อายิโนะโมะโต๊ะ เผยแผนเปลี่ยนผ่านทางธุรกิจสู่การเป็น “ผู้นำสร้างความอยู่ดีมีสุขให้สังคมไทยอย่างยั่งยืน”
บริษัท อายิโนะโมะโต๊ะ (ประเทศไทย) จำกัด ประกาศภารกิจและวิสัยทัศน์ใหม่ รองรับการเปลี่ยนผ่านทางธุรกิจครั้งสำคัญ เดินหน้าสู่ผู้นำในการสร้างความอยู่ดีมีสุขให้สังคมไทย ซึ่งแผนการเปลี่ยนผ่านครั้งนี้เป็นการดำเนินตามค่านิยมหลักเพื่อสร้างคุณค่าร่วมกับสังคมอย่างยั่งยืน (ASV) ตามเป้าหมายด้านความยั่งยืนปี 2573 ของกลุ่มบริษัทฯ ระดับโลก ที่มุ่งดำเนินธุรกิจเพื่อเสริมสร้างสุขภาพดีของผู้คน 1,000 ล้านคนทั่วโลก และส่งเสริมความยั่งยืนของโลกด้วยการลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมจากการดำเนินธุรกิจ 50%
มร. อิชิโระ ซะกะกุระ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท อายิโนะโมะโต๊ะ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “ด้วยสภาวะแวดล้อมในการทำธุรกิจและการใช้ชีวิตของผู้คนที่เปลี่ยนแปลงไป รวมทั้งความมุ่งมั่นที่จะตอบโจทย์ความต้องการของทุกภาคส่วนทั้งลูกค้า สังคมและสิ่งแวดล้อม และพนักงาน บริษัทฯ จึงได้ปรับ“วิสัยทัศน์” ใหม่ จากเดิม “มุ่งสู่การเป็นบริษัทอาหารที่มีความน่าเชื่อถือที่สุดในประเทศไทย” สู่การเป็น “ผู้นำในการสร้างความอยู่ดีมีสุขให้กับสังคมไทยอย่างยั่งยืน” โดยมี “ภารกิจ” ใหม่ ในการอาสา “แก้ไขปัญหาด้านอาหารและสุขภาพของสังคมผ่านค่านิยมหลักของบริษัท”
“พร้อมกันนี้ ยังมุ่งเน้นการดำเนินงานที่ตอบโจทย์เป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืนภายในปี 2573 ของกลุ่มบริษัทฯ ในระดับโลก ด้วยการมุ่งมั่นสร้างสรรค์นวัตกรรมที่เกี่ยวกับอาหารและสุขภาพ ผ่านการใช้ศาสตร์แห่งกรดอะมิโน เพื่อช่วยส่งเสริมสุขภาพดีของผู้คนจำนวน 1,000 ล้านคน และการทำงานเพื่อลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมลง 50% จากการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน โดยอายิโนะโมะโต๊ะ ประเทศไทย มีแผนเปิดตัวกว่า 10 ผลิตภัณฑ์ภายในปี 2573 เพื่อสนับสนุนคนไทยกว่า 3 ล้านคนในทุกช่วงวัยให้มีสุขภาพดีรับสังคมผู้สูงวัยของไทยในอนาคตอันใกล้ และขยายผลความสำเร็จในการปลูกฝังแนวคิดการลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมสู่ผู้บริโภคทั่วประเทศ ผ่านแคมเปญ Too Good To Waste เพื่อส่งต่อแนวคิดในการจัดการกับการสูญเสียอาหารและขยะอาหารให้กับคนไทยในภาคครัวเรือน”
จากโจทย์ระดับโลกของกลุ่มบริษัทฯ สู่เป้าหมายการสร้างความอยู่ดีมีสุขให้สังคมไทย
อายิโนะโมะโต๊ะ ประเทศไทย มุ่งมั่นดำเนินธุรกิจเพื่อให้บรรลุพันธกิจในการสร้างความอยู่ดีมีสุข
ให้สังคมไทย โดยให้ความสำคัญกับการสร้าง Well-being หรือ “การอยู่ดีมีสุข” ทั้งกับเพื่อนพนักงานและคนไทยทุกคน ซึ่งในส่วนของเพื่อนพนักงาน ทางบริษัทฯ ได้มีการให้ความรู้ด้านโภชนาการที่ถูกต้อง พร้อมทั้งได้ดำเนินการปรับปรุงสถานที่ต่าง ๆ ในสถานประกอบการ เช่น โรงอาหารที่มีเมนูสุขภาพให้เลือกรับประทาน หรือสถานที่ออกกำลังกายที่ได้มาตรฐาน อันจะช่วยส่งเสริมให้เกิดการปรับเปลี่ยนพฤติกรรม
ทั้งทางด้านอาหารและการออกกำลังกายเพื่อสุขภาพที่ดีขึ้นได้ นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังตั้งเป้าที่จะสนับสนุน
