"ศิริกัญญา​" รับผิดหวัง​ "รัฐบาลเศรษฐา"​ จัดงบไม่ต่างรัฐบาลพลเอกประยุทธ์​

นางสาวศิริกัญญา​ ตัน​สกุล สส.​บัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าพรรคก้าวไกล​ ​กล่าวถึงการเตรียมความพร้อมอภิปราย ร่างงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2567 ที่จะเริ่มอภิปรายวันที่ 3-5 มกราคม 2567 ​ว่า​พรรคก้าวไกลได้ศึกษาวิเคราะห์งบประมาณออกมาแล้ว และได้ตั้งเป็นธีมขึ้นมาว่า "วิกฤตแบบใด ทำไมจึงจัดงบแบบนี้" 

เพราะหลังจากที่ได้ศึกษาพบว่า ทั้งพรรคเพื่อไทยและรัฐบาล ไม่ได้มุ่งเน้นหรือพยายามที่จะแก้ไขปัญหาวิกฤตต่างๆ ที่กำลังเกิดขึ้นในสังคมไทย โดยพรรคเพื่อไทยเคยอ้างถึง 3 วิกฤต คือวิกฤตเศรษฐกิจปากท้อง วิกฤตรัฐธรรมนูญ และวิกฤตความขัดแย้ง แต่กลับพบว่า งบประมาณที่จัดสรรให้กับแต่ละกระทรวง ไม่ได้สอดคล้องกับการแก้ไขปัญหาวิกฤตเหล่านี้

นอกจากนี้ ยังมีวิกฤตอื่นๆ ที่สังคมเห็นตรงกันว่าเป็นวิกฤต เช่น วิกฤตทางด้านการศึกษา วิกฤตทรัพยากรมนุษย์ วิกฤตด้านสิ่งแวดล้อม แต่กลับพบว่า งบประมาณที่จัดสรรให้กับกระทรวงที่เกี่ยวข้องนั้น ยังไม่เพียงพอที่จะแก้ไขปัญหาวิกฤตเหล่านี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ทั้งยังมีงบประมาณอีกหลายอย่างที่หายไป เช่น โครงการดิจิทัลวอลเล็ต ซึ่งเป็นโครงการที่จะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจฐานราก แต่กลับพบว่างบประมาณสำหรับโครงการนี้ไม่ได้ถูกบรรจุไว้ในร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2567 ต้องไปลุ้นว่าจะได้รับการอนุมัติในภายหลังหรือไม่

สำหรับการตั้งงบประมาณในการทำประชามติ​ มีการตั้งงบไว้เพียงกึ่งหนึ่ง​ แต่ก็ยังไม่รู้ว่าไทม์ไลน์ที่แท้จริงจะออกมาอย่างไร​ จะจัดทำประชามติกี่ครั้ง และงบที่จัดไว้แต่เพียงพอหรือไม่ ยังมีงบอีกหลายเรื่อง ที่ต้องยอมรับว่ารัฐบาลนายเศรษฐา​ ทวีสิน จำเป็นจะต้องรับมรดกหนี้จากรัฐบาลพลเอกประยุทธ์​ จันทร์โอชา​ ทั้งหนี้สาธารณะ จากการออก พ.ร.บ.กู้เงิน ซึ่งยังต้องมีการตั้งงบไปใช้ในเงินคงคลัง เนื่องจากรัฐบาลของ​พลเอกประยุทธ์ มีการตั้งงบไว้ไม่เพียงพอ ซึ่งขณะนี้หนี้เงินคงคลัง 120,000 ล้านบาท​ แล้วยังมีหนี้ส่วนอื่นๆจากรัฐบาล​ พลเอกประยุทธ์ ที่จะต้องชดใช้เกือบ 4 แสนล้านบาท​ ซึ่งตนก็เห็นใจ แต่ส่วนที่เหลือที่สามารถจัดสรรงบประมาณได้เองกลับไม่เห็นความพยายามที่จะขับเคลื่อนนโยบายที่ได้แถลงต่อรัฐสภา รวมถึงนโยบายที่ได้หาเสียงไว้กับประชาชน 

 

