6 อาหารกลิ่นแรงแทบทนไม่ไหว แต่กลับดีต่อสุขภาพอย่างไม่น่าเชื่อ

อาหารที่มีกลิ่นแรง แต่รสชาติดีและมีประโยชน์ต่อสุขภาพได้หรือไม่? ถ้าคุณกล้าพอที่จะลองชิม และจมูกของคุณยอมรับได้ คุณอาจค้นพบรสชาติใหม่ ๆ ในอาหารที่มีกลิ่นเหม็น 6 ชนิดเหล่านี้ ซึ่งอุดมไปด้วยคุณค่าทางอาหาร

6 อาหารกลิ่นแรง แต่กลับดีต่อสุขภาพ

1.เต้าหู้เหม็น หากคุณเคยไปเยือนไชน่าทาวน์ และได้กลิ่นคล้ายกับกองขยะ คงหนีไม่พ้นกลิ่นของ "เต้าหู้เหม็น" เป็นเต้าหู้หมักชนิดหนึ่งซึ่งมีกลิ่นที่มีเอกลักษณ์ เต้าหู้เหม็นเป็นอาหารที่ได้รับความนิยมทั้งในจีนแผ่นดินใหญ่และไต้หวัน เต้าหู้เหม็นทำจากถั่วเหลือง เป็นส่วนผสมหลักในอาหารจีน และเป็นอาหารหลักของมังสวิรัติ เต้าหู้เหม็นมีคุณค่าทางอาหารสูงและกระบวนการหมักมีประโยชน์ต่อสุขภาพ

เต้าหู้เหม็นเป็นอาหารที่มีแคลอรี่ต่ำ โปรตีนสูง ไร้คอเลสเตอรอล และปลอดกลูเตนตามธรรมชาติ เนื้อหาที่อุดมไปด้วยแร่ธาตุ ทำให้เต้าหู้เหม็นเป็นหนึ่งในแหล่งอาหารที่ดีที่สุดของแคลเซียม เหล็ก และแมกนีเซียม

กระบวนการหมักสร้างแบคทีเรียที่เรียกว่า โปรไบโอติก ซึ่งส่งเสริมการย่อยอาหารที่ดี การหมักยังอาจช่วยปรับปรุงการหลั่งอินซูลินและเสริมสร้างความต้านทานต่ออินซูลิน การศึกษาเปรียบเทียบอาหารหมักและไม่หมักพบว่า เมื่อถั่วเหลืองถูกหมัก กระบวนการนี้จะสร้างสารประกอบตามธรรมชาติที่อาจป้องกันโรคเบาหวานชนิดที่ 2 หรือชะลอความก้าวหน้าของโรค

2.ทุเรียน ทุเรียนเป็นผลไม้ที่มีต้นกำเนิดในบรูไน อินโดนีเซีย และมาเลเซีย แต่ประเทศไทยถือเป็นเมืองหลวงของทุเรียนโลก เนื่องจากประเทศไทยเป็นผู้ส่งออกทุเรียนอันดับ 1 ของโลก และเป็นบ้านของพันธุ์ทุเรียนกว่า 300 สายพันธุ์ จังหวัดจันทบุรี ซึ่งอยู่ห่างจากกรุงเทพฯ ประมาณ 300 กิโลเมตร เป็นภูมิภาคที่มีผลผลิตทุเรียนมากที่สุดของประเทศ

ภายในทุเรียนประกอบด้วยเมล็ดขนาดใหญ่หลายเมล็ด ห่อหุ้มด้วยเนื้อสีครีมหนา จากภายนอกทุรียนมีขนาดและรูปร่างคล้ายฟุตบอล แต่กลิ่นเหม็นรุนแรงกว่าฟุตบอลมาก กลิ่นเหม็นรุนแรงชนิดที่ติดทนนานหลายวัน ดังนั้นจึงไม่น่าแปลกใจที่ทุเรียนถูกห้ามนำขึ้นเครื่องบิน โรงแรม และระบบขนส่งสาธารณะในประเทศไทยและทั่วภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ หากคุณไม่สามารถออกไปทานข้างนอกได้ ให้เปิดหน้าต่างให้โล่งก่อน

ผู้ที่ชื่นชอบทุเรียนอธิบายรสชาติว่าหวานและเค็มเล็กน้อย คล้ายอัลมอนด์ และมีเนื้อสัมผัสคล้ายคัสตาร์ดหรือพุดดิ้ง ในขณะที่ผู้ที่ไม่ชอบผลไม้อาจบอกว่ามันมีรสชาติเหมือนเนื้อเน่า