คนไทยกว่า 3 ล้านคนในทุกช่วงวัยให้มีสุขภาพดีรับสังคมผู้สูงวัยของไทย ด้วยนวัตกรรมที่เกี่ยวกับอาหารและสุขภาพของบริษัทฯ ผ่านกลยุทธ์การดำเนินงานทั้งหมด 3 แนวทาง ประกอบด้วย
- โภชนาการที่สมดุล เพื่อให้คนไทยมีสุขภาพดีขึ้นด้วยโภชนาการที่ปราศจากการประนีประนอม (Nutrition without Compromising) ผ่านการสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ที่เป็นทางเลือกเพื่อสุขภาพซึ่งได้รับการรับรองเครื่องหมาย Healthier Choice Logo เช่น กลุ่มผลิตภัณฑ์ที่ลดโซเดียม (รสดี สูตรลดโซเดียม, บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปยำยำ ฯลฯ) และกลุ่มผลิตภัณฑ์ที่ลดน้ำตาล (กาแฟกระป๋องเบอร์ดี้, น้ำตาลไลท์ชูการ์, เบลนดี้ สติ๊ก คาเฟ โอเล ฮาฟแคลอรี่ ฯลฯ) เป็นต้น นอกจากนี้ ยังมีการพัฒนาสูตรอาหารเพื่อสุขภาพแต่ยังคงความอร่อย พร้อมทั้งพัฒนาระบบประเมินปริมาณสารอาหารสำหรับเมนูอาหารไทย (Nutrient Profiling System for Thai Menus: NPS-M) ให้คนไทยได้ใช้เป็นเกณฑ์ในการตัดสินใจเลือกเมนูอาหารที่ชอบ อร่อย และเหมาะกับสุขภาพของแต่ละคน
- โภชนาการสำหรับการกีฬา ในโครงการ Thailand Victory Project ด้วยการสร้างสรรค์โปรแกรมโภชนาการอาหารที่เหมาะสมกับนักกีฬา (Winning Meal) เพื่อเสริมสมรรถภาพร่างกายให้แข็งแรงและมีพลังงานเพียงพอ ควบคู่ไปกับการสนับสนุนผลิตภัณฑ์อะมิโนไวทัล ให้กับทีมนักกีฬาทีมชาติไทยในศึกซีเกมส์ ครั้งที่ 31 ที่ผ่านมา รวมไปถึงแผนการสนับสนุนในอนาคตต่อไป
- ผลิตภัณฑ์อาหารเสริมสำหรับสุขภาพ ด้วยการนำศาสตร์แห่งกรดอะมิโนมาตอบโจทย์ปัญหาสุขภาพของคนวัยทำงานจนถึงผู้สูงวัย เพื่อเตรียมความพร้อมรองรับการก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุแบบสุดยอด (Hyper-Aged Society) ในปี พ.ศ. 2578 ของไทย โดยได้เตรียมเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่กว่า 10 ผลิตภัณฑ์ทั้งในส่วนอาหารและอาหารเสริม ภายในปี พ.ศ. 2573 เพื่อเป็นทางเลือกในการดูแลสุขภาพให้แก่คนไทยกว่า 3 ล้านคนในทุกช่วงวัย
มุ่งมั่นดำเนินการในทุกขั้นตอนกิจกรรมทางธุรกิจ เพื่อลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน
อายิโนะโมะโต๊ะ ได้ตั้งเป้าหมายในการดำเนินงาน 5 ด้าน เพื่อบรรลุเป้าหมายเพื่อความยั่งยืนในปี 2573 ได้แก่ 1) การลดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ลง 50% 2) การอนุรักษ์ทรัพยากรน้ำ 80% 3) ลดขยะพลาสติกเป็นศูนย์ (รีไซเคิลพลาสติก) 4) ลดปริมาณของเสียจากอาหารและอื่น ๆ ลง 50% และ 5) การจัดซื้อจัดจ้างอย่างยั่งยืน 100% ด้วยการจัดการทรัพยากรที่มีอยู่อย่างจำกัดให้เกิดประโยชน์สูงสุด ทั้งการผลิตในโรงงานและภาคการเกษตร
โดยโรงงานทุกแห่งของบริษัทฯ ได้ดำเนินงานตามแนวทางวัฏจักรชีวภาพในกระบวนการผลิต ที่ได้นำหลัก 3Rs มาใช้ในการจัดการทรัพยากรในโรงงานอย่างมีประสิทธิภาพ เช่น การเพิ่มประสิทธิภาพการใช้ทรัพยากรน้ำตลอดการผลิตให้คุ้มค่าและเกิดประโยชน์สูงสุด ด้วยการบำบัดและใช้หมุนเวียนภายในโรงงาน การนำแกลบที่เหลือจากภาคการเกษตรมาเป็นเชื้อเพลิงให้กับหม้อต้มไอน้ำพลังชีวมวลเพื่อผลิตไอน้ำสำหรับกระบวนการผลิต (Biomass Cogeneration) รวมไปถึงการใช้พลังงานแสงอาทิตย์ ทดแทนเชื้อเพลิงจากน้ำมันเตา
