'ชัยชนะ'ถึงรพ.ตำรวจดูขั้นตอนรักษานักโทษไม่แตะอาการป่วยทักษิณ

เมื่อวันที่ 12 ม.ค.2567 เมื่อเวลา 09.50น.นายชัยชนะ เดชเดโช สส.ปชป.นครศรีธรรมราชในฐานะประธานคณะกรรมาธิการการตำรวจ สภาผู้แทนราษฎร พร้อมคณะกรรมาธิการตำรวจ เดินทางไปที่รพ.ตำรวจ โดยมีพล.ต.ต.สามารถ ม่วงศิริ นายแพทย์สบ.7 โรงพยาบาลตำรวจ และคณะมาต้อนรับและชี้แจงรายละเอียด ตอบคำถามกับคณะกรรมาธิการฯ

นายชัยชนะระบุว่า ก่อนมาที่รพ.ตำรวจได้ทำหนังสือถึงผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติขอเข้ามาศึกษาดูงานสอบถามขั้นตอนการปฏิบัติผู้ต้องขังจากรมราชทัณฑ์ ที่ส่งมารักษาตัวในโรงพยาบาลตำรวจ มีวิธี รูปแบบขั้นตอนอย่างไร ปฏิบัติทุกคนเท่าเทียมหรือไม่ รวมถึงมาสอบถาม กรณีที่ประชาชนมีข้อสงสัยและให้ความสนใจเรื่องการเข้ามาการรักษาตัวของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่เป็นผู้ต้องขังมารักษาตัวอยู่ที่นี่ ว่ามีการปฏิบัติอย่างไร รักษาตัวอยู่ที่ชั้นไหน อย่างไรบ้าง

ส่วนกรณีโรงพยาบาลตำรวจไม่อนุญาตให้ขึ้นไปยังชั้น 14 สถานที่พักรักษาตัวของนายทักษิณเพราะเป็นสิทธิของผู้ป่วย นายชัยชนะ ระบุว่า หากโรงพยาบาลตำรวจ ให้ศึกษาดูงานได้แค่ไหน ก็เอาแค่นั้น ซึ่งเบื้องต้นทราบว่า จะได้เข้าประชุมที่ชั้น 6 อาคารศรียานนท์ (ตึกอำนวยการ) หากข้อมูลที่ได้ สามารถตอบสิ่งที่สังคมสงสัยได้ครบ ก็ถือว่าจบ แต่หากตอบได้ไม่ครบ หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง คือ โรงพยาบาลตำรวจ และกรมราชทัณฑ์ ก็ต้องเป็นผู้ที่ชี้แจงต่อสังคม 
   
"ที่มาวันนี้ ไม่ใช่ประเด็นทางการเมือง แต่เป็นประเด็นที่สังคมสงสัย หากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องไม่ต้องการเป็นจำเลยสังคม ก็ต้องชี้แจงให้ชัดเจนต้องให้ข้อมูลที่เป็นข้อเท็จจริง สำหรับประเด็นที่กรมราชทัณฑ์พิจารณาให้นายทักษิณ รักษาตัวที่โรงพยาบาลเกิน 120 วัน ก็เป็นเรื่องของกรมราชทัณฑ์ที่พิจารณาตามระเบียบ เพราะอาการป่วยเกิดขึ้นได้ไม่ก้าวล่วง เพียงแค่มาทำหน้าที่ของคณะกรรมาธิการฯตามกรอบกฎหมาย" นายชัยชนะ  ระบุ

ทั้งนี้ ก่อนที่นายชัยชนะ และคณะกรรมาธิการฯ จะขึ้นไปประชุมด้านบนอาคาร ได้มีประชาชนเดินทางมายื่นหนังสือกับนายชัยชนะด้วย เพื่อให้เร่งรัดการดำเนินการในคดีอยู่ๆที่เกี่ยวข้องกับนายทักษิณ​ เพื่อให้เป็นไปตามกระบวนการยุติธรรม​

ขณะที่บรรยากาศที่หน้าอาคารศรียานนท์ กองบังคับการอำนวยการ โรงพยาบาลตำรวจ มีกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ และเจ้าหน้าที่ของโรงพยาบาลตำรวจ มาดูแลความสงบเรียบร้อยด้วย

ต่อมา นายชัยชนะ เปิดเผยหลังหลังขึ้นไปชั้น 14 อาคารมหาภูมิพลราชานุสรณ์ 88 พรรษา โรงพยาบาลตำรวจว่ามีนักโทษมาค้างคืนแค่คนเดียว คือนายทักษิณและที่เหลือเป็นผู้ป่วยที่มารักษาเช้าเย็นกลับจากเรือนจำมีนบุรี 2คน นอกจากนี้มีเจ้าหน้าที่กรมราชทัณฑ์ร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจท้องที่และสันติบาล รวม 8 นาย  
   
