ก้าวต่อไป พิธา-ก้าวไกล หลังคำพิพากษาศาลรัฐธรรมนูญ 2 คดีสำคัญ
เข้าสู่ครึ่งเดือนหลัง มกราคม สถานการณ์ 'พรรคก้าวไกล' มีประเด็น เรื่องราวให้ต้องลุ้นมากเป็นพิเศษ โดยเฉพาะ 2 คดีสำคัญ รอชี้ชะตา ส่งผลไปถึงอนาคตเส้นทางการเมือง เกี่ยวพันทั้ง บุคคล และ พรรคก้าวไกล
วันพุธที่ 24 ม.ค. ศาลรัฐธรรมนูญ นัดอ่านคำวินิจฉัย ‘พิธา ลิ้มเจริญรัตน์’ อดีตหัวหน้าพรรค แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี พรรคก้าวไกล ถือครองหุ้น ไอทีวี จะส่งผลทำให้สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร(สส.) สิ้นสุดลงหรือไม่
พิธา มั่นใจข้อมูล พยาน หลักฐาน ที่ได้นำไปชี้แจงต่อศาลรัฐธรรมนูญ ค่อนข้างปักใจเชื่อ ประเด็นที่โดนร้อง จนนำขึ้นสู่ชั้นศาล รอการพิจารณา มาจากการเมืองที่จ้องจะเล่นงาน
ศาลรัฐธรรมนูญ หลังได้รับฟังคำชี้แจงทั้งจากฝ่ายผู้ร้อง ผู้ถูกร้อง ข้อมูล เอกสาร พยาน หลักฐาน ครบถ้วนทุกฝ่าย ก่อนนำมาซึ่งบทสรุปวันที่ 24ม.ค.ผลที่ออกมา คงมีเพียงแค่ สองหน้าเท่านั้น
เป็นคุณ ผลออกมาเป็นบวกต่อ พิธา คือ รอดพ้นข้อกล่าวหา หวนกลับคืน ปฏิบัติหน้าที่สส.ได้ตามปกติ มีสิทธิหวนกลับคืนสู่ตำแหน่ง หัวหน้าพรรคก้าวไกลได้อีกครั้ง เนื่องจาก เดือนเมษายน จะมีการประชุมใหญ่วิสามัญของพรรคก้าวไกล ปรับโครงสร้างกันอีกรอบ ที่ทั้งพิธา ไม่ปิดกั้นการกลับไปทำหน้าที่เดิม ขณะที่ สมาชิกในพรรคเปิดกว้าง อ้าแขนต้อนรับ เพียงแต่ต้องรอลุ้น ให้รอดจาก คำพิพากษาให้ได้ก่อนเป็นอันดับแรก
เป็นลบ ต่อ พิธา ยืนยันทำให้ สมาชิกสภาพสสส.สิ้นสุดลง
พิธา ออกมาบอกว่า จะขอทำงานต่อ เพียงแต่จะไม่ได้ทำงานในสภาฯ แต่ไปทำงานขับเคลื่อนนอกสภาฯ แทน
วันพุธที่ 31 ม.ค. ศาลรัฐธรรมนูญ นัดอ่านคำพิพากษา พรรคก้าวไกล เสนอแก้ไขประมวลกฎหมายอาญามาตรา112 เป็นนโยบายหาเสียง
สมาชิกในพรรคก้าวไกล ต่างลุ้นหนัก เพราะผลสืบเนื่องจากคดีนี้ มีความหวาดหวั่น อาจนำไปถึง สถานะการดำรงอยู่ของพรรคก้าวไกลและอนาคตทางการเมืองต่อสมาชิกภายในพรรค
‘ชัยธวัช ตุลาธน’ หัวหน้าพรรคก้าวไกล และผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร เคยให้สัมภาษณ์ แสดงความมั่นใจว่า ประเด็นดังกล่าว ไม่นำไปสู่การยุบพรรค อย่างเลวร้ายที่สุดคือเพียงแค่ ให้ยุติการกระทำดังกล่าว และก่อนหาเสียง กกต.ได้ผ่านการตรวจสอบจาก กกต.เป็นที่เรียบร้อยแล้ว