นางสาวศิริกัญญา​ ยังระบุอีกว่า รู้สึกผิดหวังกับการจัดสรรงบประมาณที่ดูเหมือนว่าจะไม่มีการเปลี่ยนแปลงจากรัฐบาลก่อนหน้านี้​ พร้อมตั้งข้อสังเกต 2 ประการ เรื่องระยะเวลาที่ไม่สามารถใส่โครงการใหม่ๆเข้ามาได้ แต่ต้องยอมรับว่างบประมาณฉบับนี้มีการแก้ไขปรับปรุงตลอดเวลา ขณะเดียวกันยังมองอีกว่า การเข้าสู่อำนาจของรัฐบาลทำให้รัฐบาลต้องประนีประนอมกับหลายฝ่ายที่ร่วมรัฐบาล ทำให้หลายโครงการที่เป็นเรือธง เช่นการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ หรือแจกแท็บเล็ต ต้องเปลี่ยนไปอยู่ในมือของรัฐมนตรีพรรคร่วมรัฐบาลแทนจึงไม่สามารถขับเคลื่อนได้​ ซึ่งนี่เป็นการวิเคราะห์ข้อมูลจากการได้งบประมาณเพียง 4 วันเท่านั้น

ขณะที่​ งบประมาณของกระทรวงกลาโหมที่จัดสรรมานั้นเป็นไปอย่างน่าผิดหวัง​ ซึ่งก่อนหน้านี้ พรรคเพื่อไทยได้มีการหาเสียงเอาไว้ว่าจะตัดลดงบประมาณของกระทรวงกลาโหม ลง 10% แต่สิ่งที่เกิดขึ้นคืองบเพิ่ม 2% ซึ่งส่วนอื่นพอหาเหตุผลได้ เช่น​ กระทรวงมหาดไทยที่งบเพิ่มมาจำนวนมาก เพราะมาจากการจัดงบเพื่อการกระจายอำนาจลงสู่ท้องถิ่นต้องขึ้นลงตามรายได้ที่เพิ่มขึ้น

ขณะเดียวกันหลายคนรู้สึกคาดหวังว่าในรอบ 9 ปี ที่มีการเปลี่ยนผู้นำรัฐบาล งบประมาณจะถูกจัดสรรแบบใหม่ๆ เพื่อที่จะสามารถทำให้ขับเคลื่อนนโยบายที่หาเสียงไว้ แต่ขึ้นปีที่ 10 เรายังคงเจอการทำงานแบบเดิมๆ​

เมื่อถามย้ำว่า​การที่นายกรัฐมนตรี​มอบหมายในนายภูมิธรรมนั่งเป็นประธาน​ สะท้อนว่าไม่ไว้ใจการทำงานของรัฐมนตรี​อื่นหรือไม่​ นางสาวศิริกัญญา​ มองว่าอาจไม่ถึงขนาดนั้น​ แต่ตั้งข้อสังเกตว่ามีวาระอะไรหรือไม่​ เมื่อให้นายภูมิธรรมมาควบคุมด้วยตัวเองทั้งๆที่ไม่ได้รับผิดชอบด้านเศรษฐกิจ​การคลัง​ จึงมองได้ว่าเป็นเป้าหมายทางการเมือง​ ไม่ใช่เป้าหมายปกติ​ พร้อมกับระบุว่าจะไม่มีการหยิบยกประเด็นดังกล่าวไปใช้ในการอภิปราย​ แต่ไม่ว่าใครจะมาเป็นประธานกรรมาธิการ​ ก็ให้โอกาสทดลองในการทำงานก่อน​ แต่หากมีปัญหาค่อยมาว่ากัน​

Tuyên bố từ chối trách nhiệm: Bản quyền của bài viết này thuộc về tác giả gốc. Việc đăng lại bài viết này chỉ nhằm mục đích truyền tải thông tin và không cấu thành bất kỳ lời khuyên đầu tư nào. Nếu có bất kỳ hành vi vi phạm nào, vui lòng liên hệ với chúng tôi ngay lập tức. Chúng tôi sẽ sửa đổi hoặc xóa bài viết. Cảm ơn bạn.