มีการเข้าใจผิดกันทั่วไปว่าการรับประทานทุเรียนจะทำให้ระดับคอเลสเตอรอลพุ่งสูงขึ้น แต่ในความเป็นจริง ผลทุเรียนมีกรดไขมันไม่อิ่มตัวเชิงเดี่ยวหรือ "ไขมันดี" ซึ่งสามารถลดระดับคอเลสเตอรอล "เลว" และช่วยรักษาความดันโลหิตให้ปกติ

ทุเรียนยังเป็นแหล่งที่ดีของวิตามิน แร่ธาตุ และใยอาหาร การรับประทานทุเรียน 1 ถ้วย (ประมาณ 250 กรัม) มีไขมัน 13 กรัม แต่ไม่มีไขมันอิ่มตัว ไร้คอเลสเตอรอล และเกือบจะไม่มีโซเดียม การรับประทาน 1 ครั้ง ยังให้โปรตีน 4 กรัม ใยอาหารเกือบ 10 กรัม และส่วนที่ดีของปริมาณวิตามินบี 6 วิตามินซี เหล็ก แมงกานีส โพแทสเซียม และธัยามีนที่แนะนำต่อวัน

หมายเหตุ: สิ่งสำคัญ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับผู้ป่วยเบาหวานและผู้ที่ทานอาหารจำกัด ควรระวังกลูโคสเข้มข้นสูงในผลทุเรียน ด้วยแคลอรีหนาแน่นสูง ควรรับประทานทุเรียนในปริมาณที่เหมาะสมเพียง 2 ช้อนโต๊ะ

3.ปลาเฮอร์ริ่งหมัก Surströmming เป็นปลากระป๋องสวีเดน ที่แปลตรงตัวว่า "เฮอริ่งหมักทะเลบอลติก" มันคล้ายกับปลาหมักของญี่ปุ่นที่เรียกว่า "คุซายะ" ซึ่งแปลว่า "มีกลิ่นเหม็น" ถือเป็นอาหารที่มีกลิ่นเหม็นรุนแรงที่สุดในอาหารญี่ปุ่น Surströmming ทำโดยการหมักเฮอริ่งเป็นเวลาสูงสุดหกเดือน และเก็บไว้เป็นเวลาหนึ่งปีในกระป๋อง

กลิ่นของ Surströmming อาจอธิบายได้ดีที่สุดว่าเป็นกลิ่นของเนยแข็งเน่าผสมกับเหงื่อ เฮอริ่งเองก็ไม่ได้มีกลิ่นหอมเมื่อไม่ได้หมัก ดังนั้นคุณสามารถจินตนาการได้ว่ากลิ่นจะรุนแรงแค่ไหนหลังจากกระบวนการหมัก ยิ่งไปกว่านั้น คิดถึงกลิ่นที่เลวร้ายที่สุดที่คุณเคยพบในชีวิตที่ไม่ใช่ Surströmming แล้วคูณกลิ่นนั้นด้วยอินฟินิตี้

กลิ่นแรงจนเกือบจะทะลุผ่านกระป๋องโลหะที่บรรจุและจำหน่าย Surströmming ปลาชนิดนี้ถูกห้ามโดยสายการบินหลายแห่ง โดยอ้างว่าเป็นอันตรายจากการระเบิด ชาวสวีเดนบางคนสามารถรับประทานได้แม้จะมีกลิ่น แต่บางคนเลือกที่จะล้างด้วยโซดาเพื่อลดรสเปรี้ยวก่อนเสิร์ฟบนขนมปังปิ้งเนยกับหัวหอมและมันฝรั่ง

เฮอริ่งจัดอยู่ในประเภทปลาที่มีไขมัน เช่นเดียวกับแซลมอนและปลาเทราต์ ทำให้เป็นแหล่งที่ดีเยี่ยมของกรดไขมันโอเมกา-3 DHA และ EPA เฮอริ่งยังอุดมด้วยโปรตีน การรับประทานเฮอริ่ง 100 กรัม ให้โปรตีนมากกว่า 15 กรัม พร้อมกับวิตามินบี 12 และฟอสฟอรัสในปริมาณมาก

