กทม. ผนึกกำลัง TikTok ขับเคลื่อนกรุงเทพฯ เป็น Smart City
กรุงเทพมหานคร และ TikTok Thailand จัดพิธีลงนามบันทึกความเข้าใจ (MOU) ระหว่างกรุงเทพมหานคร กับ TikTok ที่ห้องบางกอก ชั้น B2 อาคารไอราวัตพัฒนา ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร ดินแดง มี นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร และ นางชนิดา คล้ายพันธ์ Head of Public Policy - Thailand, TikTok ร่วมลงนาม
นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เผยว่าหัวใจสำคัญของ Smart City มี 3 อย่างประกอบกันคือ คน ,เศรษฐกิจ และ สิ่งแวดล้อม หรือ 3 เสาหลักคือ Smart People, Smart Economy และ Smart Environment
"เมืองจะน่าอยู่ได้ด้วยปัจจัยหลักที่ขาดไม่ได้ คือ 1. เรื่องคุณภาพของคน หัวใจของเมืองอยู่ที่ ‘คน’ การที่เมืองมีคนดีคนเก่งอยู่มาก ๆ ก็จะช่วยกันพัฒนาเมืองและพัฒนาบริการต่าง ๆ ให้ดียิ่งขึ้นได้ 2. เรื่องเศรษฐกิจ คนในเมืองมีอาชีพ การค้าการขายคล่องตัว ยิ่งเป็นเสน่ห์ดึงดูดให้เกิดการค้าการลงทุน เกิดบรรยากาศของการเดินทางและการท่องเที่ยวที่คึกคัก และกระตุ้นให้เศรษฐกิจของเมืองมีความแข็งแกร่งยิ่งขึ้น 3. เรื่องของสิ่งแวดล้อมที่ดี ไม่เป็นพิษเป็นภัยต่อสุขภาพ และคนในเมืองร่วมแรงร่วมใจกันทำให้เมืองมีความสะอาด สดชื่น สวยงาม ใช้ชีวิตด้วยความเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน" ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครกล่าว
"ทั้ง 3 ปัจจัยนี้เป็นสิ่งที่กรุงเทพมหานครกำลังขับเคลื่อนให้เห็นผลเป็นรูปธรรม ซึ่งวิธีการหนึ่งที่เราพยายามทำก็คือการเป็นเมืองอัจฉริยะ หรือ Smart City โดยนำเอาเทคโนโลยีมาใช้ในการทำงานและพัฒนาการให้บริการต่าง ๆ ซึ่งต้องขอบคุณทาง TikTok ที่เห็นตรงกันกับเรา ร่วมมือกับเรา และช่วยกันผลักดันให้เราไปถึงเป้าหมายได้เร็วขึ้น ในทั้ง 3 เสาหลัก ได้แก่ Smart People, Smart Economy และ Smart Environment"
"จาก 3 เสาหลักข้างต้น อาจกล่าวรวม ๆ ได้ว่า การเปลี่ยนเมืองให้ดีขึ้น มี 2 เรื่องสำคัญ โดยเรื่องแรกคือ เราจะทำให้กรุงเทพฯ ให้ดีขึ้นได้อย่างไร กทม.อาจจะออกกฎหรือระเบียบต่าง ๆ ได้ แต่การบังคับใช้นั้นไม่ใช่เรื่องง่าย การที่จะทำให้กรุงเทพฯ ดีขึ้นจึงต้องทำให้คนมีความรับผิดชอบมากขึ้น เห็นแก่ส่วนรวมมากขึ้น ในภาษาอังกฤษจะมีคำว่า “Nudge” ซึ่งแปลว่าการสะกิดหรือการดุน หรือการทำให้คนปรับเปลี่ยนพฤติกรรมไปในทิศทางที่เห็นแก่ส่วนรวมมากขึ้น ซึ่งการ Nudge ไม่สามารถใช้กฎระเบียบได้เพราะเหมือนเป็นการบังคับ ฉะนั้น จึงต้องใช้สื่อที่มีประสิทธิภาพที่สามารถสื่อสารกับคนได้ตรงจุด โดย TikTok เป็นสื่อหนึ่งที่มีความเร็วและสื่อสารได้กับกลุ่มคนที่ไม่มีเวลาอ่านอะไรยาว ๆ และชอบเนื้อหาแบบสรุป"
“ความร่วมมือกันในครั้งนี้เป็นโครงการที่ดี ซึ่งต้องขอขอบคุณทาง TikTok อีกครั้งที่ร่วมมือกัน โดยหวังว่าจะเกิดประโยชน์กับพี่น้องประชาชนอย่างสูงสุด อนาคตเราคงไม่หยุดแค่นี้ คงต้องหาวิธีที่เหมาะสมที่สุดเพื่อมาพัฒนาและรับใช้พี่น้องประชาชนต่อไป” ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวในตอนท้าย
นางชนิดา คล้ายพันธ์ Head of Public Policy - Thailand, TikTok กล่าวว่า "จุดเริ่มต้นของความร่วมมือระหว่าง TikTok และกรุงเทพมหานคร เกิดขึ้นมาจากพันธกิจของ TikTok ในการพัฒนาภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ขับเคลื่อนสังคมอย่างรอบด้าน ทั้งในด้านเศรษฐกิจ ด้านสังคม และด้านสิ่งแวดล้อม"
"ในระดับประเทศไทยเราเป็นพาร์ทเนอร์กับกรุงเทพมหานคร โดยได้มีการคุยกันว่าเราจะทำอย่างไรได้บ้างเพื่อที่จะสามารถก้าวไปสู่เป้าหมายการเป็น Smart City ในอนาคต ซึ่งการลงนามความร่วมมือกับกรุงเทพมหานครในครั้งนี้จะสามารถช่วยให้เราประสบความสำเร็จตามคำมั่นสัญญาในการปลดล็อกโอกาสต่าง ๆ ที่มีอยู่บนแพลตฟอร์มมากมายในทุกมิติตามแนวคิด Smart Economy, Smart People และ Smart Environment อย่างครบถ้วน"
"ในระดับภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เรามีผู้ใช้ TikTok มากกว่า 325 ล้านคน มีธุรกิจมากกว่า 15 ล้านธุรกิจ ฉะนั้น เราจึงเป็นฟันเฟือนหนึ่งในการพัฒนาเศรษฐกิจดิจิทัล (Digital Economy) ทั้งในระดับประเทศและระดับภูมิภาค "
ทั้งนี้ การลงนามความร่วมมือกับกรุงเทพมหานครมีระยะเวลา 2 ปี ซึ่งเป็นการสะท้อนให้เห็นความมุ่งมั่นของ TikTok ในการเป็นผู้นำแพลตฟอร์มที่มอบทั้งความบันเทิงอย่างมีความรับผิดชอบ ปลดล็อกศักยภาพทางธุรกิจ และส่งมอบโอกาสให้กับทุกภาคส่วน เพื่อสานต่อความมุ่งมั่นในการสร้างผลกระทบเชิงบวกทั้งในแง่ของเศรษฐกิจ สังคม ควบคู่ไปกับการรักษาสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน
Tuyên bố từ chối trách nhiệm: Bản quyền của bài viết này thuộc về tác giả gốc. Việc đăng lại bài viết này chỉ nhằm mục đích truyền tải thông tin và không cấu thành bất kỳ lời khuyên đầu tư nào. Nếu có bất kỳ hành vi vi phạm nào, vui lòng liên hệ với chúng tôi ngay lập tức. Chúng tôi sẽ sửa đổi hoặc xóa bài viết. Cảm ơn bạn.