จากนั้น ได้มาดูนักโทษที่มารักษาโรคต้อกระจก บริเวณชั้น 7 โดยมีเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ควบคุมตัวมา 2นาย และนักโทษหญิง ก็มีเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ควบคุมตัว มาคุม2คนเช่นกัน ซึ่งเห็นได้ว่า การปฏิบัติของราชทัณฑ์อย่างเท่าเทียม ได้ขึ้นไปชั้น14 เจอเจ้าหน้าที่จริง ส่วนได้เจอนักโทษหรือไม่ ขอเป็นเรื่องของ พรบ.ส่วนบุคคล ไม่สามารถเปิดเผยได้ การมาวันนี้เราไม่ได้เจาะจงแค่คนเดียว เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์จะมีเวร24ชม.เวรละ2คน สับเปลี่ยนกัน และเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์จะต้องรายงานผู่บังคับบัญชาทุก2ชม. โดยการถ่ายภาพส่งทางไลน์ และห้องที่ผู้ป่วยพักอยู่ก็ไม่ได้ล็อก ผู้คุมสามารถเดินเข้าได้ตลอดเวลา

นายชัยชนะระบุว่าได้ถามขั้นตอนการปฏิบัติทางกฎหมายว่าเข้าไปแล้วมีวิธีการขั้นตอนอย่างไร รวมไปถึงค่ารักษาพยาบาล ที่มีการแจ้งว่าใช้สิทธิ์ สปสช. หากเกินสิทธิ์สามารถใช้ส่วนตัวได้หรือไม่เข้าตามหลักเกณฑ์ข้อใด รวมไปถึงสำเนา “รท101” กรอกประวัติก่อนเข้าเรือนจำได้มีการมีการทำแล้วหรือไม่  แต่ส่วนของโรงพยาบาลตำรวจได้ทำครบถ้วนตามกระบวนการแล้ว พร้อมกับระบุว่า สิ่งใดที่กรมราชทัณฑ์ให้ได้ก็ขอให้ตอบมา เพราะขอเพียงขั้นตอนการปฏิบัติตามกฏหมาย 

นายชัยชนะ ไม่ขอระบุว่า เชื่อได้หรือไม่ ที่นายทักษิณ ชินวัตร พักรักษาตัวอยู่ที่ชั้น 14 ต้องให้กรมราชทัณฑ์เป็นผู้ยืนยันเอง เพราะตนเองไม่เห็น ระบุว่าไม่มีข้อข้องใจกับโรงพยาบาลตำรวจแล้ว เหลือเพียงกรมราชทัณฑ์ที่ตนขอเอกสารไป กรรมาธิการการตำรวจต้องได้รับ และการมาในวันนี้ถือว่าไม่ผิดหวัง เพราะถือว่าได้ไปชั้น 14 ย้ำว่ากรอบอำนาจหน้าที่ให้ไว้ และความตั้งใจที่จะมาทำงาน เป็นไปตามแผน แต่ถ้ากรมราชทัณฑ์ต้องการเป็นจำเลยสังคมในเรื่องนี้ กรมราชทัณฑ์ก็ต้องชี้แจงกับสังคมให้เข้าใจ ถ้าเมื่อไหร่ที่ชี้แจงไม่เข้าใจจำไว้เลย ว่าจำเลยของสังคมก็คือกรมราชทัณฑ์ 
    
ส่วนโรงพยาบาลตำรวจ ต้องยอมรับว่า สิ่งที่โรงพยาบาลทำในวันนี้ถูกต้องที่สุด ทั้งให้ความร่วมมือให้ข้อเท็จจริง จึงอยากฝากสื่อมวลชนไปถามอธิบดีกรมราชทัณฑ์ วันนี้กลับหน้าที่แทนเราทำได้ของโรงพยาบาลตำรวจครบถ้วนแล้วเหลือเพียงแค่เอกสารที่ได้สอบถามไปกับทางกรมราชทัณฑ์ที่ต้องรอการตอบกลับมาเท่านั้น

นายชัยชนะ ยังได้ ฝากไปถึงนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ถึงจัดสรรงบประมาณมาให้โรงพยาบาลตำรวจ เนื่องจากพบว่า มีกล้องวงจรปิดของอาคาร มหาภูมิพลราชานุสรณ์ 88 พรรษา ทั้งตึกเสียทั้งหมด และเสียมานานเป็นปีๆแล้ว

 
 

Tuyên bố từ chối trách nhiệm: Bản quyền của bài viết này thuộc về tác giả gốc. Việc đăng lại bài viết này chỉ nhằm mục đích truyền tải thông tin và không cấu thành bất kỳ lời khuyên đầu tư nào. Nếu có bất kỳ hành vi vi phạm nào, vui lòng liên hệ với chúng tôi ngay lập tức. Chúng tôi sẽ sửa đổi hoặc xóa bài viết. Cảm ơn bạn.