รับมือพฤติกรรมเด็กเมื่อพาออกนอกบ้าน เพราะลูกคุณไม่ได้น่ารักสำหรับทุกคน
ปัญหาเด็กเหวี่ยงวีน อาละวาด ก้าวร้าว ดื้อ ซน หรือร้องไห้กระจองอแงไม่หยุดเมื่อพ่อแม่พาออกนอกบ้าน เป็นปัญหาที่สร้างความหนักใจให้กับบรรดาพ่อแม่ที่มีลูกอยู่ในวัยกำลังโตอยู่เสมอ ซึ่งปัญหานี้ไม่ใช่เรื่องเล็ก การที่เด็กทำพฤติกรรมไม่น่ารักตอนอยู่นอกบ้าน นอกจากจะสร้างความเดือดร้อนรำคาญใจให้กับคนอื่น ๆ แล้ว ยังสะท้อนให้เห็นถึงศักยภาพของคนเป็นพ่อเป็นแม่ที่ไม่สามารถควบคุมดูแลลูกของตัวเองได้ เพราะถึงแม้คนอื่น ๆ เขาจะรำคาญและไม่พอใจตัวเด็กที่แสดงพฤติกรรมไม่พึงประสงค์ ทว่าคนที่พวกเขาจะต่อว่าหาใช่ตัวเด็ก เป็นพ่อแม่ของเด็กต่างหาก พวกเขาจะเข้าใจว่าพ่อแม่ไม่ดูแล ไม่มีความสามารถในการดูแล หรือพ่อแม่ไม่รู้จักอบรมสั่งสอนมากกว่า
เพราะเชื่อได้เลยว่าคนอื่น ๆ เอง เขาก็พยายามจะเข้าใจว่ามันเป็นธรรมชาติของเด็กที่จะดื้อ ซน เอาแต่ใจ ร้องไห้งอแง พูดไม่ฟัง หรือเหวี่ยงวีนก้าวร้าวเมื่อถูกขัดใจ สิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นได้กับเด็กที่ยังไม่มีวุฒิภาวะ ไม่รู้อะไรผิดอะไรถูก แต่สิ่งที่คนอื่น ๆ ไม่เข้าใจก็คือ ทำไมผู้ใหญ่ถึงไม่คิดจะทำอะไรเลยเพื่อแก้ปัญหา คนเป็นพ่อเป็นแม่ไม่คิดจะห้ามปราม สั่งสอน หรือควบคุมดูแลลูกบ้างเลยหรือ ยิ่งเด็กแสดงพฤติกรรมไม่น่ารักมากเท่าไร ก็ยิ่งชี้ให้เห็นถึงความบกพร่องในการทำหน้าที่พ่อแม่และความผิดพลาดในการเลี้ยงลูก เพราะปัจจัยหนึ่งที่สนับสนุนให้เด็กเป็นคนเอาแต่ใจ พูดยาก พูดอะไรก็ไม่เชื่อฟัง ก้าวร้าว ก็คือถูกเลี้ยงมาแบบตามใจจนเคยตัว ไม่ค่อยมีใครคอยอบรมสั่งสอนนั่นเอง
การพาเด็กออกนอกบ้าน จึงเป็นภาระของพ่อแม่ที่ต้องรับผิดชอบ ยิ่งถ้าเด็กแสดงพฤติกรรมที่สร้างความเดือดร้อนให้คนอื่น พ่อแม่ต้องรับมือให้ได้ คุมลูกให้อยู่ รับผิดชอบต่อสิ่งที่เกิดขึ้น เพราะมันไม่ใช่เรื่องที่คนอื่นจะต้องมารู้สึกหงุดหงิดกับพฤติกรรมของเด็กในความดูแลของคุณ หรือต้องอดทนกับพฤติกรรมของเด็กที่ไหนก็ไม่รู้ ทั้งที่เขาก็อยู่กันดี ๆ แบบที่ใครหลายคนมักพูดว่า “ลูกคุณไม่ได้น่ารักสำหรับทุกคน” อย่างไรก็ตาม พ่อแม่จะมาบอกกับสังคมว่า “ไม่มีลูกไม่รู้หรอก” ไม่ได้ด้วย เพราะถ้าคิดจะมีลูก ต้องทำหน้าที่พ่อแม่ให้ดี ลูกของตัวเอง ต้องดูแลให้ได้ ดังนั้น เมื่อจะพาลูกออกนอกบ้าน พ่อแม่จะต้องทำอย่างไร เพื่อไม่ให้เกิดปรากฏการณ์ “ลูกคุณไม่ได้น่ารักสำหรับทุกคน”
