ถอดวิธีคิด การทำงาน อังเก้ ปอสเตโคกลู จากกุนซือโนเนมกลายเป็นโค้ชแบรนด์เนม
การบินสูงของ ท็อทแน่ม ฮอทสเปอร์ส กำลังถูกพูดถึงในวงการฟุตบอลเมื่อพวกเขานำเป็นจ่าฝูงฟุตบอลพรีเมียร์ ลีกอังกฤษ หลังแข่งไป 8 นัดมี 20 คะแนน
ที่จริงแล้วคะแนนของ "ไก่เดือยทอง" สเปอร์ส เท่ากับ อาร์เซนอล แถมลูกได้เสียยัง +10 เท่ากันอีก จึงไม่ใช่เรื่องปกติที่ทีมจากลอนดอนเหนือจะบินสูงขึ้นมาอยู่ส่วนบนของตาราง (อัพเดต 8 ต.ค.66)
ส่วนคนที่จะไม่พูดถึง ไม่ได้เลยนั่นคือ ชื่อของ อังเก้ ปอสเตโคกลู นายใหญ่ของสเปอร์ส กุนซือผู้อยู่เบื้องหลังการพาทีมไก่เดือยทองบินสูงในเวลานี้
"อังเก้" ช่วงแรกที่เข้ามารับงานใหม่ๆเขาไม่ได้รับความรักจากสาวก "ไก่เดือยทอง" สักเท่าไหร่ เหตุผลเพราะว่าชื่อชั้นเบาเกินไป และแฟนบอลไม่มั่นใจว่าจะมีบารมีมากพอที่จะคุม สเปอร์สได้
แต่เมื่อดูจากผลงานที่ผ่านมาของ "บอสอังเก้" นั้นไม่ธรรมดา กุนซือชาวออสเตรเลียนคนนี้ เคยนำทัพโยโก ฮาม่า มารีนอส ได้แชมป์เจ ลีก และปั้น "อุ้ม" ธีราทร บุญมาทัน แบ็กซ้ายทีมชาติไทยที่ร่วมงานกับเขาในช่วงนั้น ให้ยกระดับจากฟูลแบ็กธรรมดา ขึ้นมาเป็น อินเวิร์ท ฟูลแบ็ก คือเล่นได้ทั้งหลังและกองกลาง แถมยังมีประสิทธิภาพอีกด้วย รวมถึงพาทีม กลาสโกว์ เซลติก ได้แชมป์ลีกสกอตแลนด์ 2 สมัย และแชมป์ฟุตบอลถ้วยทุกรายการที่มีในสกอตต์เขากวาดหมด
วันนี้ โพสต์ ทูเดย์ จะพาไปทำความรู้จักกับ ชายที่ชื่อ อังเก้ ปอสเตโคกลู
จากกรีซสู่ ออสเตรเลีย
อังเก้ ปอสเตโคกลู ( Ange Postecoglou) เป็นชาวกรีซโดยกำเนิด แต่เขาอายุได้ 5 ขวบ อังเก้และครอบครัวของเขาอพยพไปออสเตรเลียในปี 1970
การย้ายครอบครัวของเขาลงใต้มีสาเหตุมาจากการล่มสลายของธุรกิจของคุณพ่อของเขา ภายใต้การปกครองของทหารกรีซ ซึ่งนำไปสู่การปกครองแบบเผด็จเข้ามา
พวกเขาเป็นหนึ่งในครอบครัวชาวกรีซจำนวนมากที่แสวงหาโอกาสและคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นในช่วงเวลานั้น และออสเตรเลีย คือหมุดหมายปลายทาง ซึ่งตอนนั้น รัฐบาลของออสเตรเลียมีนโยบาย สนับสนุนการย้ายถิ่นฐานของคนจากที่อื่น โดยเฉพาะจากประเทศในยุโรป เพื่อส่งเสริมจำนวนประชากรและแรงงานของประเทศ
ครอบครัวของ ปอสเตโคกลู จึงตั้งรกรากอยู่ในเมลเบิร์น นับแต่นั้นเป็นต้นมา
เส้นทางสายฟุตบอลของ อังเก้ ปอสเตโคกลู
สมัยเป็นฟุตบอล ปอสเตโคกลู เริ่มเล่นให้กับทีมเยาวชนของ เซาท์ เมลเบิร์น เมื่อปี 1978 จนถึงปี 1983 จากนั้นในปี 1984 ปอสเตโคกลู ก็ได้ขึ้นมาเล่นให้กับทีมชุดใหญ่ของ เซาท์ เมลเบิร์น ซึ่งในเวลานั้นกุนซือที่คุมทีมคือ เฟเรนซ์ ปุสกัส ตำนานดาวยิงของ ฮังการี ซึ่งก็เป็นหนึ่งในแรงบันดาลของ ปอสเตโคกลู ที่ทำให้เขายึดแผน 4-3-3 แบบปุสกัสเป็นหลักจนถึงทุกวันนี้
จากนั้นในปี 1994 เขาก็มาเล่นให้กับทีม เวสเทิร์น ซูเบิร์บส แต่ด้วยปัญหาอาการบาดเจ็บ เขาไม่สามารถลงสนามได้
ปี 1996 อังเก้ ปอสเตโคกลู ต้องเลิกเล่นฟุตบอลอาขีพ และก้าวขึ้นไปเป็นกุนซือของ เซาท์ เมลเบิร์น ต่อทันที
ส่วนในนามทีมชาติ เขาลงเล่นให้กับ ออสเตรเลีย ชุดอายุ 20 ปี ไป 13 นัด และชุดใหญ่อีก 4 นัด
ผลงานกับการเป็นผู้จัดการทีม