4.เทมเป้ เทมเป้เป็นผลิตภัณฑ์ถั่วเหลืองยอดนิยมแต่มีกลิ่นเหม็นรุนแรง มีต้นกำเนิดจากเกาะชวา เทมเป้ทำจากถั่วเหลืองทั้งเมล็ดที่แช่น้ำเพื่อให้นิ่ม จากนั้นจึงลอกเปลือกและต้มบางส่วนก่อนนำไปเก็บไว้หนึ่งหรือสองวันเพื่อผ่านกระบวนการหมัก กระบวนการนี้ทำให้ถั่วเหลืองยึดติดกันเป็นก้อนคล้ายเค้ก และให้กลิ่นเหม็นของเทมเป้

หลังจากการหมักเทมเป้มักจะถูกเตรียมโดยการหั่นเป็นชิ้นเล็ก ๆ แช่น้ำเกลือหรือซอสเค็มก่อนนำไปทอด เทมเป้ที่ปรุงสุกสามารถรับประทานได้เอง และเป็นที่นิยมในการเติมลงในพริกแกง ซุป สลัด แซนด์วิช สตูว์ และอาหารผัด ผู้ที่เคยรับประทานเทมเป้อธิบายรสชาติว่าคล้ายกับถั่ว เนื้อสัตว์ และเห็ด

เทมเป้และเต้าหู้ทั้งคู่ทำจากถั่วเหลือง แต่เทมเป้ใช้ถั่วเหลืองทั้งเมล็ด ดังนั้นจึงมีคุณค่าทางโภชนาการและลักษณะเนื้อสัมผัสที่แตกต่างจากเต้าหู้ เทมเป้มักจะมีโปรตีน ใยอาหาร และวิตามินมากกว่าเต้าหู้ในปริมาณเท่ากัน

5.Harzer เป็นชีสนมเปรี้ยวของเยอรมันที่มีโปรไฟล์โภชนาการยอดเยี่ยมและกลิ่นเหม็นอย่างโดดเด่น - ลองนึกภาพหลุมฝังขยะที่ถูกแสงแดดเผาสร้างอยู่บนพื้นห้องล็อกเกอร์เก่าที่เต็มไปด้วยถุงเท้าสกปรก คล้ายกับชีสกระท่อม Harzer cheese นั้นแทบจะไม่มีไขมัน มีแคลอรี่ต่ำ และเป็นแหล่งที่ดีของแคลเซียมและโปรตีน ชีส Harzer บางชนิดมีโปรตีน 30 เปอร์เซ็นต์ ดังนั้นจึงเป็นที่นิยมอย่างยิ่งในหมู่นักกีฬา ผู้รักกีฬา และผู้ที่รับประทานอาหารโปรตีนสูง

Harzer ยังเป็นหนึ่งในชีสที่มีราคาต่ำที่สุดเมื่อเทียบกับน้ำหนัก แต่ไม่ว่าจะคุ้มค่าแค่ไหน คุณก็ยังต้องเผชิญกับกลิ่นที่น่ารังเกียจที่สุดในโลก

6.ปลาร้า ปลาร้าเป็นปลาที่เกิดขึ้นจากภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศไทย ซึ่งเป็นส่วนผสมของอาหารไทยยอดนิยมหลายอย่าง เช่น ส้มตำปลาร้า และมีจำหน่ายทั่วไปในทุกซูเปอร์มาร์เก็ตและร้านสะดวกซื้อ

ปลาร้าทำจากปลาตัวเล็กทั้งตัว รวมถึงปลาชนิดหนึ่ง ปลาจะถูกใส่ในภาชนะ เติมเกลือ จากนั้นจึงพักไว้หลายเดือนเพื่อให้เกิดการหมัก เมื่อเสร็จสิ้นแล้วจะกรองส่วนผสมที่ได้จนเหลือน้ำสีน้ำตาลใส ซึ่งอุดมไปด้วยสารอาหารและกลิ่นหอมแรง น้ำปลานี้เต็มไปด้วยสารอาหารและแร่ธาตุสำคัญที่พบในปลาและอวัยวะของปลา รวมถึงไอโอดีนและสารอื่นๆ ที่บำรุงต่อมไทรอยด์ และวิตามิน A และ D ปลาร่ายังเป็นอาหารที่ปราศจากกลูเตนตามธรรมชาติ

หากคุณรับประทานอาหารโซเดียมต่ำหรือกังวลเกี่ยวกับการบริโภคโซเดียม คุณอาจต้องการจำกัดการบริโภคปลาร้า เนื่องจากน้ำปลามีโซเดียมสูง และหากคุณต้องการลดกลิ่นของน้ำปลา การเติมน้ำมะนาวเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด