จุลพันธ์ ไม่ยืนยัน ประชาชน ได้ใช้เงินดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท ทันไตรมาสสาม

ที่ทำเนียบรัฐบาล นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยถึงความคืบหน้าโครงการดิจิทัลวอลเล็ต 1 หมื่นบาทว่า เมื่อวันที่ 5ก.พ. ได้เข้าพบและหารือกับนายกรัฐมนตรี ยืนยันว่า รัฐบาลจะเดินหน้าโครงการดิจิทัลวอลเล็ต คู่ขนานไปกับระหว่างการรอความเห็น และข้อห่วงใยของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.) 1 เดือนที่ผ่านมา ปัญหาตัวเลขทางเศรษฐกิจหนักขึ้น ประชาชนขาดความมั่นใจในการใช้จ่าย ภาคเอกชนไม่กล้าลงทุน ต่างชาติที่รัฐบาลเชิญชวนมาลงทุน กว่าจะเห็นเม็ดเงินก็ยังต้องรอระยะเวลา จนทำให้ภาคการบริโภคชะลอตัว อัตราเงินเฟ้อก็ติดลบต่อเนื่อง 4 เดือน และอัตราดอกเบี้ยยังเพิ่มขึ้นสูง จนดูดสภาพคล่องของประชาชน สถานการณ์ประเทศขนาดนี้ เหมือนปลาในบ่อ ประชาชนเป็นปลาแต่น้ำแห้ง ดังนั้น รัฐบาลจึงต้องเติมน้ำ คือการเติมเงินใหม่ อย่างโครงการดิจิทัลวอลเล็ต โดยขณะนี้ รัฐบาลได้ยกร่าง พระราชบัญญัติการกู้เงินไว้แล้ว 

นายจุลพันธ์กล่าวว่า สัปดาห์หน้า จะมีการประชุมคณะกรรมการนโยยายดิจิทัลวอลเล็ต เพื่อพิจารณาข้อห่วงใยการเกิดทุจริตคอร์รัปชัน แม้จะยังไม่มีเหตุการณ์เกิดขึ้นว่าเกิดการทุจริต เพราะยังไม่ได้เริ่มดำเนินนโยบายก็ตาม จะมีการตั้งอนุกรรมการติดตามล่วงหน้า และให้วางแผนกำหนดกฎเกณฑ์รูปแบบการทำงาน เพื่อไม่ให้ดิจิทัลวลอลเล็ตเกิดการทุจริต หรือใช้เงินผิดประเภท พร้อมกับหารือสถานการณ์เศรษฐกิจของประเทศ กำหนดรูปแบบการกระตุ้น และผลผลัพธ์ ที่จะต้องเป็นไปตามความต้องการของประชาชน และภาคเอกชน โดยจะมีการตั้งคณะอนุกรรมการขึ้นมารับฟังควาเห็น และเก็บข้อมูล

นายจุลพันธ์กล่าวว่า ระหว่างการทำงาน ได้รับเสียงสะท้อนจากธนาคารและสถาบันการเงินจำนวนมาก ที่อยากมีส่วนร่วมให้มีแอปพลิเคชันกลางของภาครัฐ เพื่อเชื่อมต่อกับสถาบันการเงินได้ จึงจะมีการหารือให้คณะกรรมการไปหารือเพิ่มเติมกับธนาคารพาณิชย์ เพื่อสร้างความเชื่อมต่อระหว่างธนาคารกับดิจิทัลวอลเล็ต เพื่อให้กลไกสามารถใช้งานได้ครอบคลุมกว้างขวาง และเชื่อมโยงระบบการชำระจ่ายเงินของประเทศให้สมบูรณ์

ส่วนความเห็นของกฤษฎีกาและป.ป.ช.นั้น รัฐบาลก็จะทำงานคู่ขนานกัน ถ้ามีผลความเห็นออกมา คณะกรรมการดิจิทัลวอลเล็ตก็จะประชุม หารือเพื่อชี้แจงร่วมกันอีกครั้ง

เมื่อถามถึงไทม์ไลน์การแจกดิจิทัลวอลเล็ต นายจุลพันธ์กล่าวว่า ได้ขยับออกไปแล้ว แต่ไทม์ไลน์ใหม่จากสถานการณ์เศรษฐกิจของประเทศ ยืนยันว่า เป็นเรื่องเร่งด่วนที่รัฐบาลจะเร่งดำเนินการให้เร็วที่สุด

"ไม่ขอยืนยันว่าจะสามารถเติมเงินให้กับประชาชนได้ทันไตรมาส 3 ของปีนี้หรือไม่ ยืนยันว่า จะไม่ลดวงเงินของโครงการ จะเร่งดำเนินการให้เร็วที่สุด ขณะนี้รัฐบาลได้เตรียมร่างพระราชบัญญัติการกู้เงินไว้แล้ว หรือหากมีความจำเป็นที่จะต้องตราเป็นพระราชกำหนด(พรก.) ก็อาจจะต้องมีการพิจารณาอีกครั้ง แต่เบื้องต้นยังไม่ได้การคิดหารือถึงการออกเป็นพระราชกำหนด สำหรับโครงการดังกล่าว"นายจุลพันธ์กล่าว