'พิชิต ชื่นบาน'มั่นใจมีคุณสมบัตินั่งรมต.ไม่ใช่คนชั่วร้ายขอพิสูจน์ผลงาน

นายพิชิต ชื่นบาน รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ซึ่งถูกตั้งข้อสงสัยเกี่ยวกับคุณสมบัติการดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีเนื่องจากเคยต้องคำพิพากษาศาลฎีกา เมื่อปี 2551 ให้จำคุก 6 เดือน โดยไม่รอลงอาญา ในคดีถุงขนม 2 ล้านบาท ขณะเดียวกันก็ถูกเพิกถอนใบอนุญาตทนายความ จึงเป็นผู้ขาดคุณสมบัติตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 160 (5) ที่กำหนดว่า ต้องไม่ประพฤติผิดในจริยธรรมอย่างร้ายแรง เปิดใจหลังเข้ารับตำแหน่งว่า สิ่งที่ทุกฝ่ายตั้งข้อสงสัยยอมรับว่า ทุกคนมีอุบัติเหตุในชีวิตได้

และตลอด 6-7 เดือนที่ผ่านมาได้รับพื้นที่ข่าวมาก และได้ชี้แจงอย่างชัดเจนแล้ว ซึ่งหากให้ความเป็นธรรมกับตน และไปศึกษาเรื่องราวต่าง ๆ ให้ดีพอ ก็จะทราบว่า เกิดเหตุการณ์ใดขึ้น และหากเป็นคนไม่ดี อย่างที่มีการกล่าวหากันก็จะไม่เดินเข้ามาในทำเนียบรัฐบาล พร้อมยืนยันว่า ตนเองไม่ได้กระทำผิด และไม่ใช่คนชั่วร้าย มีความรู้ความสามารถจนทำให้สามารถมายืนอยู่จุดนี้ได้ เพราะถ้ามาด้วยเส้นสาย ตนเองก็คงไม่สามารถเดินมาสู่จุดนี้ได้ แต่ตนเองทำงานร่วมกับนายกรัฐมนตรีหลายคนแล้ว พร้อมยกมือไหว้ขอโอกาสจากประชาชนให้ตนได้ทำงาน 

ส่วนกรณีที่มีผู้ไปร้องเรียนคุณสมบัติ และพฤติกรรมทางจริยธรรมผ่านคณะกรรมการการเลือกตั้ง, คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ กรรมการ ป.ป.ช. รวมถึงผู้ตรวจการแผ่นดินนั้น นายพิชิต ยืนยันว่า ตนเองเคารพสิทธิกับผู้ที่ตั้งข้อสงสัยและเมื่อมีการยื่นเรื่องให้มีการตรวจสอบตนเองแล้ว ก็ขอให้รอฟังผลแต่ละหน่วยงานในการตรวจสอบ แต่ตนขอไปทำงานก่อน เรื่องอื่น ๆ ปล่อยให้เป็นไปตามกระบวนการกฎหมายของหน่วยงานนั้น ๆ 

ส่วนการตรวจสอบคุณสมบัติโดยคณะกรรมการกฤษฎีกา ได้มีการตรวจสอบครบถ้วนหรือไม่ นายพิชิต มั่นใจว่า มีการตรวจสอบทั้งหมดหลายหน่วยงาน ทั้งสำนักงานตำรวจแห่งชาติ, ป.ป.ช. และกรมบังคับคดี ซึ่งกระบวนการทางการบริหาร ได้มีการตรวจสอบแล้ว จึงขอให้รอหน่วยงานอิสระที่ได้รับยื่นร้องเรียนไปก่อนหน้านี้ และเชื่อว่า หน่วยงานต่าง ๆ คงจะมีการแถลง แต่ตนมั่นใจในความเป็นตนเอง ที่เป็นคนดี ตั้งใจทำงาน และขอเอาผลงานเป็นตัวพิสูจน์ 

นายพิชิต ยังชี้แจงกระแสวิพากษ์วิจารณ์ ที่ได้รับตำแหน่งรัฐมนตรี เพราะเป็นบุคคลใกล้ชิดนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี โดยย้ำว่า การมารับตำแหน่งรัฐมนตรีของตน เพราะความรู้ความสามารถของตน แต่ก็เป็นสิทธิของคนที่จะคิด และหากตนไม่มีความรู้ความสามารถ คงไม่มีใครให้ตนมาทำหน้าที่นี้ เพราะการบริหารราชการแผ่นดิน ไม่ใช่เรื่องเส้นสาย ใช้พวกพ้อง จึงขอให้สบายใจได้ และพร้อมพิสูจน์ตนเองด้วยผลงาน พร้อมไม่กังวลว่า ตนจะเป็นสายล่อฟ้าของรัฐบาล
 

ส่วนกังวลข้อร้องเรียนต่อองค์กรอิสระต่าง ๆ จะกระทบไปถึงนายกรัฐมนตรีหรือไม่นั้น นายพิชิต ระบุว่า เรื่องดังกล่าว ขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเป็นผู้ใช้ดุลยพินิจในการตรวจสอบ และตนเองขอทำหน้าที่ปัจจุบันให้ดีที่สุด พร้อมย้ำว่า ตนมีหน้าที่ดูแลรัฐบาล และนายกรัฐมนตรีบริหารราชการแผ่นดินให้เป็นไปด้วยความชอบด้วยกฎหมาย และรัฐธรรมนูญ 

