“พิธา” ปัด “ก้าวไกล” ฉวยโอกาส หลัง “บุ้ง” เสียชีวิต
นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ สส.บัญชีรายชื่อพรรคก้าวไกล กล่าวถึงกรณีที่ทนายของ นางสาวนิติพร เสน่ห์สังคม หรือ บุ้ง ระบุว่าสาเหตุของการเสียชีวิต เนื่องจากมีการใส่ท่อช่วยหายใจผิด ว่า อยากให้รอฟังความชัดเจนจากแพทย์ผู้ให้การรักษา ซึ่งพลตำรวจเอกทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม บอกว่า วันจันทร์นี้ (20 พ.ค.) จะให้ข้อมูลกับครอบครัวในเรื่องนี้ ขอให้สังคมตั้งสติและรอฟังข้อมูลจากกรมราชทัณฑ์
ส่วนกรณีการเสียชีวิตของ นางสาวเนติพร ที่ถูกนำไปโยงกับคดีมาตรา 112 นั้น นายพิธา กล่าวว่า เรื่องนี้ต้องแยกกัน เพราะการ แก้ไขมาตรา 112 กับการปฏิรูปสถาบันก็เป็นสิ่งที่นางสาวนิติพรเรียกร้อง แต่การที่ต้องอดอาหารเวลานาน เป็นการเรียกร้องสิทธิการประกันตัว เพราะการถูกฝากขังยังถือเป็นผู้บริสุทธิ์ จึงได้ตัดสินใจอดอาหารประท้วง
ส่วนที่นางสาวนิติพรเคยได้รับสิทธิ์การประกันตัวแล้วแต่กระทำผิดซ้ำ ในคดีทำร้ายเจ้าหน้าที่ศาล จึงถูกถอดสิทธิ์การประกันตัวนั้น นายพิธา กล่าวว่า ตนไม่สามารถตอบแทนได้ เพราะนางสาวนิติพรเสียชีวิตไปแล้ว แต่ถ้าจะให้เดาเชื่อว่านางสาวนิติพรไม่ได้ต่อสู้เพื่อตนเองเพียงคนเดียว แต่ต่อสู้เพื่อเพื่อนและเสรีชนที่มีความคิดแบบเดียวกัน ว่า ทุกคนเสมอภาคตามกฏหมาย และการขังคน 2-3 เดือน โดยที่เขาไม่มีความผิดเป็นเรื่องที่เขาติดใจและเรียกร้อง ไม่ใช่เพื่อตัวเองคนเดียวแต่เพื่อคนไทยทุกคน
ผู้สื่อข่าวถามว่า เหตุผลที่ ส.ส. พรรคก้าวไกลไม่ออกมาเคลื่อนไหวในช่วงที่นางสาวนิติพรออกมาเรียกร้อง แต่กลับมาแสดงความเห็นในช่วงที่นางสาวนิติพรเสียชีวิตไปแล้ว ถือเป็นการฉกฉวยหรือไม่ นายพิธา กล่าวว่า ไม่ใช่การฉกฉวยแน่นอน เพราะการเคลื่อนไหวของเยาวชนมีอิสระเป็นของตัวเองไม่ได้ยึดโยงพรรคการเมืองใดพรรคการเมืองหนึ่ง
แต่พรรคก้าวไกล เชื่อในหลักนิติรัฐนิติธรรม เชื่อในสิทธิ์การประกันตัว และสิทธิ์การเข้าถึงทนาย แต่ไม่ได้หมายความว่าพรรคก้าวไกลกับกลุ่มเยาวชนเห็นไปในทิศทางเดียวกันทุกเรื่อง พร้อมกล่าวว่า หากฝั่งตรงข้ามถูกฝากขังเราก็จะออกมาพูดเรื่องนี้เช่นเดียวกัน ไม่ใช่การฉกฉวยผลประโยชน์ทางการเมืองแต่อย่างใด ไม่มีเรื่องนั้นอยู่ในหัว เป็นการให้เกียรติครอบครัวผู้เสียชีวิตมากกว่า
