BIFW2024 ประกาศศักดาแฟชั่นวีคอันดับ 1 ของไทยกับ 15 แฟชั่นโชว์จากดีไซเนอร์ชั้นนำ

จบไปแล้วอย่างสวยงามกับงานแฟชั่นโชว์สุดยิ่งใหญ่อย่าง Siam Paragon Bangkok International Fashion Week 2024 (BIFW2024) ณ ห้างสรรพสินค้า สยามพารากอน ตั้งแต่วันที่ 2 – 6 ตุลาคม 2567 ที่ผ่านมา เป็นการประกาศศักดาว่าวงการแฟชั่นของประเทศไทยได้พัฒนาไปไกล และมีศักยภาพที่จะทำให้ประเทศไทยก้าวสู่ผู้นำ และเป็นศูนย์กลางแห่งแฟชั่นของโลกได้เช่นกัน กับ 15 แฟชั่นโชว์จากดีไซเนอร์ชั้นนำ พร้อมทั้งดารา ศิลปิน คนดัง เซเลบ รวมพลเหล่าสายแฟชั่นอย่างคับคั่งทั้งบนรันเวย์ และฟรอนท์โรว์

Siam Paragon Bangkok International Fashion Week 2024 ครั้งนี้มาภายใต้คอนเซ็ปต์  “Envision the Future” ขับเคลื่อนแฟชั่นไทยสู่มิติแห่งอนาคต ผนึกกำลังด้วยเหล่าพันธมิตรใน Ecosystem อุตสาหกรรมไทยอันแข็งแกร่งเพื่อสร้างประสบการณ์อันยิ่งใหญ่สู่สากล โดยนำการนำเสนอคอลเลคชั่นล่าสุดจาก 15 แบรนด์ชั้นนำอย่าง Absolute Siam x Dry Clean Only x AJOBYAJO, ASAVA, FLYNOW, 27FRIDAY, ISSUE presented by GC, KLOSET, Leisure Projects presented by CITIZEN, MOO Bangkok, NAGARA, PAINKILLER Atelier, POEM presented by MERZ AESTHETICS, TandT presented by TAT และ VICKTEERUT เป็น 13 แบรนด์ชั้นไทยระดับแนวหน้าของประเทศไทย พร้อมเสริมทัพด้วยดีไซเนอร์ระดับตำนานแห่งเกาหลี LIE SANGBONG (ลี ซางบอง)  และ FRIENDS OF SHANGHAI TANG แบรนด์แฟชั่นชั้นนำจากฮ่องกง เป็นอีก 2 แบรนด์ที่จะมาช่วยสร้างสีสันให้กับแฟชั่นโชว์ครั้งนี้

จากที่ได้ดูโชว์ในแต่ละแบรนด์ตั้งแต่วันที่ 2 – 6 ตุลาคม 2567 ที่ผ่านมาในทุกแบรนด์ได้ใส่ใจในเรื่องที่ว่าอุตสาหกรรมสิ่งทอสร้างขยะล้นโลก เป็นการใส่ใจ และส่งเสริมพัฒนาอุตสาหกรรมแฟชั่นให้ยั่งยืนมีจริยธรรม เพื่อลดผลกระทบต่อปัญหาสิ่งแวดล้อม และแก้ปัญหาขยะสิ่งทอล้นโลก ซึ่งฟาสต์แฟชั่นมีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมอย่างมากในปัจจุบัน หลายแบรนด์ต่างๆ ได้ปรับตัวสร้างสรรค์ผลงานคอลเลคชั่นที่สามารถมิกซ์แอนด์แมทช์ใส่ได้ในชีวิตจริงมากขึ้น ลดความแปลก เข้าถึงยากลง แต่ยังคงเอกลักษณ์ของตัวเอง พร้อมทั้งเสนอโชว์ออกมาในแง่ทางศิลปะได้ดีอยู่เช่นเดิม เสริมด้วยเรื่องราวความเป็นมาของเสื้อในคอลเลคชั่นมาทดแทน ทำให้ความน่าสนใจยังคงเดิม และในหลายๆ แบรนด์ใส่เอกลักษณ์ความเป็นไทยลงไปในผลงานเป็นการยกระดับสร้างแรงขับเคลื่อนให้ทั่วโลกได้รู้ว่าคนไทยไม่แพ้ชาติใดในโลก

 โดยวันแรก 2 ตุลาคม 2567 เปิดตัวอย่างยิ่งใหญ่ด้วยโชว์จาก LIE SANGBONG (ลี ซางบอง) ดีไซเนอร์ระดับตำนานแห่งเกาหลีที่หยิบเอาความงามของสถาปัตยกรรมเกาหลีดั้งเดิมผสานเข้ากับความงามอันละเอียดอ่อนของแฟชั่นสมัยใหม่มาอวดโฉมผ่านคอลเลคชั่น “Coexistence: Architecture & Humanity” ในโชว์สุดตระการตากับคอนเซ็ปต์ “Magic Mirror” ขอบอกเลยแบรนด์นี้เป็นเอกลักษณ์มาก ผสมผสานได้อย่างลงตัวสุดๆ

