ชัย อัด ธปท.ค้านจ่ายเงินช่วยชาวนา เย้ย รู้ไม่ลึกซึ้ง แนะ ปล่อยคนรู้จริงทำ

วันที่ 21 พ.ย. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) มีหนังสือให้ความเห็นกลับมายังสำนักงานเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ไม่จำเป็นต้องออกมาตรการจ่ายเงินชาวนาไร่ละ 1 พันบาทว่า เข้าใจว่า เป็นหนังสือจากสำนักงานเลขาธิการคณะรัฐมนตรีสอบถามความเห็นไปยัง ธปท. เกี่ยวกับกรณีที่ประชุม ครม.เมื่อวันที่ 7 พ.ย. มีมาตรการช่วยเหลือชาวนาด้วยการแทรกแซงโดยการซื้อราคานำ และวันที่ 14 พ.ย. มีมาตรการช่วยเหลือชาวนาด้วยการให้เงินไร่ละ 1 พันบาท

หนังสือเปิดผนึกที่ ธปท.ให้ความเห็นมาว่า เนื่องจากราคาข้าวเปลือกในปัจจุบันกำลังอยู่ในช่วงขาขึ้น และต้นทุนการผลิตลดต่ำลง ธปท.จึงเห็นว่าการให้เงินช่วยเหลือกสนับสนุนการพัฒนาคุณภาพข้าวไร่ละ 1 พันบาทอาจไม่จำเป็นแล้ว ไม่เหมือนก่อนหน้านี้นั้น ขอชี้แจงว่า หนังสือที่ธปท.บอกว่าความจำเป็นมันน้อยลงแล้ว ความหมายคือ เมื่อเทียบกับเมื่อปีที่แล้ว ฤดูกาลผลิตข้าวนาปี 2565 ในส่วนราคาข้าวเปลือกจ้าว ข้าวเปลือกหอมมะลิ ข้าวเปลือกเหนียว รัฐบาลที่แล้วใช้เงินอุดหนุนช่วยเหลือชาวนาผ่านโครงการต่างๆ ทั้งหมดเกือบ  1.5 แสนล้านบาท  ในจำนวนดังกล่าวมีอยู่ 8.6 หมื่นกว่าล้านบาทใช้เพื่อประกันราคาข้าวเปลือก ปีที่แล้วราคาไม่ดีเท่าไหร่ รัฐบาลที่แล้วใช้การประกันราคา ถ้าราคาต่ำให้มารับส่วนต่างจากรัฐบาล อีกทั้งยังมีการให้เงินสนับสนุนการบริหารจัดการและพัฒนาคุณภาพข้าวเช่นเดียวกับรัฐบาลนี้ 

นายชัยกล่าวว่า หนังสือแสดงความเห็นจาก ธปท.ที่บอกว่าความจำเป็นน้อยแล้ว เพราะปีนี้ข้าวราคาดี ต้องขอเรียนว่า เงินที่ชาวนาได้จากการขายข้าวเปลือกในปีนี้แม้จะสูงกว่าปีที่แล้ว แต่ปีที่แล้วชาวนาได้เงินอุดหนุนที่มาจากการประกันราคา ซึ่งเมื่อบวกเงินอุดหนุนจากการประกันราคาแล้ว เงินที่ชาวนาขายข้าวได้ ฤดูกาลผลิตปีที่แล้วกับฤดูกาลปีนี้พอๆ กัน แทบไม่ต่างกันเลย เพราะปีนี้ราคาข้าวเปลือกขึ้นรัฐบาลก็ไม่ได้ประกัน เงินที่ได้เพิ่มขึ้นเทียบเท่ากับปีที่แล้วที่ขายแล้วได้น้อยหน่อย แต่รัฐบาลควักมา 8.6 หมื่นกว่าล้านบาท ฉะนั้น รายได้ชาวนาจากการขายข้าว 2 ปีไม่ต่างกันเท่าไหร่

ขณะเดียวกัน ปีนี้ สิ่งที่แย่กว่าปีที่แล้วคือ ตั้งแต่ปลายเดือน ต.ค.จนถึงต้นเดือน พ.ย. ที่รัฐบาลได้มีมติ ครม. 2 ออกมาช่วยเหลือชาวนา เป็นช่วงเวลาที่ข้าวเปลือกหอมมะลิกำลังจะออกตลาด และราคาข้าวเปลือกหอมมะลิแม้จะมีการประกาศราคาพอๆ กับปีที่แล้ว ตันละ 14.500 – 15,000 บาท แต่เวลารับซื้อจริง ราคาตันละ 14.500 – 15,000 บาท แต่มันคือความชื้นที่ 15% แต่ในภาคปฏิบัติ เวลาเก็บข้าวมาแล้ว ความชื้นคือ 25% เวลาส่งไปขาย เขารับซื้อแค่ตันละ 10,800 บาท ทำให้ชาวนาขายได้น้อยลงกว่าเดิมและไม่มีเงินประกัน รอบนี้รัฐบาลจึงไม่จ่ายเงินประกันให้ เพราะราคาข้าวเปลือกอย่างอื่นดี เพียงแค่อุดหนุนในเรื่องของการบริหารจัดการและพัฒนาคุณภาพข้าวเท่าๆ กับปีที่แล้วคือ 5.6 หมื่นล้านบาท ซึ่งใช้เงินอุดหนุนน้อยกว่าปีที่แล้วเกินกว่าครึ่ง และราคาข้าวเปลือกถึงแม้จะขึ้นบางตัว แต่ข้าวเปลือกหอมมะลิไม่ได้ขึ้น ตัวอื่นๆ ที่ขึ้นรัฐบาลก็ถอนการประกันออกไป

