สาธิตจี้สอบสส.สวนมติพรรคโหวตเศรษฐานายกฯโทษหนักสุดขับพ้นปชป.

นายสาธิต ปิตุเตชะ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ดูแลพื้นที่ภาคตะวันออก กล่าวว่า ขณะนี้มีสมาชิกมากกว่า  20 คนเข้าชื่อ เสนอนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ รักษาการหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ให้ตั้งคณะกรรมการสอบสวน สส.16คนที่โหวตสวนมติพรรคเห็นชอบโหวตนายเศรษฐา ทวีสิน เป็นนายกรัฐมนตรีคนที่30 เพราะพรรคไม่มีการตั้ง บุคคลไปเจรจาร่วมรัฐบาล หากจะร่วมก็จะต้องมีการทำหนังสือเชิญอย่างเป็นทางการ จากพรรคที่เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล 

"การดำเนินการของพรรคการเมืองมีขั้นตอนอยู่ ไม่ว่าจะเป็น สส. หรือรักษาการที่ไม่ใช่ตำแหน่งโดยตรงและได้รับมอบหมายจากพรรค หากไปดำเนินการทำให้พรรคเสื่อมเสีย เพราะขณะนี้ ตามระบบพรรคประชาธิปัตย์ถือว่าเป็นพรรคฝ่ายค้านไปแล้วเพราะรัฐบาลได้มีการประกาศจัดตั้งรัฐบาล 11 พรรคไปเป็นที่เรียบร้อย" นายสาธิต กล่าว

ส่วนใครจะเป็นผู้ดำเนินการเพราะเพราะผู้ที่ที่โหวตเห็นชอบนายเศรษฐาส่วนใหญ่ก็เป็นกรรมการบริหารพรรค นายสาธิต ระบุว่า ในข้อบังคับพรรคมีเขียนระบุไว้อยู่แล้วว่าใครจะเป็นผู้ทำอะไรอย่างไร เมื่อเห็นว่าความประพฤติของสมาชิกบางท่าน เช่นการเดินทางไปพบนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี แต่ที่ปฏิเสธในตอนแรกว่าไม่ได้ไปและกลับยอมรับในรายการทีวีว่าเดินทางไปจริง ถือว่าทำให้เกิดความเสียหายกับพรรค พฤติการณ์แบบนี้เข้าข่ายไม่ปฏิบัติตามจริยธรรม 

นายสาธิต ยอมรับว่า การโหวตนายกรัฐมนตรีเป็นเอกสิทธิ์ของ สส. ตามรัฐธรรมนูญ แต่มติของพรรคก็ถือว่ามีความสำคัญ  ในฐานะที่เป็นหนึ่งในบุคคลที่ไม่เห็นด้วย กับ 16 สส.ว่ามีผู้เข้าชื่อเกิน 20 คนแล้ว เพราะเห็นว่าที่นำสส. ใหม่ซึ่งไม่มีประสบการณ์ไปร่วมด้วยจะมีปัญหา จึงต้องดำเนินการ และมีข้อมูลอยู่แล้วว่าใครเป็นแกนนำ ทั้งเรื่องของการปฎิบัติตัวให้เกิดความเสื่อมเสียและการพูดจากลับไปกลับมา  การปฎิบัติหน้าที่โดยไม่ได้รับมอบหมาย การเข้าร่วมรัฐบาลจะต้องเป็นไปตามกระบวนการ ต้องผ่านที่ประชุมกรรมการบริหารพรรคร่วมกับ สส. เพราะเมื่อวานนี้ เป็นการโหวตนายกรัฐมนตรีแต่มติในการเข้าร่วมรัฐบาลก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง ทุกคนเข้าใจถึงข้อบังคับดี


เมื่อถามว่าสรุปแล้วมติพรรคประชาธิปัตย์ให้เป็นเอกสิทธิ์หรืองดออกเสียง นายสาธิต ระบุว่า กฎหมายรัฐธรรมนูญเป็นเอกสิทธิ์ แต่ในขั้นตอนของพรรคเมื่อมีการประชุมและเป็น มติ สส. ก็ควรจะปฏิบัติตามถ้าถามว่าผิดหรือไม่ ก็ไม่ผิดเพราะมีรัฐธรรมนูญที่เป็นกฎหมายสูงสุด แต่การกระทำที่เมื่อมีการประชุมแล้ว กลับไปลงมติอีกอย่าง ก็สร้างความแตกแยกและความเสียหายต่อพรรค ส่วนจะถึงขั้นขับออกจากพรรคหรือไม่ ก็พิจารณาตามความหนักเบา แต่ส่วนตัวมองว่า หนักมาก ส่วนจะขับออกจากพรรคหรือไม่ขึ้นอยู่กับมติของที่ประชุมกรรมการบริหารพรรคและสส. และตามข้อบังคับว่าต้องทำอย่างไร 

สส.พรรคประชาธิปัตย์ มีจำนวน 25 คน แต่สส.ไม่ยึดตามมติพรรค ถือว่าเป็นข้อได้เปรียบ เพราะที่ผ่านมาพรรคมี สส. เยอะในอดีต ข้อบังคับจึงไม่ทันสมัยและสอดคล้องกับที่ตนเคยเสนอสัดส่วน 70:30 เพราะพรรคเล็กทำให้ สส. มีอำนาจมากกว่าองค์ประชุม แต่อย่างไรก็ตามเชื่อว่า กรรรมการบริหารส่วนใหญ่น่าจะเข้าใจความเสียหาย ส่วนโทษหนักสุด คือ การขับออกจากสมาชิกแต่จะทำได้หรือไม่ขึ้นอยู่กับข้อบังคับพรรค

เมื่อถามย้ำอีกว่า เหมือนมีการจงใจที่จะให้มีการขับออกจากพรรค นายสาธิต กล่าวว่า ทุกอย่างพูดคุยกันได้ แต่หากทำความเสียหายระดับนี้ก็ต้องตั้งกรรมการขึ้นมาพิจารณา 

Tuyên bố từ chối trách nhiệm: Bản quyền của bài viết này thuộc về tác giả gốc. Việc đăng lại bài viết này chỉ nhằm mục đích truyền tải thông tin và không cấu thành bất kỳ lời khuyên đầu tư nào. Nếu có bất kỳ hành vi vi phạm nào, vui lòng liên hệ với chúng tôi ngay lập tức. Chúng tôi sẽ sửa đổi hoặc xóa bài viết. Cảm ơn bạn.