ปี 1996 ที่ อังเก้ ปอสเตโคกลู ขึ้นเป็นผู้จัดการทีม เขาคือกุนซือวัยรุ่น และได้แชมป์ลีก ออสเตรเลีย กับ เซาธ์ เมลเบิร์น สองสมัยในช่วงที่เขามีอายุ 30 ต้นๆเท่านั้น ก่อนย้ายไปคุมทีมชาติออสเตรเลีย ชุดเยาวชน นาน 7 ปี
จากนั้นเขากลับมารับงานระดับสโมสรอีกรอบ ปอสเตโคกลู ก็สร้างชื่อได้ด้วยการพาทีม บริสเบน รอร์ ขยับจากอันดับสุดท้ายของตารางมาคว้าแชมป์ ออสเตรเลีย เอลีก ได้ในปี 2011 และ 2012 อีกทั้งสร้างสถิติไม่แพ้นานถึง 36 นัด
ปี 2014 "บอสอังเก้" ได้ทำทีมชาติออสเตรเลียชุดใหญ่ และคุมทีม จิงโจ้ ร่วมสู้ศึก ฟุตบอลโลก 2014 ที่บราซิล จากนั้นในปี 2015 ออสเตรเลรียของอังเก้ ก็ได้แชมป์ เอเชียนคัพ ในปีต่อมา
เท่านั้นไม่พอเขายังพาทีม "ซ็อคเกอร์รูส์" เข้ารอบสุดท้ายศึก ฟุตบอลโล ปี 2018 ที่รัสเซียได้ด้วย แต่ประกาศลาออกก่อนเริ่มทัวร์นาเมนต์ เพื่อไปรับงานคุมทีม โยโกฮาม่า เอฟ มารินอส
ซึ่งเขาก็สร้างประวัติศาสตร์พา โยโกฮาม่า มารีนอส ได้แชมป์ เจลีก ในปี 2019 และเป็นการได้เป็นครั้งแรกในรอบ 15 ปี
ผลงานกับกลาสโกว์ เซลติก
"เมื่อคุณจะออกไปเจอดินแดนใหม่ คุณต้องล่องเรือออกไป" นั่นคือประโยคที่อังเก้ ปอสเตโคกลู บอกลูกทีมโยโกฮาม่า มารีนอส ซึ่ง "อุ้ม" ธีราทร บุญมาทัน อดีตลูกทีมของเขาสมัยนั้นเอามาเล่าในรายการ ฟุตบอล 108
หลังจากนั้นอังเก้ ก็ย้ายไปคุมทีมในเวทีระดับยุโรป กับกลาสโกว เซลติก ในลีกสกอตแลนด์ ตอนนั้นไม่มีใครรู้ว่าเขาจะทำทีมได้ดีเท่าเดิมเหมือนที่ทำได้ในออสเตรเลียและญี่ปุ่นหรือไม่ เพราะดินแดนในยุโรปเป็นเวทีที่เขายังไม่เคยลอง
ปรากฏว่า "อังเก้" พาทีมได้แชมป์ในลีกสกอตต์ 5 จาก 6 รายการ ในเวลาสองปีที่เขารับงานกับ เซลติก รวมทั้งการพาทีมคว้าทริปเปิ้ลแชมป์ในซีซั่นสุดท้ายของเขา
ระบบการเล่น-วิธีคิด "บอสอังเก้"
แนวทางการทำทีมของ อังเก้ เขาเน้นเกมรุกเป็นหลัก ในระบบ 4-3-3 เน้นการต่อบอลขึ้นเกมที่แม่นยำ เห็นได้จาก ทีมสเปอร์สชุดปัจจุบัน พวกเขาสลัดความเป็น "สเปอร์ส" ที่มักโดนแซวว่านี่มันแค่สเปอร์ส เดี๋ยวเจอทีมใหญ่ก็พลาดกันเอง
ปรากฏว่าผ่านมาเกือบจะ 2 เดือน พวกเขาไม่มีแผ่ว และสเปอร์สในยุคอังเก้กลายเป็นทีมที่ไม่มีกลัวทีมใหญ่แล้ว
8 เกมที่ผ่านมา เจอทีมใหญ่ 3 นัด เอาชนะ แมนฯเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 2-0 , เสมอ อาร์เซนอล 2-2 และ ชนะ ลิเวอร์พูล 2-1
ซึ่งผลงานดังกล่าวเป็นสิ่งที่เขาทำมาตลอด โดยเฉพาะที่เซลติก เขาพายอดทีมแห่งสกอตแลนด์ สร้างสถิติของสโมสรหลังยุคสงครามด้วยการทำประตูในลีกได้มากถึง 114 ประตูเมื่อฤดูกาล 2022-23 และแน่นอนว่ามันมาจากการทำทีมที่เน้นเกมรุกไม่มีหยุด และไม่เว้นแม้กระทั่งเด็กเก็บบอลริมสนามที่ต้องมีส่วนร่วมทำให้ทีมเดินเกมรุกอย่างต่อเนื่องด้วย
Tuyên bố từ chối trách nhiệm: Bản quyền của bài viết này thuộc về tác giả gốc. Việc đăng lại bài viết này chỉ nhằm mục đích truyền tải thông tin và không cấu thành bất kỳ lời khuyên đầu tư nào. Nếu có bất kỳ hành vi vi phạm nào, vui lòng liên hệ với chúng tôi ngay lập tức. Chúng tôi sẽ sửa đổi hoặc xóa bài viết. Cảm ơn bạn.