"แสวง บุญมี"แจงถิ่นกาขาวฯตั้งพรรคสาขาครบแต่ยังไม่อัพเดทบนเว็บไซต์
นายแสวง บุญมี เลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) และนายทะเบียนพรรคการเมือง กล่าวว่า กรณีการจัดตั้งสาขาพรรคของพรรคถิ่นกาขาวชาววิไล ก่อนเปลี่ยนชื่อเป็นพรรคประชาชน พบว่าเมื่อ1สัปดาห์ก่อนมีการประชุมจัดตั้งสาขาพรรคในส่วนที่ขาดอยู่จนครบ และระยะเวลาการจัดตั้งก็อยู่ภายใน 1 ปี ที่กฎหมายกำหนด
ขณะนี้มีการจะส่งเรื่องมาให้นายทะเบียนพรรคการเมืองทราบตามขั้นตอนแล้ว ตราบใดที่นายทะเบียนพรรคการเมืองยังไม่ลงในระบบฐานข้อมูลของสำนักงาน จึงทำให้ ณ ปัจจุบันข้อมูลนี้ยังไม่ปรากฏบนเว็บไซต์ของกกต.
นอกจากนี้ พรรคถิ่นกาขาวชาววิไล กำลังมีการดำเนินการจัดตั้งสาขาพรรคอีกหนึ่งแห่งที่จังหวัดพิษณุโลก ซึ่งถ้ามีการประชุมจัดตั้งแล้วเสร็จ ก็จะสามารถดำเนินการขั้นตอนเรื่องของการจัดส่งผู้สมัครลงรับเลือกตั้งแทนตำแหน่งที่ว่างได้ทันที
ก่อนหน้านี้ นายศรายุทธิ์ ใจหลัก เลขาธิการพรรคประชาชน ออกมาให้ข้อมูลว่า พรรคไทยภักด คงไม่ได้อัพเดตข้อมูล ดูเพียงในเว็บไซต์ กกต.ยืนยันว่าพรรคถิ่นกาขาวชาววิไล ก่อนจะเปลี่ยนชื่อเป็นพรรคประชาชน มีการจัดตั้งสาขาพรรคครบทั้ง 4 ภาค
ส่วนขั้นตอนเรื่องการเปลี่ยนชื่อพรรคและกรรมการบริหารพรรค หลังการประชุมใหญ่ เมื่อวันที่ 9 ส.ค. 2567 จากนี้ก็จะดำเนินการตามขั้นตอนกระบวนการ คือจัดทำรายละเอียดการประชุมต่างๆทั้งในเรื่องการเปลี่ยนชื่อ โลโก้ คณะกรรมการบริหาร และข้อบังคับพรรคให้ครบถ้วน เพื่อยื่นต่อกกต.ในวันที่ 13 ส.ค.67 ซึ่งเปิดทำการวันแรก
ด้าน นางอมรัตน์ โชคปมิตต์กุล อดีต สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล โพสต์เฟซบุ๊กว่า พรรคประชาชน มีสาขาครบถ้วนทั้ง 4 ภาค คือ ภาคเหนือที่ จ.นครสวรรค์ ภาคกลาง จ.ราชบุรี ภาคอีสาน ที่ จ.สกลนคร และภาคใต้ ที่ จ.นครศรีธรรมราช หากไม่ครบ กกต.คงไม่อนุญาตให้พรรคมีการตั้งกรรมการสรรหา จดแจ้งเปลี่ยนชื่อพรรคและธุรกรรมอื่น ๆ
แม้กกต.และพรรคประชาชนจะออกมาชี้แจงแล้ว แต่นายทศพล พรหมเกตุ เลขาธิการพรรคไทยภักดี ก็ยื่นหนังสือต่อคณะกรรมการการการเลือกตั้ง (กกต.)เพื่อขอให้ตรวจสอบการมีสาขาพรรคถิ่นกาขาวชาววิไล จากระบบฐานข้อมูลพรรคการเมืองย้อนหลัง ใน2 ประเด็น ประกอบด้วย