ทว่า จากบทเรียนในอดีตที่เคยเกิดกับ พรรคอนาคตใหม่ และ สมาชิกระดับแกนนำพรรคหลายคน ไม่อาจเป็นสิ่งการันตรีหรือยืนยันอะไรได้ ยิ่งสถานะพรรคอนาคตใหม่ ที่แปลงร่างมาเป็น พรรคก้าวไกล มีแกนนำคนสำคัญในอดีต มีอิทธิพลทางความคิดอย่างสูง ต่อการกำหนดทิศทางพรรค ขณะที่ ฝ่ายความมั่นคง ไม่ไว้วางใจ หลายนโยบาย ความคิดหลายอย่างเป็นภัยต่อความมั่นคง
ประเด็น การถือครองหุ้นสื่อ ที่มีผลต่อ พิธา โดยตรง และประเด็นก้าวไกลชูแก้112 ในการหาเสียง บรรดากองเชียร์ ผู้สนับสนุนพรรค บางส่วนได้ตั้งวงแลกเปลี่ยนวิเคราะห์ มองในแง่ดี ถึงแม้ พิธา รอดคดีถือหุ้นสื่อ ได้สถานะสส.กลับคืนมา แต่ยังต้องมองในช็อตต่อไป ในวันข้างหน้ายังมีขวากหนามรออยู่
และถึงแม้ คดีเสนอแก้112 เป็นนโยบายหาเสียง ไม่มีความผิด แต่สำหรับกองเชียร์ ผู้สนับสนุน ก็ยังหวาดหวั่น เพราะมีช่องทาง นำไปยื่นเอาผิดทางจริยธรรมได้ เหมือนที่เคยเกิดกับ ‘พรรณิการ์ วาณิช’ อดีตสส.บัญชีรายชื่อ พรรคอนาคตใหม่ ที่ได้เคยแสดงความเห็น ประเด็นอ่อนไหวต่อสถาบันหลัก ก่อนเข้าสู่สนามการเมือง แต่ภายหลัง เมื่อมีการยื่นเรื่องเอาผิด ผลสุดท้าย ถูกถอนสิทธิรับสมัครเลือกตั้งตลอดไป และไม่มีสิทธิดำรงตำแหน่งทางการเมืองตลอดชีวิต
จากกรณีดังกล่าว อาจลามไปถึง สส.กว่า 44 คน ที่เคยลงชื่อเสนอกฎหมายแก้ไข112 ที่อาจได้รับผลกระทบตามมา โดยในในทางเลวร้าย ประเด็นนี้ สร้างความหวั่นวิตกต่อ บรรดาผู้สนับสนุน กองเชียร์ก้าวไกล อยู่ไม่น้อย
บทสรุปผลคำวินิจฉัย พิพากษาของศาลรัฐธรรมนูญ วันที่ 24ม.ค. เกี่ยวกับ พิธา และวันที่ 31 ม.ค. เกี่ยวกับ พรรคก้าวไกล จะออกมาเช่นไร ยังไม่มีใครรู้ ต่อให้เป็นบวก แต่ในวันข้างหน้า ไม่มีอะไรการันตรี ได้เช่นกันว่า จะไม่มีอะไรตามมาอีก !!
Tuyên bố từ chối trách nhiệm: Bản quyền của bài viết này thuộc về tác giả gốc. Việc đăng lại bài viết này chỉ nhằm mục đích truyền tải thông tin và không cấu thành bất kỳ lời khuyên đầu tư nào. Nếu có bất kỳ hành vi vi phạm nào, vui lòng liên hệ với chúng tôi ngay lập tức. Chúng tôi sẽ sửa đổi hoặc xóa bài viết. Cảm ơn bạn.