่อคติไม่คู่ควรดำรงตำแหน่งเป็นตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ

ในฐานะสส.ฝ่ายนิติบัญญัติ คิดว่าการกระทำของท่านนี้ หรืออาจมีมากกว่านี้ก็ไม่ทราบ เป็นอันตรายต่อการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอย่างยิ่ง ฝ่ายนิติบัญญัติจึงจะต้องตรวจสอบว่าพฤติกรรมเช่นนี้ของผู้พิพากษาคนนี้ มีความศรัทธาในระบอบประชาธิปไตยมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุขหรือไม่ เรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญ และเป็นเรื่องของอำนาจ ไม่ควรไปเยาะเย้ยเข้าข้างฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง 
 

ถามว่า จะมีการดำเนินการอย่างไรบ้าง นายอดิศรกล่าวว่า ต่างคนต่างออกความเห็น ทราบว่าพรรคประชาชนจะยื่นเหมือนกัน แล้วแต่ที่ประชุมจะทำอย่างไร เห็นว่าท่านก้าวล่วงในการทำหน้าที่ ในฐานะสส.ไม่ได้คิดว่า เป็นฝ่ายค้านหรือฝ่ายรัฐบาล แต่เป็นเรื่องศักดิ์ศรีของฝ่ายตุลาการ ฝ่ายนิติบัญญัติ และฝ่ายบริหารที่แบ่งแยกกันอยู่

ถามอีกว่าจะใช้โอกาสนี้ร่วมกับพรรคประชาชนหรือไม่ นายอดิศรกล่าวว่า จะอภิปรายเรื่องหลักการ จะส่งให้ป.ป.ช.ได้หรือไม่นั้น เป็นกระบวนการต่อไป คนไหนไม่เหมาะสมแล้ว ปาราชิกแล้ว อย่าเป็นพระต่อเลย

ส่วนเรื่องการยื่นญัตตินี้ ได้มีการพูดคุยกับ สส.พรรคร่วมรัฐบาลแล้วหรือยัง นายอดิศร กล่าวว่า ยังไม่ได้คุย เป็นเพียงอดีตประธานวิปรัฐบาล แต่ทำเพื่อให้ตุลาการศาลสำเหนียกว่า ตัวเองไม่ใช่พระเจ้า หรืออยู่เหนือใคร เพราะเรื่องจริยธรรมจะไปบรรยายเช่นนี้ไม่ได้ เนื่องจากเมื่อดูจากภาพเป็นการหัวเราะเยาะเย้ย

พฤติกรรมอย่างนี้ ไม่คู่ควรจะดำรงตำแหน่งนี้ต่อไป เป็นการถ่วงดุลตรวจสอบ แม้อาจจะมีการตั้งข้อสังเกตว่า จะเป็นการเสี่ยงหรือไม่ แต่ยืนยันว่า ไม่ใช่ ตนมีคดีความเป็นเรื่องประจำของตนอยู่แล้ว เพียงคิดว่าจะต้องเรียกร้องให้ฝ่ายตุลาการมีสติในการทำหน้าที่