1.พรรคถิ่นกาขาวทำวิไล มีสาขาพรรคเพียง 3 สาขา คือ ภาคกลาง 2 สาขา และภาคเหนือ 1 สาขา ซึ่งอาจสิ้นสภาพการเป็นพรรคการเมืองตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.) ว่าด้วยพรรคการเมือง มาตรา 91 (3) ที่บัญญัติว่าพรรคการเมืองย่อมสิ้นสภาพความเป็นพรรคการเมืองเมื่อภายหลังจากที่ดำเนินการครบตามมาตรา 33 (2) มีจำนวนสาขาพรรคการเมืองเหลือไม่ถึงภาคละ 1 สาขาเป็นระยะเวลาติดต่อกัน 1 ปี
"หากมีสาขาไม่ครบ 4 ภาคเป็นระยะเวลา 1 ปี เป็นหน้าที่ของกกต.ที่จะดำเนินการมีคำสั่งให้พรรคการเมืองนั้นสิ้นสภาพ ซึ่งการที่มีข้อมูลระบุว่าปัจจุบันได้มีการอัพเดทแล้วมีสาขาพรรคครบ 4 ภาคนั้นไม่ใช่ประเด็น แต่อยากให้กกต.ตรวจสอบย้อนหลังกลับไปเป็นรายปีเพื่อให้ได้ข้อมูลที่ประจักษ์ชัด"
2.การรับบริจาคเงินของพรรคถิ่นกาขาวซึ่งมีการเปลี่ยนชื่อเป็นพรรคประชาชน หลังจัดการประชุมใหญ่เมื่อ 9 ส.ค.67 โดยเชิญชวนให้ประชาชนร่วมบริจาคเงินให้กับพรรคจำนวนมากเป็นไปตามข้อ 42 ของระเบียบกกต.ว่าด้วยพรรคการเมือง 2563 หรือไม่ ที่ให้อำนาจหัวหน้าพรรคและเหรัญญิก เป็นผู้เปิดบัญชีธนาคารพาณิชย์ โดยมีหลักฐานสำคัญประกอบการเปิดบัญชีคือ หนังสือรับรองรายชื่อคณะกรรมการบริหารพรรคจากกกต.โดยวงเล็บว่าเพื่อการบริจาค ซึ่งการรับรองจากกกต.มีระยะเวลาในการดำเนินการ
"พรรคไทยภักดีที่มีการจัดประชุมใหญ่ เพื่อเลือกตั้งคณะกรรมการบริหารพรรค เมื่อ 28 เม.ย.67ถึงวันนี้ เราก็ยังไม่ได้รับหนังสือรับรองจากกกต.รับรองคณะกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ และยังไม่ได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาจึงเรียนถามว่ากกต.ได้ให้การรับรองไปพรรคประชาชนแล้วหรือไม่ ถ้ายังไม่ได้ให้การรับรองก็ให้กกต. ตรวจสอบการรับบริจาคเงินว่าเป็นไปตามข้อ 42 หรือไม่ และที่สำคัญอาจจะเข้าข่ายหลอกลวงประชาชนให้เข้าใจผิดซึ่งเป็นความผิดทางอาญาจะเป็นหน้าที่ของกกต.ในการตรวจสอบ
Tuyên bố từ chối trách nhiệm: Bản quyền của bài viết này thuộc về tác giả gốc. Việc đăng lại bài viết này chỉ nhằm mục đích truyền tải thông tin và không cấu thành bất kỳ lời khuyên đầu tư nào. Nếu có bất kỳ hành vi vi phạm nào, vui lòng liên hệ với chúng tôi ngay lập tức. Chúng tôi sẽ sửa đổi hoặc xóa bài viết. Cảm ơn bạn.