เปิดคำพิพากษา ศาลยกฟ้องนารา เครปกะเทยคดี112 ชี้ไร้เจตนามุ่งร้าย
เมื่อวันที่ 21ธ.ค.2566 ที่ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก ศาลนัดอ่านคำพิพากษาคดีหมายเลขดำ อ.2244/65 ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญา 3 เป็นโจทก์ฟ้อง อนิวัต ประทุมถิ่น หรือ นารา เครปกะเทย อายุ 24 ปี เป็นจำเลยในความผิดฐานดูหมิ่นสถาบัน ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 และมีการเบิกตัวจำเลยจากเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร
อัยการโจทก์ฟ้องระบุความผิดของจำเลยว่า สรุปว่า เมื่อระหว่างวันที่ 3-5 พ.ค.2565 ต่อเนื่องกัน จำเลยกับพวกได้ร่วมกันดูหมิ่นสถาบันด้วยการร่วมกันผลิตจัดทำภาพยนตร์โฆษณาขนาดสั้นและภาพนิ่งอันมีลักษณะเป็นการล้อเลียนเพื่อใช้ประโยชน์ในกิจกรรมประชาสัมพันธ์ส่งเสริมการขายสินค้าผ่านแพลตฟอร์มซื้อขายสินค้าออนไลน์โดยจำเลยมีหน้าที่เป็นผู้ผลิต จัดทำและร่วมแสดงในภาพยนตร์โฆษณาด้วย
ศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่าที่โจทก์เบิกความว่าการกระทำของจำเลยขัดต่อรัฐธรรมนูญ พิจารณาว่าบทบัญญัติในรัฐธรรมนูญเกี่ยวกับหมวดพระมหากษัตริย์บัญญัติเพื่อคุ้มครองสถาบันป้องกันการถูกฟ้องร้อง มีเจตนาให้อยู่เหนือการเมือง ผู้ใดจะละเมิดไม่ได้ แต่บทบัญญัติตามมาตรา 6 ที่โจทก์อ้าง จึงไม่ได้เกี่ยวข้องกับประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112
การตีความว่าเป็นการดูหมิ่น หมิ่นประมาทหรือไม่ประมวลกฎหมายอาญาไม่ได้บัญญัติพฤติการณ์ไว้เป็นการเฉพาะ การตีความว่าการกระทำเป็นการดูหมิ่นหรือหมิ่นประมาทจึงตีความตามประมวลกฎหมายอาญาในความผิดฐานดูหมิ่นเละหมิ่นประมาทเป็นการทั่วไปมิให้ตีความโดยกว้าง ส่วนจะเป็นความผิดฐานหมิ่นประมาทหรือไม่ เห็นว่าการกระทำต้องเป็นการยืนยันข้อเท็จจริงให้ร้าย จึงจะเข้าองค์ประกอบความผิด
ส่วนคำว่าอาฆาตมาดร้าย เมื่อไม่มีบัญญัติไว้จึงต้องตีความตามพจนานุกรม ฉบับราชบัณฑิตยสถาน ซึ่งแปลความหมายว่าต้องเป็นการกระทำที่มีเจตนามุ่งร้าย ที่โจทก์เบิกความว่าเป็นการแสดงออกล้อเลียน ศาลไม่ได้พิเคราะห์จากผู้กล่าวหาซึ่งพยานโจทก์เป็นผู้จงรักภักดี เป็นเพียงฟังประกอบการพิจารณา
การกระทำของจำเลยเป็นการทำโฆษณา ส่งเสริมการขาย บุคคลที่ปรากฏในคลิปแต่งกายด้วยชุดไทย หากพิจารณาด้วยความเป็นกลาง บุคคลทั่วไปสามารถแต่งกายด้วยชุดไทยได้ และไม่มีสัญลักษณ์หรือตราสัญลักษณ์ประจำพระองค์ พยานหลักฐานของโจทก์ยังไม่พอ รับฟังได้ว่าการกระทำของจำเลยเป็นความผิดฐานหมิ่นสถาบันตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112
ส่วนข้อหาความผิดตามพระราชบัญญัติคอมพิวเตอร์ ศาลเห็นว่าเมื่อข้อเท็จจริงรับฟังได้ว่าจำเลยมีอาชีพทำคลิปส่งเสริมการขายและเสนอขายสินค้าที่มีอยู่จริง จึงไม่มีความผิดตามพระราชบัญญัติคอมพิวเตอร์ ส่วนความผิดพระราชบัญญัติคุ้มครองผู้บริโภคและพระราชบัญญัติขายตรงเห็นว่า จำเลยโฆษณาไปตามข้อเท็จจริง จึงไม่มีความผิด พิพากษายกฟ้อง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังฟังคำพิพากษาอนิวัติร้องไห้ออกมาด้วยความดีใจและยกมือไหว้ย่อขอบคุณศาลพร้อมสวมกอดกับเพื่อนที่มาให้กำลังใจ
Tuyên bố từ chối trách nhiệm: Bản quyền của bài viết này thuộc về tác giả gốc. Việc đăng lại bài viết này chỉ nhằm mục đích truyền tải thông tin và không cấu thành bất kỳ lời khuyên đầu tư nào. Nếu có bất kỳ hành vi vi phạm nào, vui lòng liên hệ với chúng tôi ngay lập tức. Chúng tôi sẽ sửa đổi hoặc xóa bài viết. Cảm ơn bạn.