นายชัย กล่าวว่า เรื่องต้นทุนการผลิตที่ ธปท.ระบุว่า ไม่น่าจำเป็นเพราะต้นทุนต่ำนั้น ข้อเท็จจริงไม่ใช่ เพราะปุ๋ยที่ราคาลงมีตัวเดียว แต่อีก 3 ตัวแพงกว่าปีที่แล้ว ต้นทุนปีนี้เทียบกับปีที่แล้ว ไม่ได้ถูกลง แต่สูงขึ้นเล็กน้อย หนังสือแสดงความเห็นของ ธปท.ไม่สอดคล้องกับความเป็นจริง จึงขอเรียนว่าข้อมูลที่เกี่ยวกับเกษตรกร เกี่ยวกับชาวนา ข้อมูลของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงพาณิชย์ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับภาคเกษตรโดยตรง จะมีความละเอียดลึกซึ้งกว่าข้อมูลของ ธปท.

ธปท.จะดูรายงานกว้างๆ ไม่ได้เจาะลึกเหมือนกับหน่วยงานที่เขาดูโดยตรง จึงขอชี้แจงว่าข้อเท็จจริงไม่ใช่ตามที่ ธปท.ชี้ ยิ่งไปกว่านั้นที่แปลกใจมากๆ คือ เมื่อปีที่แล้วรัฐอุดหนุนช่วยชาวนาใช้เงินเกือบ 1.5 แสนล้านบาท และชาวนาได้เงินพอๆ กับปีนี้ ถึงแม้จะขายข้าวเปลือกได้ถูกหน่อยแต่ได้รับเงินประกันจากรัฐบาล บวกแล้วพอๆ กับปีนี้ที่ชาวนาขายข้าวเปลือกแต่ไม่มีเงินประกัน ปีที่แล้วก็มีโครงการให้ไร่ละ 1 พันบาท เหมือนกับปีนี้ แต่ปีที่แล้ว ธปท.ไม่มีความเห็น ไม่ได้มีหนังสือเปิดผนึกโต้แย้งว่าไม่ควรทำ อันนี้เป็นเรื่องที่ตนค่อนข้างแปลกใจ เรื่องแบบเดียวกัน ตัวหนังสือแทบจะลอกกันมา แต่ปีที่แล้วไม่ท้วงติง ไม่แสดงความเห็น ไม่ปรากฏในรายงานการประชุม แต่ปีนี้มีและเป็นข่าวด้วย 

“ขอเรียนว่า เรื่องนี้มันเป็นโยบายทางการคลัง เป็นความรับผิดชอบของรัฐบาลที่จะดูแลชีวิตความเป็นอยู่ รายได้ทางเศรษฐกิจของชาวนา ส่วนความเห็นของ ธปท. เราพร้อมรับฟัง แต่บทบาทหน้าที่มันแบ่งกันทำ ธปท.ดูแลด้านการเงิน ถ้าจะมีหนังสือท้วงติงหรือแสดงความเห็น เช่น อัตราดอกเบี้ยที่ควรคิดควรจะเป็นเท่าไหร่ ระยะเวลาคืนเงินต้นควรจะเป็นเท่าไหร่ หลักประกันเรื่องความเสี่ยงของการปล่อยสินเชื่อให้ชาวนาควรจะเป็นอย่างไร อย่างนี้เป็นบทบาทหน้าที่โดยตรงของ ธปท. แต่โครงการควรจะช่วยชาวนาหรือไม่ ช่วยในหลักเกณฑ์เท่าไหร่ อย่างไร ต้นทุนแพงขึ้นหรือถูกลง ราคาข้าวเปลือกเป็นอย่างไร เรื่องนี้เป็นเรื่องที่รัฐบาลมีรายละเอียดอยู่ในมือ เราพิจารณาอย่างถี่ถ้วน เราน้อมรับฟังในเรื่องที่หน่วยงานนั้นๆมีบทบาทหน้าที่เกี่ยวข้องโดยตรง แต่เรื่องอื่นนอกเหนือจากประเด็นทางการเงิน เราคิดว่าขอให้หน่วยงานของภาครัฐที่มีความข้อมูลลึกซึ้งแม่นยำกว่าเป็นผู้พิจารณาและตัดสินใจ น่าจะดีกว่า”นายชัย กล่าว

Tuyên bố từ chối trách nhiệm: Bản quyền của bài viết này thuộc về tác giả gốc. Việc đăng lại bài viết này chỉ nhằm mục đích truyền tải thông tin và không cấu thành bất kỳ lời khuyên đầu tư nào. Nếu có bất kỳ hành vi vi phạm nào, vui lòng liên hệ với chúng tôi ngay lập tức. Chúng tôi sẽ sửa đổi hoặc xóa bài viết. Cảm ơn bạn.