นายพิธา ยังกล่าวว่า มีข้อเรียกร้อง 5 ข้อ คือ ความโปร่งใสชัดเจนจากทางราชทัณฑ์ ระบบยุติธรรมที่แต่เริ่มตั้งแต่ตำรวจและอัยการ ซึ่งหากสองหน่วยงานนี้ได้รับนโยบายจากรัฐบาล ไม่เอาผิดผู้เห็นต่างทางการเมือง และมองผู้ที่มีความเห็นต่างกับผู้มีอำนาจเป็นเรื่องปกติ อาจจะชะลอและรับฟังความเห็นจากรัฐบาลหรือนายกรัฐมนตรีที่กำกับดูแลสำนักงานตำรวจแห่งชาติ
ทั้งนี้ มองว่าสามเสาหลักของประเทศทั้งศาล ฝ่ายนิติบัญญัติและบริหาร น่าจะพูดคุยกันเพื่อหาทางออกในเรื่องนี้
เรื่องกฎหมายนิรโทษกรรม ต้องรีบผลักดันให้ออกมาเร็ว ไม่ควรแยกกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งออก และไม่ควรผลักอนาคตของชาติออกไป จนไม่มีพื้นที่เหลือให้พูดคุยกัน ของตัวเองและเอาชีวิตตัวเองมาเสี่ยงแบบนี้ ตนหวังว่าเหตุการณ์นี้จะเป็นครั้งสุดท้าย เพราะเชื่อว่าหากต้นทางถึงปลายทางเห็นตรงกันเราจะหยิบฟืนออกจากกองไฟทางการเมืองได้
ผู้สื่อข่าวถามว่าพรรคก้าวไกลจะเข้าไปพูดคุยกับบุคคลที่ยังอดอาหารหรือไม่ หลังสูญเสียนางสาวนิติพรไปแล้วหนึ่งคน นายพิธา ระบุว่า เราพยายามพูดคุยมาโดยตลอด 3 ปีที่ผ่านมา ว่าไม่อยากให้เอาชีวิตไปเสี่ยงเสี่ยง แต่เราไม่สามารถก้าวก่ายความมุ่งมั่นและความเด็ดเดี่ยว และจิตใจของเขาได้ เพราะตนไม่ได้รู้จักเป็นการส่วนตัว แต่หากมีโอกาสได้เข้าไปเยี่ยม ก็จะบอกว่าให้เอาชีวิตตัวเองมาก่อนการต่อสู้ เพราะยังอีกยาวนาน แต่เขาจะฟังหรือไม่ถือเป็นสิทธิ์ของเขา เพราะบางครั้งการเลือกทำแบบนี้อาจจะเพื่อให้สังคมได้รับรู้ข้อเรียกร้อง
ส่วนอีกคนที่น่าเป็นห่วง คือ นางสาวทานตะวัน นั้น จำเป็นจะต้องพูดคุยหรือไม่ นายพิธา กล่าวว่า เท่าที่ทราบขณะนี้ถูกย้ายตัวมาที่โรงพยาบาลธรรมศาสตร์แล้ว ซึ่งอยากให้ทานตะวัน คิดถึงภาพรวม ซึ่งตนทราบดีว่าตอนนี้เสียใจกับการสูญเสีย แต่ชีวิตของตัวเองเป็นเรื่องสำคัญฝากถึงคุณพ่อคุณแม่ทานตะวันไว้ด้วย
นายพิธา กล่าวถึงกรณีการยุบพรรคก้าวไกลว่า หลังจากที่ศาลรัฐธรรมนูญได้ขยายเวลาการส่งคำชี้แจงแก้ข้อกล่าวหา ภายในวันที่ 2 มิถุนายนนี้ ก็พร้อมที่จะยื่น โดยได้มีการเตรียมเอกสารไว้แล้ว ซึ่งในทางการต่อสู้ต้องแก้ข้อกล่าวหามาตรา 91 และมาตรา 92 ขณะเดียวกันต้องใช้หลักฐานจากภายนอก ซึ่งข้อกล่าวหาในคำร้องคดีนี้แตกต่างจากคำร้องคดีล้มล้างการปกครองเมื่อช่วงปลายเดือนมกราคมที่ผ่านมา พร้อมกล่าวว่า ได้เตรียมใจตั้งแต่วันแรกตั้งแต่เป็นนักการเมืองที่จะรองรับเหตุการณ์ที่ต้องเผชิญหน้า
