"แสวง"เผยคดียุบก้าวไกล"กกต."ส่งบัญชีพยานเอกสารข้อกม.ให้ศาลรธน.

นายแสวง บุญมี เลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) กล่าวว่า กกต.ได้ส่งบัญชีระบุพยานหลักฐานเพิ่มเติม ซึ่งเป็นเอกสารบางอย่างที่เป็นข้อกฎหมาย ตามคำสั่งศาลรัฐธรรมนูญ ในคดียุบพรรคก้าวไกลไปเมื่อวันที่ 14 มิถุนายน 2567  

ส่วนนายชัยธวัช ตุลาธน หัวหน้าพรรคก้าวไกล  ออกมาให้ความเห็นว่า กกต. ตีความเป็นศรีธนญชัย นายแสวง ไม่ขอแสดงขอความเห็น ขอให้รอฟังศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย 

ส่วนการที่คู่กรณีออกมาแสดงความเห็นว่า กกต. ไม่มีอำนาจ หรือ ลุแก่อำนาจจะทำให้ขาดความเชื่อมั่นต่อ กกต.หรือไม่ นายแสวง กล่าวว่า เรารู้ว่าต้องทำอะไร ทำผิดทำเกินทำน้อยคงไม่ได้ ทุกเรื่องมีการกระทำมีข้อเท็จจริง คนที่ได้รับผลดีผลร้าย สิ่งนี้เกิดจากกฎหมายกำหนดไว้ก่อนว่า ลักษณะเช่นไรที่เป็นความผิด เมื่อมีข้อเท็จจริง กกต. ก็ดำเนินการไปตามข้อเท็จจริง ท่านไม่ได้รับผลร้าย หรือผลดีจากการตัดสินของ กกต. ท่านได้รับผลร้าย จากข้อเท็จจริงที่ท่านทำ

“เรารู้ว่าเราต้องทำอะไร ส่วนความเชื่อมั่นผมว่าเราก็ทำตามกฏหมาย ประชาชนจะสงสัยก็เป็นจุดที่ทำให้เรา ทำให้ประชาชนเชื่อมั่นเป็นหน้าที่ เราก็ทำอย่างดีที่สุดเท่าที่กฎหมายให้เราทำ ”นายแสวงกล่าวและย้ำว่า ตั้งแต่มารับตำแหน่งเลขาธิการ กกต. ไม่มีใบสั่ง หรือคำชี้นำ จาก กกต. หรือจากข้างนอก

ไม่ยื้อเวลาสอบพรรคภูมิใจไทยรอสอบที่มาปมเงินบริจาค 

นายแสวง ระบุ ถึงความคืบหน้าการดำเนินการเกี่ยวกับคำร้อง ยื่นยุบพรรคภูมิใจไทย ว่าเรื่องที่จะยื่นศาลรัฐธรรมนูญไม่ได้เกี่ยวกับการยุบพรรคหรือเกี่ยวกับกฎหมายพรรคการเมืองแต่มีคนจะเอามาโยงว่าสามารถที่จะยุบพรรคได้หรือไม่ จึงทำให้มีคนคิดว่าการที่พรรคภูมิใจไทยก็ยื่นศาลรัฐธรรมนูญ พรรคก้าวไกลก็ยื่นศาลรัฐธรรมนูญ ซึ่ง2กรณีนั้นแตกต่างกันมาก ฐานความผิดของพรรคภูมิใจไทยคือการอำพรางเรื่องหุ้น ไม่ได้เกี่ยวกับการยุบพรรคตามกฎหมายพรรคการเมืองเลยเมื่อมีคนร้องต่อกกต.ก็ต้องมีการตรวจสอบเงินบริจาคว่ามีที่มาจากไหน เป็นเงินที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ 

"หากเป็นเงินที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายก็ไม่ได้ตัดสินที่คนบริจาคแต่ตัดสินด้วยกฏหมาย และคนที่มีอำนาจชี้ ซึ่งต้องรอหน่วยงานที่มีอำนาจ เป็นคนตัดสินซึ่งก็ไม่ใช่กกต. หรือนายทะเบียนโดยขณะนี้มีการตรวจสอบและถามกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอยู่ จนกว่าจะได้ข้อยุติ" นายแสวงกล่าว 

นายแสวงย้ำว่า กรณีการยื่นร้องพรรคภูมิใจไทยไม่ได้เป็นการยื้อเวลา เป็นไปตามกระบวนการ ซึ่งยื่นมาตามช่องทางของนายทะเบียนจึงมีการตรวจสอบตามมาตรา 93 ไม่ได้เข้าเกณฑ์ในมาตรา 92 ซึ่งกฎหมายก็มีหลายวิธี
 

ไม่กังวลถูกยื่นป.ป.ช.สอบปมร่ำรวยผิดปกติ

ส่วนกรณี นายภัทรพงศ์ ศุภักษร (ทนายอั๋น บุรีรัมย์)ยื่นหนังสือถึงคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.)  เพื่อขอให้ตรวจสอบการแจ้งรายการบัญชีทรัพย์สินของนายแสวง ซึ่งมีเหตุร่ำรวยผิดปกติหรือไม่ โดยขอให้ตรวจสอบย้อนหลัง 5 ปีตั้งแต่ปี 2558 ถึง 2565 นายแสวง กล่าวว่า ผมอยู่ในที่สว่าง ไม่ว่าเรื่องส่วนตัวหรือว่าเรื่องงาน การที่ทนายอั๋นยื่นคำร้องก็ถือว่าเป็นการตรวจสอบไม่ได้มีความกังวลแต่อย่างใด แต่เห็นว่าถ้าใช้ความรู้ความสามารถไปทำประโยชน์ให้กับบ้านเมืองก็น่าจะดีกว่านี้

ส่วนที่มีการตั้งข้อสังเกตว่านายแสวง ได้มีการแสดงบัญชีทรัพย์สินเพียงรถ 1 คันและมอเตอร์ไซค์ 2 ซึ่งเป็นในส่วนของภรรยา นายแสวง กล่าวว่า ตนมีรถประจำตำแหน่ง
 

Tuyên bố từ chối trách nhiệm: Bản quyền của bài viết này thuộc về tác giả gốc. Việc đăng lại bài viết này chỉ nhằm mục đích truyền tải thông tin và không cấu thành bất kỳ lời khuyên đầu tư nào. Nếu có bất kỳ hành vi vi phạm nào, vui lòng liên hệ với chúng tôi ngay lập tức. Chúng tôi sẽ sửa đổi hoặc xóa bài viết. Cảm ơn bạn.