"เซอร์จิม แรทคลิฟฟ์" คือใคร ทำไมถึงชนะใจ"เกลเซอร์" จนได้ซื้อหุ้น "ปิศาจแดง"

ช่วงปลายเดือนพฤษจิกายน 2022 แฟนบอลปิศาจแดง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่ห่อเหี่ยวหัวใจจากการบริหารทีมของ"ตระกูลเกลเซอร์" เริ่มใจฟูและมีความหวังเพราะเว็บไซต์ทางการของสโมสรแมนฯยูไนเต็ด ประกาศว่า  "ทีมพยายามมองหาทางเลือกอื่นๆ ในเชิงกลยุทธ์" (Explore Strategic Alternatives) 

หลายคนดีใจว่าทีมจะได้หลุดพ้นจากเงามืดของการบริหารทีมจากกลุ่มเกลเซอร์เสียที แต่ในข้อความดังกล่าวพวกเขาไม่ได้บอกว่าจะขายทีม แต่หากมีคนซื้อก็ต้องซื้อในราคาตามใจที่พวกเขาตั้งขึ้นเท่านั้น

นั่นจึงเป็นที่มาของการพยายามเข้าไปขอซื้อสโมสร แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดของกลุ่ทุนกาตาร์ โดย  ชีค ยาสซิม บิน ฮาหมัด อัล ธานี ที่เสนอขอซื้อหุ้นทั้งหมด 100% บวกกับช่วยชำระหนี้ของทีมแมนฯยูไนเต็ด 

ชีค ยาสซิมฯ ประเมินมูลค่าสโมสรอยู่ที่ไม่เกิน 3.5 พันล้านปอนด์ (1.75 แสนล้านบาท) แต่ฝั่งเกลเซอร์ สะดวกขายที่ 6 พันล้านปอนด์ ไม่รวมค่าพัฒนาสโมสรและชำระหนี้ให้ เจอไม้นี้เข้าไปฝั่งกาตาร์ต้องล้มโต๊ะเจรจา เพราะตลอดระยะเวลา 11 เดือน แม้จะพยายามเพิ่มวงเงินเข้าไปเรื่อยๆ แต่การคุยไม่จบและเกลเซอร์ก็ไม่ได้มีเจตนาที่จะขายอย่างจริงจัง

เมื่อกลุ่มจากกาตาร์ถอนตัวไป ตัวละครตัวเดิมที่เป็น 1 ใน 2 ม้าเต็งในการเข้ามาซื้อหุ้นเพื่อบริหารแมนฯยูไนเต็ดอย่าง "เซอร์จิม แรทคลิฟฟ์ " ก็โผล่ขึ้นมา และเด่นชัดขึ้นเพราะเขากำลังจะได้หุ้น 1 ใน 4 ของสโมสร (25%) 

เราไปทำความรู้จักกับ เซอร์จิม แรทคลิฟฟ์ มหาเศรษฐีนักธุรกิจที่รวยที่สุดของอังกฤษกัน 
 

เซอร์ จิม แรทคลิฟฟ์ ชายผู้บ้าคลั่ง "ปิศาจแดง" 
จิม แรทคลิฟฟ์ วัย 70 ปี เกิดที่เมือง เฟลสเวิร์ธ  ในเกรตเทอร์แมนเชสเตอร์ แน่นอนเขาเป็นแฟนบอลระดับเข้มข้นของทีมปิศาจแดง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 

เขาก่อตั้งกลุ่มเคมีภัณฑ์ INEOS ในปี 1998 และเป็นประธานและประธานเจ้าหน้าที่บริหารของบริษัทโดยถือหุ้นสองในสาม

จากข้อมูลของ Forbes เขามีมูลค่าสุทธิ 15.5 พันล้านดอลลาร์ ทำให้เขากลายเป็นบุคคลที่ร่ำรวยอันดับที่ 112 ของโลก และเขาเป็นหนึ่งในนักธุรกิจที่ร่ำรวยที่สุดของอังกฤษ

