"หมอเปรม"ชิงเก้าอี้ประธานวุฒิสภา ลั่นไร้เงาพรรคการเมืองทาบหลัง

ที่อาคารรัฐสภา นพ.เปรมศักดิ์ เพียยุระ สมาชิกวุฒิสภา (สว.) เปิดเผยว่า ได้ไตร่ตรองอย่างรอบคอบแล้ว หลังมีสว.กว่า10คน ให้การสนับสนุนในการเสนอตัวเอง เข้าชิงตำแหน่งประธานวุฒิสภาถือเป็นอีกทางเลือก เป็นเรื่องที่ดี ที่ สว. ทั้ง 200 คนจะได้มีผู้ที่ถูกเสนอชื่อ3คน 3 แนวทางเพราะเป็น สว. ที่ไม่ได้สังกัดพรรคการเมืองไม่มีเงาใครทับอยู่ข้างหลัง และลบข้อครหาของ สว. ชุดนี้ ว่าเป็น สว. ตามใบสั่ง ส่วนการถูกมองการชิงตำแหน่งประธานวุฒิสภาว่าไม้ประดับ อย่าปรามาสกัน ถือเป็นคำพูดที่ดูถูกประชาธิปไตย มดแดงยังเคยล้มช้างมาแล้ว 

"การจะบอกว่าตัวเองมีจำนวนเสียง 140 เสียง แล้วมาดูถูกอีกฝั่งว่าเป็นพลังจิ้บจ๊อย เห็นว่ามดแดงยังเคยล้มช้างมาแล้ว ฉะนั้นไม่ใช่เรื่องที่จะมาปรามาสกัน การลงสมัคร หรือการเสนอชื่อ มีความหมายต่อระบบประชาธิปไตย แพ้หรือชนะ เป็นเรื่องที่ สว. จะตัดสินใจบนพื้นฐานของการกู้ภาพลักษณ์ และเกียรติศักดิ์ของสถาบันแห่งนี้" นพ.เปรมศักดิ์กล่าว 

นพ.เปรมศักดิ์กล่าวย้ำว่าไม่ถือโทษโกรธ แต่ถือว่า วิสัยทัศน์ที่ได้แสดงวันนี้ เป็นประโยชน์ต่อวุฒิสภา และสามารถจะนำไปปฏิบัติได้จริง ไม่เสนอเรื่องที่เป็นความฝัน ทำได้จริงโดยไม่ต้องฝึกงาน เพราะมีประสบการณ์ทางการเมืองมาแล้ว 12 ปี หากผลการลงมติออกมาแล้ว คะแนนเป็นกลุ่มก้อน ก็แสดงว่าหวยล็อค ถ้าคะแนนไปเป็นตามมุ้งที่ออกข่าวมาก่อนหน้านี้ ก็น่าเศร้าใจ เพราะเป็นการทายผลล่วงหน้าได้มากกว่าผลฟุตบอล 

สำหรับการถูกเสนอชื่อเพื่อชิงตำแหน่งประธานวุฒิสภาครั้งนี้  นพ.เปรมศักดิ์  ระบุว่า ไม่ได้คิดไปไกลถึงขนาดที่จะถูกมองว่า เป็นการโชว์จำนวนเสียง สว. ที่อยู่ในกลุ่มของตนเอง กรณีที่มีผู้อาสาเป็นประธาน และรองประธานวุฒิสภา ถือเป็นความกล้าหาญของเพื่อนสมาชิก และพร้อมน้อมรับมติของที่ประชุมตามกลไกของรัฐสภา
 

ด้านพลเอกเกรียงไกร ศรีรักษ์ สมาชิกวุฒิสภา กล่าวว่า นายมงคล สุระสัจจะ สมาชิกวุฒิสภามีความเหมาะสมทั้งวัยวุฒิ คุณวุฒิ และมีประสบการณ์ ในการเป็นตัวเต็งชิงเก้าอี้ประธานวุฒิสภา

ส่วนตัวเองถึงกรณีที่สมาชิกวุฒิสภาสนับสนุนให้ทำหน้าที่รองประธานวุฒิสภา หากได้รับเลือกก็จะทำหน้าที่ให้ดีที่สุด ตามที่สมาชิกวุฒิสภาให้โอกาส และจะทำหน้าที่ให้เป็นประโยชน์ต่อประชาชน

ส่วนกระแสวิจารณ์ สว.สายสีน้ำเงิน อาจคุมเบ็ดเสร็จในวุฒิสภา พลเอกเกรียงไกร กล่าวว่า วุฒิสภามีความหลากหลาย จะมองเป็นกลุ่ม ๆ ไม่ได้ เพราะ สว.ทำหน้าที่ในฐานะสมาชิกวุฒิสภา ก็จะต้องเดินไปด้วยกัน แม้จะมีความเห็นต่างกัน พร้อมยกตัวอย่างเหมือนครอบครัว ที่มีความเห็นต่างไม่ว่าภรรยา หรือลูกแต่ก็มีวัตถุประสงค์เดียวกันคือ ทำให้ครอบครัวมีความสุข และสังคมมีสิทธิ์วิพากษ์วิจารณ์ในกระแสที่ระบุมีคนการเมืองหนุนหลัง ซึ่งเป็นเรื่องปกติในสังคม