นายพิชิต ยังปฏิเสธที่จะแสดงความมั่นใจว่า ตนเองเป็นผู้บริสุทธิ์จากการถูกองค์กรอิสระต่าง ๆ ตรวจสอบหรือไม่ โดยชี้แจงว่า เนื่องจาก กังวลว่าจะเข้าข้างตัวเอง และเป็นเรื่องนามธรรม แต่ตนเองมีสมาธิสูง 6-7 ปีที่ผ่านมา ทำงานมามาก และสามารถถามผู้ใหญ่หลายคนได้ ผ่านการพิสูจน์หัวใจมาแล้ว ไม่หวั่นไหว แม้จะมีอะไรมาล่อใจ ตนก็ไม่หวั่นไหว จึงทำให้สามารถยืนอยู่ได้ทุกวันนี้ และพร้อมให้อภัย อโหสิกรรม และโมทนาบุญกับผู้ที่ร้องเรียนให้ตรวจสอบคุณสมบัติตนเอง และขอความเป็นธรรมต่อการทำงานของตนเองด้วย 

นายพิชิต ยังเปิดเผยถึงภาระหน้าที่ภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรีในวันนี้ (7 พ.ค.) ที่ได้มีการมอบหมายภารกิจว่า ตนเองได้รับหน้าที่เป็นผู้ตรวจร่างมติคณะรัฐมนตรี และตรวจความเรียบร้อยของกฎหมายให้นายกรัฐมนตรี ก่อนเสนอเข้าสู่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี พร้อมรับผิดชอบดูแลงานสำนักปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี สำนักงานเลขาธิการคณะรัฐมนตรี และสำนักงานเลขาธิการนายกรัฐมนตรี รวมถึงสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ราชบัณฑิตยสถาน และสำนักงานพัฒนาพิงคนคร (องค์การมหาชน) พร้อมยืนยันว่า ตนเองรักประเทศชาติไม่น้อยกว่าคนอื่น โดยจะปฏิบัติงานให้บรรลุเป้าหมาย ซึ่งก่อนเข้าปฏิบัติหน้าที่ ตนเองก็ได้เคยปฏิบัติหน้าที่เป็นที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรีมาแล้ว ได้รับอนุญาตจากนายกรัฐมนตรีให้เข้าร่วมรับฟังการประชุมคณะรัฐมนตรีไม่เคยขาดแม้แต่ครั้งเดียว ดังนั้น จึงรับทราบนโยบายของรัฐบาล และนายกรัฐมนตรีเป็นอย่างดี มีประสบการณ์การทำงาน ไม่ต้องศึกษาใหม่ ดังนั้น ตนจึงไม่ใช่คนใหม่ที่ทำเนียบรัฐบาล และทำงานไม่เคยหยุด มีคณะทำงานตรวจสอบกฎหมายต่าง ๆ โดยคาดว่า กรอบงานของตนเองน่าจะดูงานด้านการกฎหมาย 

นายพิชิต ยังตั้งเป้าหมายการทำงานใน 30 วันแรกว่า จะปรับปรุงศูนย์รับเรื่องราวร้องทุก ภายใน 30 วันนี้ โดยจะพลิกฟื้นศูนย์ให้บริหารประชาชน ทำเนียบรัฐบาล เป็น ''ศูนย์ให้ทำเนียบช่วยได้" รับแจ้งเบาะแสอาชญากรรม ยาเสพติด พนันออนไลน์ และให้ทำเนียบรัฐบาล เป็นที่พึ่งประชาชนได้ตั้งแต่ต้นน้ำ เสมือนเป็นมือไม้ของนายกรัฐมนตรี และจะนำข้อสั่งการนายกรัฐมนตรี มาดำเนินการ รวมถึงจะทำความเข้าใจกับสำนักงานพระพุทธศาสนา รับนโยบายจากพระชั้นผู้ใหญ่ ซึ่งสำนักงานพระพุทธศาสนา ที่มีงานมากมาย และละเอียดอ่อน รวมถึงการจัดงานสัปดาห์วันวิสาขบูชาโลก ซึ่งตนจะร่วมกับสำนักงานพระพุทธศาสนา จัดงานให้ยิ่งใหญ่ เป็นเอกลักษณ์ของชาติ 

นายพิชิต ยังชี้แจงสาเหตุที่ตนเองไม่ได้ดูภารกิจงานของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา โดยคาดว่า งานตนเองหนักมากแล้ว แต่ด้วยอำนาจ ก็สามารถพูดคุย และประสานกับกฤษฎีกาได้อยู่แล้ว เพราะก่อนที่จะมีเรื่องใดเข้าสูที่ประชุมคณะรัฐมนตรี ก็จะมีความเห็นกฤษฎีกาอยู่แล้ว

Tuyên bố từ chối trách nhiệm: Bản quyền của bài viết này thuộc về tác giả gốc. Việc đăng lại bài viết này chỉ nhằm mục đích truyền tải thông tin và không cấu thành bất kỳ lời khuyên đầu tư nào. Nếu có bất kỳ hành vi vi phạm nào, vui lòng liên hệ với chúng tôi ngay lập tức. Chúng tôi sẽ sửa đổi hoặc xóa bài viết. Cảm ơn bạn.