สำหรับภาคการเกษตร บริษัทฯ ได้ดำเนินงานผ่านโครงการ “การพัฒนาคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นของเกษตรกรไทย” (Thai Farmer Better Life Project) ด้วยการส่งเสริมการใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่ ควบคู่กับการให้ความรู้ในการปรับปรุงดิน พัฒนาสายพันธุ์มันสำปะหลังซึ่งเป็นวัตถุดิบในการผลิตผงชูรสอายิโนะโมะโต๊ะ ควบคู่ไปกับการวิเคราะห์โรคใบด่างฯ ซึ่งเป็นโรคระบาดที่สร้างความเสียหายอย่างหนักให้กับมันสำปะหลัง โดยสนับสนุนท่อนพันธุ์มันสำปะหลังสะอาด ทนทาน และปราศจากโรค ให้กับเกษตรกรในพื้นที่จังหวัดกำแพงเพชรและจังหวัดข้างเคียง ที่ได้รับผลกระทบจากโรคใบด่างฯ มาตั้งแต่ปี 2564 รวมถึงปัจจุบันแล้วกว่า 73,025 ต้น
นอกจากนี้ ในเร็ว ๆ นี้ยังได้เตรียมเปิดตัวแคมเปญ Too Good To Waste เพื่อส่งต่อแนวคิดในการจัดการกับการสูญเสียอาหารและขยะอาหารให้กับคนไทยในภาคครัวเรือน ซึ่งเป็นการต่อยอดแนวทางการจัดการ Food Loss and Food Waste ที่ใช้ในโรงงาน เพื่อลดการสูญเสียอาหารและขยะอาหารจากกระบวนการผลิต ด้วยการนำของเหลือจากกระบวนการผลิตมาพัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์ร่วม (Co-Product) ส่งคืนสู่ภาคการเกษตร เช่น การนำน้ำหมักที่เหลือจากกระบวนการผลิตผงชูรสอายิโนะโมะโต๊ะมาผลิตเป็นปุ๋ยน้ำให้กับพืช และใช้ผสมในอาหารสัตว์ (Fertilizer Animal feed) การนำขี้เถ้าแกลบที่เป็นของเหลือจากโรงไฟฟ้าพลังงานร่วมจากชีวมวล (Biomass Cogeneration) ไปผลิตเป็นผลิตภัณฑ์บำรุงดิน
สำหรับผลสำเร็จในการดำเนินงานช่วง 3 ปีที่ผ่านมา (ปีงบประมาณ พ.ศ. 2562 – พ.ศ. 2565) อายิโนะโมะโต๊ะ ประเทศไทย สามารถลดการใช้น้ำต่อหน่วยการผลิตลงถึง 91% รวมทั้งการบำบัดน้ำทิ้งที่ได้มาตรฐานสูงกว่าที่กฎหมายกำหนดก่อนปล่อยคืนสู่แหล่งน้ำธรรมชาติ พร้อมทั้งลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้ถึง 267,000 ตัน หรือเทียบเท่าการดูดซับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ของต้นไม้ใหญ่กว่า 30 ล้านต้น และสามารถลดการใช้พลาสติกจากการดำเนินการปรับเปลี่ยนบรรจุภัณฑ์ต่าง ๆ เช่น ลดขนาดหรือความหนาของบรรจุภัณฑ์พลาสติกลง โดยที่ยังคงคุณภาพของผลิตภัณฑ์ไว้ได้ดีเหมือนเดิม หรือการยกเลิกบรรจุภัณฑ์ชั้นที่ 2 ซึ่งทำให้ช่วยลดการใช้พลาสติกลงได้กว่า 307 ตัน นอกจากนี้ เรายังมุ่งมั่นดำเนินการเพื่อลดปริมาณการสูญเสียอาหารและขยะอาหารได้ถึง 49% หรือประมาณ 1,000 ตัน อีกด้วย
“เราคาดว่าโครงการและกิจกรรมภายใต้ความมุ่งมั่นของบริษัทฯ ทั้งในส่วนการสร้างความอยู่ดีมีสุขให้สังคมไทย และการดำเนินการเพื่อลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ที่กำลังดำเนินการอยู่และกำลังจะเริ่มดำเนินการในอนาคต จะได้รับการตอบรับที่ดีจากคนไทย เช่นเดียวกับที่ประสบความสำเร็จมาแล้วในประเทศญี่ปุ่น และตอกย้ำความมุ่งมั่นในการเปลี่ยนผ่านสู่การเป็นผู้นำในการสร้างความอยู่ดีมีสุขให้กับสังคมไทย อันจะนำไปสู่เป้าหมายเพื่อความยั่งยืนภายในปี 2573 ได้สำเร็จ” มร. ซะกะกุระ กล่าวทิ้งท้าย
Tuyên bố từ chối trách nhiệm: Bản quyền của bài viết này thuộc về tác giả gốc. Việc đăng lại bài viết này chỉ nhằm mục đích truyền tải thông tin và không cấu thành bất kỳ lời khuyên đầu tư nào. Nếu có bất kỳ hành vi vi phạm nào, vui lòng liên hệ với chúng tôi ngay lập tức. Chúng tôi sẽ sửa đổi hoặc xóa bài viết. Cảm ơn bạn.