พิเชษฐ์ เผย แบ่งเก้าอี้กรรมาธิการลงตัว 13ก.ย.เห็นโฉมหน้า ประธานกมธ.35คณะ

ที่รัฐสภา นายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่ 2 ให้สัมภาษณ์ภายหลังการประชุมกับตัวแทนพรรคการเมือง เพื่อแบ่งสัดส่วนกรรมาธิการ (กมธ.) ที่แต่ละพรรคการเมือง จะได้ทำหน้าที่ประธานกมธ.ตามสัดส่วนสส.ที่มีว่า ที่ประชุมได้ข้อสรุปว่าพรรคก้าวไกล และพรรคเพื่อไทย จะได้ประธานกรรมาธิการฯพรรคละ 10 คณะ ส่วนพรรคอื่นๆจะเรียงลำดับไปตามสัดส่วน ตัวแทนพรรคก้าวไกล ได้ขอในที่ประชุมว่า ให้เลือกตั้งซ่อม เขต 3 ระยอง ในวันที่ 10 ก.ย.นี้ ผ่านไปก่อนได้หรือไม่ เพราะหากพรรคก้าวไกลชนะการเลือกตั้งจะได้สัดส่วนประธานกมธ.เป็น 11 คณะ แต่ตัวแทนพรรคการเมืองอื่นๆ เห็นว่าควรอยู่กับปัจจุบันที่มีสส. 499 คน จึงตกลงให้ยึดสัดส่วนตามปัจจุบัน ทุกพรรคได้สัดส่วนตามที่ประกาศไว้ 

ดังนั้น ช่วงนี้จะเป็นขั้นตอนของตัวแทนแต่ละพรรคที่จะเจรจานอกรอบว่า จะได้ประธานกมธ.คณะใดบ้าง จากนั้น วันที่ 4 ก.ย.จะมีการประชุมตัวแทนของทุกพรรคการเมืองอีกครั้ง เพื่อรับทราบความคืบหน้า และสุดท้ายจะได้ข้อสรุปในวันที่ 13 ก.ย. ทั้งในส่วนของประธานกมธ. 35 คณะ และสส.ทั้ง 499 คน ว่าจะสังกัดในกมธ.คณะใดบ้าง เพื่อที่วันที่ 14 ก.ย.จะได้เป็นวันประชุมกมธ.แต่ละคณะนัดแรก 

นายพิเชษฐ์ กล่าวว่า การพิจารณาว่า พรรคใดจะเป็นประธานกมธ.คณะใดบ้างนั้น จะดูตามความต้องการของแต่ละพรรคว่า อยากจะเป็นประธานกมธ.คณะใด ถ้าไม่ซ้ำกัน ทุกพรรคก็จะได้ไปเลย เท่าที่ดูขณะนี้ซ้ำกันไม่มาก คิดว่าลงตัวได้ แต่หากซ้ำกันจะต้องพิจารณากันรอบสอง เช่น กมธ.แรงงาน กมธ.การเกษตรและสหกรณ์ และกมธ.การกระจายอำนาจการปกครองส่วนท้องถิ่น และการบริหารราชการรูปแบบพิเศษ เป็นต้น ที่มีความต้องการซ้ำกัน แต่ก็เชื่อว่าจะตกลงกันได้
  
เมื่อถามว่า หากผลการเลือกตั้งซ่อมพรรคก้าวไกลชนะการเลือกตั้ง จะสามารถขอโควต้าประธานกมธ.จากพรรคการเมืองอื่นมาเป็นของพรรคก้าวไกลได้หรือไม่ นายพิเชษฐ์ กล่าวว่า หากพรรคก้าวไกลชนะแล้วคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) รับรอง เรามีวิปของแต่ละพรรคที่จะได้หารือกันซึ่งเปลี่ยนแปลงได้ 

เมื่อถามว่า มีความกังวลว่าหากประธานกมธ.เป็นสัดส่วนของพรรคการเมือง ที่ซ้ำกับพรรคที่มีรัฐมนตรีรับผิดชอบกระทรวงอยู่จะทำให้การตรวจสอบยากลำบาก นายพิเชษฐ์ กล่าวว่า คงไม่เกี่ยวว่ารัฐมนตรีอยู่กระทรวงไหนแล้วจะได้ประธานกมธ.คณะนั้น แต่ยึดตามความถนัดของงานมากกว่า 

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับประธานกรรมาธิการ สภาผู้แทนราษฎร 35 คณะ แบ่งเป็น พรรคก้าวไกล และพรรคเพื่อไทย พรรคละ 10 คณะ พรรคภูมิใจไทย 5 คณะ  พรรคพลังประชารัฐ พรรครวมไทยสร้างชาติ พรรคละ 3 คณะ พรรคประชาธิปัตย์ 2 คณะ พรรคชาติไทยพัฒนาและประชาชาติพรรคละ 1 คณะ 

ขณะที่จำนวนสัดส่วนกรรมาธิการ 525 ตำแหน่ง แบ่งเป็น พรรคก้าวไกล 158 ตำแหน่ง พรรคเพื่อไทย 148 ตำแหน่ง พรรคภูมิใจไทย 75 ตำแหน่ง พรรคพลังประชารัฐ 42 ตำแหน่ง พรรครวมไทยสร้างชาติ 38 ตำแหน่ง พรรคประชาธิปัตย์ 26 ตำแหน่ง พรรคชาติไทยพัฒนา 11 ตำแหน่ง พรรคประชาชาติ 10 ตำแหน่ง พรรคไทยสร้างไทย 6 ตำแหน่ง

พรรคชาติพัฒนากล้า และพรรคเพื่อไทรวมพลัง พรรคละ 2 ตำแหน่ง  พรรคเสรีรวมไทย พรรคประชาธิปไตยใหม่ พรรคใหม่ พรรคท้องที่ไทย พรรคเป็นธรรม พรรคพลังสังคมใหม่ พรรคครูไทยเพื่อประชาชน พรรคละ 1 ตำแหน่ง