'วันนอร์' ชี้การแก้ไขรัฐธรรมนูญในอนาคตต้องลดความขัดแย้ง โดยใช้กลไกรัฐสภา

นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา    ประธานสภาผู้แทนราษฎร   ในฐานะประธานรัฐสภา  เปิดงานวันฉลองรัฐธรรมนูญประจำปี 2566  อย่างเป็นทางการ  โดยระบุว่า วันรัฐธรรมนูญมีจุดประสงค์เพื่อให้คนในชาติระลึกถึงความเป็นเอกราช ภายใต้การปกครองอิสระ ที่มีกฎเกณฑ์ เคารพสิทธิหน้าที่   และมีเสรีภาพของบุคคล  ความเป็นธรรมของมนุษยชาติ ตลอดจนการดำเนินกิจกรรมต่างๆอย่างสมดุล เห็นเจตนารมย์หลักของรัฐธรรมนูญตามระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข

ประธานรัฐสภากล่าวว่า ตั้งแต่ปี 2475   จนถึงปัจจุบัน ไม่ได้มีรัฐธรรมนูญเพียงฉบับเดียวเป็นฉบับถาวร  แต่มีการยกร่างมาประกาศใช้ใหม่หลายครั้ง  มีการฉีกทิ้งจนไม่อยากจะนับครั้ง    ปรากฎการณ์สะท้อนถึงการแย่งชิงอำนาจ  สลายอำนาจ  และสืบทอดอำนาจ  การยกเลิกรัฐธรรมนูญมักเกิดขึ้นจากการปฏิวัติ  รัฐประหารยึดอำนาจการปกครองและยกเลิกสภาแล้วจัดการร่างรัฐธรรมนูญขึ้นมาใหม่  ในนามคณะของตน  จัดตั้งรัฐบาลและสภาของตนเพื่อดำรงใช้อำนาจบริหารประเทศ   ทำให้ศักดิ์ศรีความเชื่อมั่น  ความศรัทธาของรัฐธรรมนูญและระบบรัฐสภาเสื่อมถอยลงอย่างน่าเสียดาย   ศักดิ์ อำนาจ ของหัวหน้าคณะปฎิวัติหัวหน้าคณะรัฐประหารสูงกว่ารัฐธรรมนูญ    จึงเห็นว่าวันที่ 10 ธันวาคมนอกจากจะเป็นวันรำลึกถึงรัฐธรรมนูญแล้ว  ยังเป็นวันที่ต้องอาลัยในการสูญเสียศักดิ์ศรีของรัฐธรรมนูญด้วย

 

ประธานรัฐสภายังระบุว่า กฎหมายที่ผ่านมามักเป็นการเพิ่มอำนาจเจ้าหน้าที่ของรัฐมากกว่าพิทักษ์อำนาจของประชาชน   เป็นเหตุหนึ่งที่ทำให้เกิดความเหลื่อมล้ำ ความยากจน หนี้สิน  ปัญหาสังคมและยาเสพติดตามมา  รวมทั้งการตีความให้ความเห็นข้อกฎหมาย   ที่ต้องใช้กฤษฎีกาหรือศาลรัฐธรรมนูญ  ซึ่งเป็นองค์กรที่รัฐบาลจัดตั้งขึ้นไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อม  ไม่ใช้องค์กรของรัฐสภาที่เป็นผู้ผลิตกฎหมายมาใช้  อย่างไรก็ตามวันนี้เรายังควรรำลึกถึงรัฐสภา  สถานการณ์การเมืองรัฐสภายังดำรงอยู่ ประหนึ่งว่าเป็นส่วนราชการ  มากกว่าของประชาชน   จึงเห็นว่าเราน่าจะข่วยกันคิดว่าถึงเวลาแล้วหรือยังที่จะทำให้รัฐสภาเป็นสถาบันการเมืองของประชาชนอย่างมีศักดิ์ศรี  มีภาระกิจสร้างความสมดุลระหว่างองค์กร อำนาจ พิทักษ์รับรองสิทธิของทุกคน  ถึงเวลาที่เราจะต้องแก้ไขปรับปรุงโครงสร้างการบริหารรัฐสภาและแก้ไขรัฐธรรมนูญให้คุ้มครองความเสมอภาคแห่งสังคมพหุวัฒนธรรมให้มากยิ่งขึ้นโดยปราศจากความขัดแย้งและแตกแยก

 

ประธานรัฐสภากล่าวว่ารัฐธรรมนูญเป็นกฏหมายสูงสุดของประเทศ  บทบัญญัติของกฎหมายใด  กฎหรือข้อบังคับหรือการกระทำใดที่ขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญ   บทบัญญัติหรือการกระทำนั้นจะเป็นการใช้บังคับไม่ได้ โดยหลักการแล้วการใช้อำนาจด้วยอาวุธปืน ทำการปฏิวัติ  รัฐประหาร  กำหนดกฎเกณฑ์บังคับใช้กับประชาชน  ใช้อำนาจตัดสินคดีโดยไม่ผ่านกระบวนการยุติธรรมศาล เป็นสิ่งที่ละเมิดวัฒนธรรม จริยธรรม รัฐธรรมนูญ ระบอบประชาธิปไตยทั้งสิ้น   แต่การกระทำโดยวิธีการเหล่านี้ ได้เกิดขึ้นบ่อยครั้งจนเคยชิน  กลายเป็นวัฒนธรรมการปกครองของไทยโดยไม่มีความผิดใดๆ   ข้อกังขาและการกระทำดังกล่าวนี้เป็นเพียงตัวอย่างเท่านั้นที่ทำให้รัฐธรรมนูญไร้ศักดิ์ศรี   รัฐสภาไร้เกียรติ  อำนาจประชาชนทดถอย  วัฒนธรรมจริยธรรมแห่งระบบประชาธิปไตยถูกละเลย  รัฐธรรมนูญเป็นแค่กระดาษ    เท่ากับว่าอำนาจประชาธิปไตยของประชาชนไม่ได้มีอยู่จริง  

ประธานรัฐสภากล่าวว่า 10  ธ.ค.ปีนี้  ขอให้เป็นรัฐธรรมนูญแห่งความหวังของประชาชน  เป็นวันที่จะสถาปนาระบบรัฐสภาให้เป็นสถาบันการเมืองของประชาชนและระบอบประชาธิปไตยของประเทศที่จะต้องพิทักษ์ความเป็นสิทธิมนุษยชน เป็นวันแห่งสันติภาพ อิสรภาพ เสรีภาพ   หวังว่าการแก้ไขรัฐธรรมนูญในอนาคตจะช่วยลดบรรยากาศความขัดแย้งระหว่างรัฐกับประชาชนและประชาชนกับประชาชน  โดยใช้กลไกลระบบรัฐสภา   ในการคุ้มครองประชาชนอย่างสมดุลเพื่อรักษาอำนาจของประชาชน ไม่ให้ตกอยู่กับคนในกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง

Tuyên bố từ chối trách nhiệm: Bản quyền của bài viết này thuộc về tác giả gốc. Việc đăng lại bài viết này chỉ nhằm mục đích truyền tải thông tin và không cấu thành bất kỳ lời khuyên đầu tư nào. Nếu có bất kỳ hành vi vi phạm nào, vui lòng liên hệ với chúng tôi ngay lập tức. Chúng tôi sẽ sửa đổi hoặc xóa bài viết. Cảm ơn bạn.