นายกฯ ยันรัฐบาลชูความเท่าเทียมของคนทุกกลุ่มมุ่งดูแลให้คุณภาพชีวิตดีขึ้น

วันที่ 3 ธันวาคม 2566 นายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีเผยว่า นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวเนื่องในวันคนพิการสากล ประจำปี 2566 ดังนี้ 

ด้วยวันที่ 3 ธันวาคมของทุกปี องค์การสหประชาชาติได้กำหนดให้วันนี้เป็น ‘วันคนพิการสากล’ (International day of persons with disability) เพื่อส่งเสริมความเข้าใจในปัญหาความทุพพลภาพ และระดมการสนับสนุน เพื่อศักดิ์ศรี สิทธิ และสวัสดิภาพของคนพิการ โดยในปี 2566 นี้ องค์การสหประชาชาติได้กำหนดประเด็นหลัก คือ ‘รวมพลังเป็นหนึ่งเดียวเพื่อพลิกฟื้นและบรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน ร่วมกับคนพิการ เพื่อคนพิการ โดยคนพิการ’ (United in action to rescue and achieve the SDGs for, with and by persons with disabilities) 

ทั้งนี้จากตัวเลขจากรายงานสถานการณ์คนพิการในประเทศไทย โดยกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ตอกย้ำความเปราะบางสถานการณ์คนพิการของไทย ที่มีอุปสรรคนอกเหนือความสามารถในการใช้ชีวิตอิสระแล้ว ยังถูกซ้อนทับด้วยความสามารถในการเข้าถึงการศึกษา และมีความเป็นอยู่ยากลำบากขึ้นในสภาวะความสูงอายุ

 

โดยมีปัจจัยหลักมาจากปัญหาความยากจน คนพิการในประเทศไทยจำนวน 2.2 ล้านคน เป็นผู้พิการในกลุ่มอายุมากกว่า 60 ปี 1.29 ล้านคน หรือเกินครึ่ง และมีคนพิการที่จบการศึกษาระดับชั้นประถมศึกษาจำนวน 1.4 ล้านคน ซึ่งเกินครึ่งอีกเช่นกัน ส่วนคนพิการในวัยแรงงาน 860,000 คน ได้รับการจ้างงานที่ 54,000 คน จากสถานประกอบการ 2 หมื่นแห่ง

ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรียังขอบคุณประชาชน สถานประกอบการ รวมทั้งหน่วยงานของรัฐ ที่ให้โอกาสคนพิการ ได้แสดงศักยภาพเพื่อยกระดับคุณภาพชีวิต ให้เขาเหล่านั้นได้ร่วมเป็นพลังสร้างเศรษฐกิจ ผลักดันประเทศไทยไปข้างหน้า ไม่ต่างจากเรา ยืนยันว่า รัฐบาลให้ความสำคัญกับความเท่าเทียมของคนทุกกลุ่ม ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มเปราะบาง คนพิการ ผู้สูงอายุ และกลุ่มชาติพันธุ์

โดยจะดูแลให้มีเกียรติ มีศักดิ์ศรี มีงาน มีรายได้ และมีคุณภาพชีวิตที่ดีกว่าเดิมด้วยสวัสดิการโดยรัฐ และ “สวัสดิการโดยรัฐ” ที่เราพยายามทำอย่างยิ่งคือการจัดสวัสดิการตั้งแต่ต้นตอ คือการสร้างรายได้ให้คนไทยทุกคน ลดรายจ่ายภาครัฐ ใช้ทรัพยากรที่จำกัดยิงศรให้ตรงเป้า ให้ได้ผลเท่าทวีคูณ ซึ่งหวังผลสู่การยกระดับคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นของคนไทยทุกคน ขจัดความเหลื่อมล้ำที่มีอยู่มากลง สร้างสังคมที่หยิบยื่นโอกาสอย่างเท่าเทียม
 
“เราจะเปลี่ยนแปลงประเทศนี้ให้ดีขึ้น โดยมีเป้าหมายที่สำคัญที่สุดคือไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง (Leave no one behind)” นายกรัฐมนตรีกล่าว

Tuyên bố từ chối trách nhiệm: Bản quyền của bài viết này thuộc về tác giả gốc. Việc đăng lại bài viết này chỉ nhằm mục đích truyền tải thông tin và không cấu thành bất kỳ lời khuyên đầu tư nào. Nếu có bất kỳ hành vi vi phạm nào, vui lòng liên hệ với chúng tôi ngay lập tức. Chúng tôi sẽ sửa đổi hoặc xóa bài viết. Cảm ơn bạn.