ก่อนต่อด้วยโชว์จาก Absolute Siam x Dry Clean Only x AJOBYAJO การคอลลาบอเรชั่นครั้งพิเศษของ Absolute Siam มัลติแบรนด์สโตร์ที่รวบรวมความสร้างสรรค์แห่งสตรีทแฟชั่นไทย กับสตรีทแวร์สัญชาติไทยชื่อดัง Dry Clean Only และแบรนด์เกาหลีที่กำลังมาแรงอย่าง AJOBYAJO ที่พาทุกคนไปฟังเสียงดนตรี สัมผัสหัวใจ และสวมใส่จิตวิญญาณ ผ่านคอลเลคชั่น “Our Melodies” นำเสนอสตรีตแวร์ที่มีกลิ่นอายของวัฒนธรรมดนตรีร็อกแอนด์โรลในตำนาน

 

ต่อมาในวันที่ 3 ตุลาคม 2567 ตอกย้ำความเป็นที่สุดแห่งเวทีแฟชั่น กับ TandT presented by TAT โดย ธนาวุฒิ ธนสารวิมล ที่พาผู้ชมไปท่องราตรีในโลกแห่งจินตนาการยามค่ำคืนในคอลเลคชั่น Autumn Winter 2024                       “My Sleepy Bedtime Friends / In The Middle Of The Night” นำเสนอเรื่องราวของนักมายากลที่ชวนให้ทุกคนต้องมนต์และเดินทางไปในห้วงแห่งความฝัน ด้วยสไตล์ชุด และคอนเซ็ปต์ที่ลงตัวจึงทำให้ได้รับความสนใจอย่างล้นหลาม

ตามด้วยโชว์จาก Friends of SHANGHAI TANG” แบรนด์ระดับแนวหน้าจากฮ่องกง ที่เฉลิมฉลองครบรอบ 30 ปีของแบรนด์ด้วย เป็นคอลเลคชั่นพิเศษออกแบบโดย Joe Li สะท้อนสุนทรียศาสตร์แห่งเอเชียสมัยใหม่ ความงามแบบร่วมสมัย และความหรูหราเหนือกาลเวลา ภายใต้แนวคิด “Extraordinary Every Day”

ก่อนส่งท้ายค่ำคืนที่สองด้วยแบรนด์ KLOSET โดยสองดีไซเนอร์ มลลิกา เรืองกฤตยา และ ณัฏฐ์ มั่งคั่ง พาทุกคนหลีกหนีความวุ่นวายออกไปพักผ่อนใน Kloset Hotel พร้อมคอลเลคชั่น “Back to Rehab” นำเสนอเสื้อผ้าที่ตอบโจทย์ทุกโอกาส ตั้งแต่ตื่นนอนจนพลบค่ำ ผสานกลิ่นอายช่วงปี 1970’s เพื่อรีชาร์จพลังงานให้กลับมาด้วยความสดใสและสร้างสรรค์ อยากจะบอกว่าปีนี้ชอบคอลเลคชั่นที่ KLOSET นำเสนอ รู้สึกถึงการปรับเปลี่ยน แต่ยังคงเอกลักษณ์ของตัวเอง ทำได้ดีจริงๆ

เข้าสู่วันที่ 4 ตุลาคม 2567 ยิ่งทวีความร้อนแรงมากขึ้นกับโชว์จาก “ISSUE presented by GC” โดย ภูภวิศ กฤตพลนารา มาพร้อมคอลเลคชั่น “SAMSARA” Autumn/Winter 2024 ที่นำแนวคิดเรื่องวัฏจักรแห่งชีวิตตามปรัชญาพุทธศาสนา “ปฏิจจสมุปบาท” หรือวงล้อแห่งการเกิดดับ (Wheel of Life) มาถ่ายทอดผ่านคอนเซปต์ “กาล” สะท้อนภาพรวมของชีวิตที่เต็มไปด้วยทั้งสุขและทุกข์อย่างกลมกลืน ทั้งยังจับมือกับ GC หรือ บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำ กัด (มหาชน) เผยคอลเลคชั่นพิเศษที่นำผ้า Upcycling มาสร้างสรรค์ ต่อยอดจากการอนุรักษ์และพัฒนาพื้นที่คุ้งบางกระเจ้า ท่ามกลางบรรยากาศของโชว์อันเปี่ยมพลัง ขับกล่อมด้วยบทเพลงหมอลำร่วมสมัย