ช่วงที่ทีมแมนฯยูไนเต็ด ตกต่่ำและมีวิกฤติศรัทธาจากแฟนบอลไปยังตระกูลเกลเซอร์ ที่บริหารทีม เซอร์ จิม แรทคลิฟฟ์ คือคนแรกที่ประกาศต่อสาธารณะว่าสนใจซื้อแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด แต่การซื้อหุ้นทีมแนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดของเขาเป็นไปอย่างรอบคอบและรัดกุม ไม่รุกหนักเหมือนกลุ่มทุนจากกาตาร์

ส่วนเมื่อเมื่อปีที่แล้ว แรทคลิฟฟ์ เคยยื่นซื้อเชลซีมาบริหาร (ช่วงที่โรมัน อบราโมวิช เจ้าของชาวรัสเซียโดนรัฐบาลอังกฤษยึดทรัพย์จากสงครามรัสเซีบ-ยูเครน) แต่ถูกกลุ่มทุนจากสหรัฐ อเมริกาโดย ท็อดด์ โบห์ลีย์ ปาดหน้าซื้อทีมไปบริหาร
 

INEOS เป็นใคร  ?


INEOS Group Limited เป็นบริษัทเคมีภัณฑ์ข้ามชาติของอังกฤษซึ่งมีสำนักงานใหญ่และจดทะเบียนในลอนดอน

ชื่อ INEOS มาจาก INspec Ethylene Oxide and Specialities ซึ่งเป็นชื่อเดิมของธุรกิจ กิจการเติบโตจนปี 2021 พวกเขากลายเป็นบริษัทเคมีภัณฑ์รายใหญ่อันดับสี่ของโลก

โดย รายงานจาก BBC ชี้แจงว่า INEOS มียอดขายประมาณ 5 หมื่นล้านปอนด์ ( 2.5 ล้านล้านบาท)  และมีพนักงานมากกว่า 26,000 คน

ขณะที่การขยายตัวทางธุรกิจของ บริษัท INEOS ประกอบด้วยธุรกิจ 36 แห่ง  มีไซต์งาน 194 แห่งใน 29 ประเทศทั่วโลก และครอบคลุมถึงแบรนด์ผู้บริโภคและความสนใจด้านกีฬาด้วย

สำหรับวัตถุดิบของบริษัทถูกนำมาใช้ในบรรจุภัณฑ์สำหรับเครื่องใช้ในห้องน้ำ ยาและอาหาร โทรศัพท์มือถือ และเฟอร์นิเจอร์

INEOS กับวงการกีฬา
สำหรับวงการฟุตบอลอาจจะใหม่ แต่ในวงการรถแข่ง ฟอร์มูล่าวัน จักรยาน เรือใบ และรักบี้ INEOS เข้าไปอยู่ในวงการและสนับสนุนด้านกีฬามานานแล้ว

ส่วน Mercedes-Benz Group AG, INEOS และ Toto Wolff คือ บริษัทที่ INEOS เป็นเจ้าของทั้ง 3 ส่วนเท่าๆ กัน

สำหรับวงการฟุตบอล เซอร์จิม แรทคลิฟฟ์ และ INEOS ได้เข้าไปซื้อหุ้นและเป็นเจ้าของสโมสร นีซ (Nice) ในลีกเอิง ฝรั่งเศส ,ทีม โลซาน ในประเทศสวิตเซอร์แลนด์ และทำงานร่วมกับสโมสรพันธมิตร ราซิ่ง คลับ อาบิดยาน ในประเทศ ไอวอรี่ โคสต์ 

ส่วนในวงการรักบี้ INEOS ได้เข้าไปสนับสนุนจน "ออลแบล็คส์" ทัพรักบี้ ทีมชาตินิวซีแลนด์ โชว์ผลงานได้โดดเด่นในเวทีระดับโลก 

และอีกหนึ่งความโดดเด่นที่มีมานานแล้วของ INEOS นั่นคือสนับวุนวงการแข่งจักรยานจนทีม อีเนออส เกรนาเดียร์ส เป็นหนึ่งในทีมปั่นจักรยานที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดในโลก


25% ของเซอร์จิม แรทคลิฟฟ์ คือจุดเริ่มต้น

รายงานจาก BBC ยืนยันว่า เซอร์จิม แรทคลิฟฟ์ จะต้องจ่ายเงินมากกว่า 1.5 พันล้านดอลลาร์ (61,600 ล้านบาท) เพื่อซื้อหุ้น 25%ของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ซึ่งมีโอกาสเป็นไปได้ที่ คนในตระกูล เกลเซอร์ จะยอมรับกับเงินก้อนนี้ 

โดยออพชั่นที่ เซอร์จิมให้ไปคือ เขาจะขอเข้ามาดูแลเฉพาะเรื่องการบริหารด้านฟุตบอลของแมนฯยูไนเต็ดอย่างเดียว นั่นคือรับผิดชอบการจ้างงานและบริหารจัดการหานักเตะฝีเท้าดีเข้ามายังแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ส่วนเรื่องการบริหารการเงิน และเรื่องอื่นๆยังเป็นสิทธิ์ของตระกูลเกลเซอร์ แม้จะยังไม่มีการตอบรับกลับมาแต่แนวโน้มเป็นไปได้มีสูง เพราะท่าทีของ"เกลเซอร์"ไม่ได้ต้องการขายแมนฯยูไนเต็ดอยู่แล้ว และการปล่อยหุ้นออกไปเพียง 1 ใน 4 ยังทำให้พวกเขาได้รับสิทธิประโยชน์และฟันเงินกำไรจากผลประกอบการของสโมสรในทุกๆปีเหมือนเดิม

เรื่องนี้เป็นคำถามมันจะเปลี่ยนแปลงสโมสรยังไง ?

ที่จริงแล้ว การขอซื้อหุ้นจำนวน 25 เปอร์เซ็นต์ของ"เซอร์จิม"นั้นเป็นแค่ ‘จุดเริ่มต้น’ เท่านั้น เขาแผนที่จะซื้อหุ้นที่เหลือทั้งหมดในระยะยาว เพียงแต่ช่วงแรกต้องเป็นแบบนี้ไปก่อน แล้วจากนั้นค่อยไล่ซื้อหุ้นจากผู้ถือหุ้นรายอื่นๆ  โดยเฉพาะในกลุ่มที่ถือหุ้นประเภท Class A ที่เป็นของผู้ถือหุ้นทั่วไปที่ซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์นิวยอร์ก (NASDAQ) ในขณะที่เกลเซอร์ถือหุ้นในประเภท Calss B (คลาส B คือหุ้นไม่สามัญ มีสิทธิ์โหวต) โดยครอบครัวเกลเซอร์ที่ถืออยู่ราว 67 %  

ซึ่งคนละกรณีกับกลุ่มทุนจากกาตาร์ ที่ขอซื้อและบริหารทีมเองแบบ 100 % 


แม้แฟนบอล "ปิศาจแดง" อาจจะรู้สึกเสียดายกับการถอนตัวไปของ ชีค ยาสซิม บิน ฮาหมัด อัล ธานี แห่งกาตาร์ แต่การเข้ามาของ เซอร์จิม แรทคลิฟฟ์ มหาเศรษฐีที่รวยที่สุดของอังกฤษ และเป็นแฟนบอลระดับเข้าเส้นของทีมปิศาจแดง อาจจะทำให้แฟนแมนฯยูไนเต็ด รู้สึกดีกลับมาบ้าง เพราะอย่างน้อยก็ได้คนฟุตบอลและเป็นแฟนบอลตัวจริงเสียงจริงเข้ามาทำทีมเสียที

Tuyên bố từ chối trách nhiệm: Bản quyền của bài viết này thuộc về tác giả gốc. Việc đăng lại bài viết này chỉ nhằm mục đích truyền tải thông tin và không cấu thành bất kỳ lời khuyên đầu tư nào. Nếu có bất kỳ hành vi vi phạm nào, vui lòng liên hệ với chúng tôi ngay lập tức. Chúng tôi sẽ sửa đổi hoặc xóa bài viết. Cảm ơn bạn.