“การเป็นนักการเมืองเตรียมใจแต่วันแรกที่เข้ามาทุกสิ่งทุกอย่างเกิดขึ้นได้ทั้งหมด แต่ว่าเราอย่าเอาเวลาไปกังวลให้มากจนเกินไปในสิ่งที่ยังไม่ได้เกิดขึ้น แต่ต้องทำสิ่งที่อยู่ต่อหน้าปัจจุบันให้ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้ และวันนี้มี Policy Fest เดินทางไปประเทศเกาหลีใต้ และวันที่ 18 มิถุนายนนี้ มีอภิปรายกฎหมายประชามติที่จะได้อภิปรายด้วย รวมถึงกฎหมายงบประมาณยังคงทำหน้าที่ทุกวัน” นายพิธา กล่าว
นายพิธา กล่าวว่า ยังไม่ถึงเวลาที่จะพูดถึงพรรคสำรอง ตอนนี้ขอโฟกัสเรื่องงาน แม้จะมีคำสั่งยุบพรรคก้าวไกลมั่นใจว่า สส. ในพรรคกว่า 150 คน จะคงไปสังกัดพรรคใหม่ ยืนยันว่า จะทำทุกอย่างให้ทุกคนได้ไปอยู่ด้วยกัน ไม่ใช่แค่คนที่รอดหรือไม่รอด โดยไม่ห่วงว่าจะเกิดเหตุการณ์ซ้ำรอยโดนดูด สส. อย่างตอนยุบพรรคอนาคตใหม่
”ผมฟังแต่ยังไม่เชื่อ ไม่ได้ไร้เดียงสาจนไม่รู้ว่าพรรคไหนต้องการที่จะได้ไป เพื่อให้มีโควตา สส. เอาไว้ต่อรองใน ครม. หรืออาจจะมีอุบัติเหตุทางการเมืองเกิดขึ้น อย่าง 2-3 วันที่ผ่านมา ก็รับฟังทุกเรื่อง ขณะเดียวกันเป็นการบ่อนทำลายความเชื่อมั่นของพรรคในช่วงที่แย่ ซึ่งก็ได้เตือนผ่านหัวหน้าพรรค และช่วยพูดกับคนในพรรคว่ายังคงฟังซึ่งกันและกัน จะไม่ล่าแม่มดหรือกล่าวหาว่าเป็นใครในพรรคหรือไม่ ซึ่งจะทำให้ความเชื่อมั่นในพรรคหายไป และทำให้การดูด สส. ง่ายขึ้น ขอให้ทุกคนหนักแน่นกับพรรคก้าวไกล พรรคเข้มแข็งหนักแน่นในอุดมการณ์ และต้องถามตัวเองบ่อยๆ ว่ามาเป็นนักการเมืองและ สส. พรรคก้าวไกลทำไม“ นายพิธา กล่าว
นายพิธา กล่าวต่อว่า หากให้อธิบายเรื่องข้อกฎหมายต่อศาลว่าพรรคก้าวไกลไม่มีเจตนาล้มล้างการปกครอง เพราะการล้มล้างคือการทำรัฐประหาร การร่วมมือกับรัฐบาลต่างประเทศ การแบ่งแยกแผ่นดินหรือการเปลี่ยนแปลงรูปแบบการปกครอง โดยยืนยันว่า สิ่งที่พรรคทำมีเจตนาดีต่อการสร้างความสัมพันธ์ระหว่างสถาบันในประเทศไทยผ่านนิติรัฐ นิติธรรม และความศรัทธา
พร้อมย้ำว่า คดียุบพรรคไม่ได้ทำให้เสียสมาธิ ไม่ว่าจะมีคำสั่งใดออกมายังคงเตรียมการอภิปรายแก้ไขร่างพระราชบัญญัติการออกเสียงประชามติที่จะมีขึ้นช่วงวันที่ 18 มิถุนายนนี้ โดยช่วงเย็นวันนี้ นายชัยธวัช ตุลาธน หัวหน้าพรรคก้าวไกล จะขึ้นพูดถึงอนาคตการเมืองไทย และอนาคตของพรรคก้าวไกลด้วย
Tuyên bố từ chối trách nhiệm: Bản quyền của bài viết này thuộc về tác giả gốc. Việc đăng lại bài viết này chỉ nhằm mục đích truyền tải thông tin và không cấu thành bất kỳ lời khuyên đầu tư nào. Nếu có bất kỳ hành vi vi phạm nào, vui lòng liên hệ với chúng tôi ngay lập tức. Chúng tôi sẽ sửa đổi hoặc xóa bài viết. Cảm ơn bạn.