ต่อด้วย POEM presented by MERZ AESTHETICS โดยดีไซเนอร์มากฝีมือ ชวนล ไคสิริ กับคอลเลคชั่น “The Song of the Sirens” ที่นำแรงบันดาลใจจากตำนาน “Sirens and the Sailor” มานำเสนอเป็นซิมโฟนีแห่งการแต่งกาย ผสานความงามอันเย้ายวนเข้ากับความแข็งแกร่ง สะท้อนถึงหนุ่มสาวยุคใหม่ในหลากหลายมิติ สะกดทุกสายตาโดยเหล่านายแบบนางแบบหลากหลายวัย เพศ สรีระ และรูปลักษณ์ กว่า 97 ชีวิต เพื่อสะท้อนความหลากหลายและงดงามในแบบฉบับของตัวเอง

วันที่ 5 ตุลาคม 2567 ยังคงสร้างความตื่นตาตื่นใจให้กับคนรักแฟชั่นกับ PAINKILLER Atelier โดย สิริอร เฑียรฆประสิทธิ์ ในคอลเลคชั่น Autumn/Winter 2024 “Hilltribe Residency” ซึ่งนำเสนอการผสมผสานเครื่องแต่งกายของกลุ่มชาติพันธุ์ต่าง ๆ บนภูเขาทางภาคเหนือของไทยเข้ากับแฟชั่นแบบ Urban และ Streetwear เพื่อเผยแพร่ความหลากหลายทางวัฒนธรรม โชว์นี้มีหนุ่ม ๆ คนดังมากมายร่วมอวดลุคบนแกรนด์รันเวย์

ต่อด้วยโชว์จาก NAGARA แบรนด์ไทยระดับตำนานกับการนำเสนอคอลเลคชั่น “Timeless Threads: Silk Stories” ที่สร้างสรรค์ขึ้นเพื่อเฉลิมฉลองศิลปะการมัดย้อมไหมแบบดั้งเดิมของญี่ปุ่นอันงดงามด้วยลวดลายที่บอกเล่าเรื่องราวของธรรมชาติ วัฒนธรรม และงานฝีมือสุดประณีต เปี่ยมเอกลักษณ์ความพลิ้วไหวและแฝงด้วยความหมาย

ด้าน ASAVA โดย พลพัฒน์ อัศวะประภา จัดโชว์สุดตระการตาด้วยการเนรมิตสวนแสนเก๋บนรันเวย์ อวดโฉมคอลเลคชั่นที่เผยตัวตนของแบรนด์ผ่านมุมมองใหม่ สะท้อนแก่นแท้ของผู้หญิงด้วยดีไซน์เรียบโก้แสนคลาสสิก ทว่าเปี่ยมเสน่ห์และชีวิตชีวา เป็นความสง่างามที่รวมเข้ากับความทันสมัยได้อย่างโดดเด่น ซึ่งเป็นคอลเลคชั่นที่สร้างความประทับใจมาก ทุกอย่างลงตัวครบถ้วนตราตรึงในความทรงจำมากๆ

ส่งท้ายค่ำคืนที่ 4 กับ VICKTEERUT โดย อรประพันธ์ สุทธินรเศรษฐ์ นำเสนอคอลเลคชั่น “Eclipse” โดยนำเอาเหตุการณ์สุริยุปราคามาตีความในมุมมองของความรัก ถ่ายทอดผ่านซิลลูเอตของเสื้อผ้าที่ดูคม สะอาดตา เด่นที่รูปทรงเรขาคณิตบนคัตติ้งของเสื้อผ้า การจับจีบ และวัสดุตกแต่ง รวมถึงการเจาะตาไก่และการประดับลูกบอลกลมสีเมทัลลิค อวดโฉมในโชว์ที่สร้างบรรยากาศยามเงาของสุริยุปราคาเคลื่อนลงมาปกคลุมทุกสิ่งให้ตกอยู่ในความมืดและเงียบงันได้อย่างน่าทึ่ง

วันที่ 6 ตุลาคม 2567 ส่งท้าย BIFW2024 อย่างยิ่งใหญ่ ด้วยโชว์จาก Leisure Projects presented by CITIZEN โดย ณัฐพล กนกวลีวงศ์ ที่เปลี่ยนแกรนด์รันเวย์เป็นปาร์ตี้บนชายหาดกับคอลเลคชั่น Autumn/Winter 2024 ในคอนเซปต์ “Dancing Under the Moonlight” นำแรงบันดาลใจจาก Fullmoon Party อันโด่งดังของเกาะพงัน มาถ่ายทอดเป็นคอลเลคชั่นฤดูหนาวในสไตล์ทรอปิคอล ที่เปี่ยมด้วยความสร้างสรรค์ การเฉลิมฉลอง เเละความสนุกสนาน พร้อมเติมเต็มลุคด้วย CITIZEN Tsuyosa Collection นาฬิกาสไตล์คลาสสิคในสีสันร่วมสมัย

