ฉุน ก้าวไกล ถล่ม แจกเงินดิจิทัล เศรษฐา-เพื่อไทย ย้ำ มุ่งยกระดับความเป็นอยู่

สืบเนื่องจากกรณี น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล รองหัวหน้าพรรค และสส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ให้ความเห็นโครงการดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท และการเตรียมออกพ.ร.บ.เงินกู้ 5 แสนล้านบาทว่า

"การออกพ.ร.บ.เงินกู้ 5 แสนล้านบาท มีความสุ่มเสี่ยงจริงๆ เหมือนกับกรณีพ.ร.บ.เงินกู้ 2 ล้านล้านบาท อย่างชัดเจน ที่ถูกศาลรัฐธรรมนูญตีตกว่าไม่มีความจำเป็นเร่งด่วน ดังนั้น รัฐบาลพรรคเพื่อไทยจะอ้างว่าไม่รู้ไม่ได้ ตั้งข้อสังเกตว่า การที่รัฐบาลเลือกทางนี้ เพราะไม่ต้องการให้โครงการนี้สำเร็จ แต่ต้องการให้เข้าทางนักร้องต่างๆ เพื่อหาทางลงให้สวยงามของโครงการที่มาถึงทางตันโดยสมบูรณ์แล้ว ไม่ได้เห็นด้วยกับการร้องศาลรัฐธรรมนูญเรื่องนี้ แต่ขอให้รัฐบาลได้แสดงความรับผิดชอบทางการเมืองโดยการให้กฤษฎีกาตีความ รัฐบาลเองน่าจะเห็นแล้วว่าไม่มีทางที่จะไปได้จริงๆ ทางเลือกนี้เป็นการหาทางลงมากกว่าที่จะเดินหน้าโครงการนี้"

วันที่11พ.ย. นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง ได้แนบลิงก์ข่าวพร้อมโพสต์ข้อความผ่าน X ตอบโต้ความเห็นของ น.ส.ศิริกัญญาว่า

"อย่าเอามาตรฐานความคิดของตัวเองมาหวังว่าคนอื่นเค้าจะเป็นเหมือนกัน อย่ามองความตั้งใจที่บริสุทธิ์ และความมุ่งมั่นของรัฐบาลที่จะยกระดับความเป็นอยู่ของพี่น้องประชาชน มาเป็นมุมการเมืองที่สร้างความสับสนให้กับประชาชนเลยครับ"

ขณะที่ นางสาวลิณธิภรณ์ วริณวัชรโรจน์ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ให้ความเห็นว่า การที่ น.ส.ศิริกัญญา และ ส.ส.พรรคก้าวไกล ออกมาวิพากษ์วิจารณ์นโยบายดังกล่าว เข้าใจดีว่า ถือเป็นบทบาทของฝ่ายค้านที่ต้องการตรวจสอบ แต่ต้องไม่ลืมว่าการดำเนินนโยบายดังกล่าว รัฐบาลได้พิจารณาอย่างรอบคอบและถี่ถ้วนโดยศึกษาทั้งทางกฎหมาย และการเงิน รวมทั้งยังคงมุ่งรักษาวินัยทางการเงินและการคลัง การวิจารณ์ดังกล่าวนอกจากจะสะท้อนว่าผู้พูด ไม่ได้ศึกษาในรายละเอียดของคำแถลงอย่างถ่องแท้แล้ว ยังสะท้อนว่า ผู้พูดมองแต่มุมของตนเอง ไม่ได้มองเห็นถึงความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชนอย่างแท้จริง 

หากมองโดยปราศจากอคติ มีการคาดการณ์ว่า เศรษฐกิจโลกกำลังถดถอย สภาวะสงครามที่เกิดขึ้น ล้วนเป็นปัจจัยที่ทำให้เศรษฐกิจของประเทศไทยเติบโตได้ยาก สิ่งที่รัฐบาลทำวันนี้ เป็นทางเลือกที่จำเป็นและเป็นสิ่งที่ประชาชนส่วนใหญ่เรียกร้อง และถือเป็นมิติใหม่ที่รัฐบาล ให้อำนาจกับประชาชน เป็นผู้ร่วมกระตุ้นเศรษฐกิจภายในประเทศครั้งยิ่งใหญ่ครั้งนี้  เพื่อกระตุ้นภาคการผลิตภายในประเทศ  ซึ่งก็ดำเนินการควบคู่กันไปกับแผนการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล ทั้งระยะกลางและระยะยาว หากเป็นไปตามเป้าหมาย GDP ของประเทศจะสูงขึ้นเฉลี่ยปีละ 5% จะช่วยทำให้หนี้สาธารณะที่หมักหมมมาเป็น 10 ปี ลดลงเป็น 67.1% ได้ 

“ ฐานคิดของพรรคเพื่อไทย พยายามทำสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ ให้เป็นไปได้มาแล้วในหลายครั้ง สะท้อนให้เห็นถึงวิสัยทัศน์ที่มองไปในอนาคตเสมอ ถึงวันนี้เราเป็นรัฐบาลก็ยังยึดมั่นแนวทางนี้ ฝากถึงผู้วิจารณ์ทั้งหลาย อย่ายัดเยียดความกลัว ความกังวลของตนเอง มาเป็นข้อจำกัดความเจริญเติบโตของประเทศเลย” นางสาวลิณธิภรณ์ กล่าว

Tuyên bố từ chối trách nhiệm: Bản quyền của bài viết này thuộc về tác giả gốc. Việc đăng lại bài viết này chỉ nhằm mục đích truyền tải thông tin và không cấu thành bất kỳ lời khuyên đầu tư nào. Nếu có bất kỳ hành vi vi phạm nào, vui lòng liên hệ với chúng tôi ngay lập tức. Chúng tôi sẽ sửa đổi hoặc xóa bài viết. Cảm ơn bạn.