 

ต่อด้วย MOO Bangkok โดย พลพัฒน์ อัศวะประภา มาด้วยคอลเลคชั่น “MOO Bangkok Autumn/Winter 2024” สะท้อนความเป็น Urban Casual อันเป็นเอกลักษณ์ของแบรนด์ ถ่ายทอดบรรยากาศความมีชีวิตชีวาสไตล์ Countryman ที่รวมความเป็นชายในแบบฉบับของ MOO Bangkok ได้อย่างสมบูรณ์แบบ โดยผสมผสานกลิ่นอายของสไตล์ Preppy, Vintage และ Uniform เข้าด้วยกัน เกิดเป็นเสื้อผ้าที่เรียบง่ายแต่มีเสน่ห์ พร้อมแฝงความขี้เล่นและความเท่แบบร่วมสมัยที่สามารถใส่ได้ในทุกวัน

ด้าน 27FRIDAY ออกแบบโดย ชนะชัย จรียะธนา นำเสนอ “WE ARE ALL HUMAN” คอลเลคชั่นเพื่อเฉลิมฉลองครบรอบอายุ 60 ปี ของดีไซเนอร์เจ้าของแบรนด์ ชนะชัย จรียะธนาและครบรอบ 35 ปีในการเดินทางสายอาชีพนักออกแบบเสื้อผ้า โดยนำประสบการณ์และเรื่องราวการเดินทางของชีวิตในวงการแฟชั่นที่ผ่านมา มานำเสนอเป็นโชว์ที่บอกกับทุกคนว่า “แฟชั่น” ไม่จำกัดเพศของคนใส่ “แฟชั่น” ไม่คำนึงถึงวัยของคนใส่ และ “แฟชั่น” ไม่แบ่งแยกฐานะของคนใส่ เพื่อสื่อว่าทุกคนต่างมีคุณค่าในตัวของตัวเองมีเอกลักษณ์ และเรื่องราวในชีวิตที่พบเจอจนก่อเกิดบุคลิก นิสัย และความเป็นมนุษย์ของแต่ละคน เหมือนกับเสื้อผ้าทุกชิ้นบนตัวเราที่เกิดจากการเลือก ผ่านประสบการณ์ความชอบและรสนิยม จนสร้างสรรค์เป็นสไตล์การแต่งตัวที่ทุกคนต่างแสดงตัวตนความเป็น “มนุษย์” ของตัวเอง

 

ส่งท้ายค่ำคืนสุดท้ายของ BIFW2024 อย่างยิ่งใหญ่ด้วยแบรนด์ FLYNOW โดย สมชัย ส่งวัฒนา โชว์ครั้งนี้นำเสนอคอลเลคชั่น “LIFE” ที่สะท้อนภาพของชีวิตผ่านโครงสร้าง งานศิลปะ และศาสตร์ในการทำแพทเทิร์น ตามแบบฉบับของ FLYNOW เปรียบเสมือนการผสมผสานระหว่างความงามของศิลปะ และความซับซ้อนของชีวิตที่ถูกถ่ายทอดออกมาในรูปแบบของแฟชั่นอันทรงพลังที่จะตราตรึงในใจของผู้ชมไปตลอดกาล

 

แฟชั่นคือศิลปะแห่งการออกแบบ ตัวเราก็เหมือนหุ่น หรือไม้แขวนเสื้อ เป็นคนคิด ออกแบบ สร้างสรรค์ ว่าในแต่ละวันจะใส่อะไร มีจุดประสงค์อย่างไรในการสวมใส่เสื้อผ้าต่างๆ เพราะฉะนั้นขอให้คุณมั่นใจในความคิด และการเลือกลุคที่ตัวคุณใส่ในทุกๆ วัน ใครจะมองว่ายังไงก็ตาม จะชื่นชมหรือมองว่าแปลก ก็ขอให้คุณมั่นใจเข้าไว้ แต่อย่าลืมที่จะแต่งตัวในถูกกาลเทศะในแต่ละวาระ และโอกาสด้วยน้า แล้วเจอกันใหม่กับ Siam Paragon Bangkok International Fashion Week 2025 (BIFW2025)

 

 

Tuyên bố từ chối trách nhiệm: Bản quyền của bài viết này thuộc về tác giả gốc. Việc đăng lại bài viết này chỉ nhằm mục đích truyền tải thông tin và không cấu thành bất kỳ lời khuyên đầu tư nào. Nếu có bất kỳ hành vi vi phạm nào, vui lòng liên hệ với chúng tôi ngay lập tức. Chúng tôi sẽ sửa đổi hoặc xóa bài viết. Cảm ơn bạn.