สอนเรื่องมารยาท กฎ ระเบียบ ข้อตกลงในที่สาธารณะ
พ่อแม่ควรจะสอนให้ลูกเข้าใจตั้งแต่เด็กเริ่มเข้าสู่วัยของการเรียนรู้ หรือก็คือเมื่อเด็กเริ่มพูดรู้เรื่อง เพราะเรื่องมารยาท ระเบียบวินัย และกฎกติกา เป็นเรื่องที่ต้องอบรมกันตั้งแต่อยู่ที่บ้าน เด็กจำเป็นต้องรู้ก่อนจะเข้าไปอยู่ในสังคมที่ใหญ่ขึ้น ขึ้นชื่อว่าเด็กยังไร้เดียงสา ไม่รู้ว่าสิ่งที่ตนทำไม่ถูกต้อง หรืออาจทำให้คนอื่นรู้สึกไม่ดี ทำในบ้านอาจไม่เป็นไรเพราะไม่เคยมีใครว่า แต่ทำนอกบ้านไม่ได้ ซึ่งหากทำผิดกติกา ทุกสังคมจะมีบทลงโทษ เพื่อควบคุมคนจำนวนมากที่อยู่ร่วมกัน ส่วนเรื่องของมารยาทต่าง ๆ จะทำให้เด็กน่ารัก น่าเอ็นดู ช่วยสร้างเสน่ห์ให้กับเด็ก ๆ เป็นที่รักของรอบข้าง ในการสอน พ่อแม่อาจต้องทำให้เห็นเป็นตัวอย่างมากกว่าจะพูดปากเปล่า เพราะเด็กจะเลียนแบบพฤติกรรมมากกว่าฟัง
ตกลงเรื่องความประพฤติก่อนออกจากบ้าน
ก่อนที่จะพาเด็กออกนอกบ้าน พ่อแม่ควรสำรวจความพร้อมของลูกก่อนว่าพร้อมจะออกไปเรียนรู้การใช้ชีวิตในที่สาธารณะแล้วหรือยัง เด็กพูดรู้เรื่องแล้วแค่ไหน ควบคุมตัวเองได้แค่ไหน และพ่อแม่สามารถดูแลลูกได้แค่ไหน ถ้าเด็กยังไม่พร้อมหรือพ่อแม่ยังคุมลูกไม่ได้ ก็อย่าเพิ่งพาออกไปโดยไม่จำเป็น จนกว่าจะแน่ใจว่าควบคุมลูกได้ ในกรณีที่เด็กเริ่มพูดรู้เรื่อง พ่อแม่อาจมีข้อตกลงกับลูกก่อนว่าต้องไม่ทำตัวแบบไหนเวลาอยู่ต่อหน้าคนอื่น สอนว่าพฤติกรรมไหนเป็นพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมเวลาอยู่ในที่สาธารณะ เพราะมันสร้างความเดือดร้อนรำคาญใจให้คนอื่น แล้วถ้าเด็กทำผิดข้อตกลง จะมีบทลงโทษอย่างไร พูดคุยให้เข้าใจด้วยเหตุผลไม่ใช่ข่มขู่ เด็กจะเข้าใจได้หากเป็นข้อตกลงที่ชัดเจน
ต้องมีวิธีรับมือสถานการณ์เด็กที่งอแง ดื้อ ซน เหวี่ยงวีนอาละวาด
ถ้าจะพาเด็กออกนอกบ้าน โดยที่ทราบดีว่าด้วยความเป็นเด็ก ก็อาจแสดงพฤติกรรมไม่พึงประสงค์ต่อหน้าคนอื่น พ่อแม่ก็ต้องมีวิธีรับมือหากเกิดเหตุการณ์นั้นขึ้น ซึ่งพ่อแม่แต่ละคนก็มีวิธีที่แตกต่างกันออกไป และเด็กแต่ละคนก็ตอบสนองต่อวิธีเหล่านั้นไม่เหมือนกันด้วย เด็กดื้อ ซน พ่อแม่อาจห้ามปรามดี ๆ ก่อน ถ้าไม่หยุดจะถูกลงโทษ หรือดุแบบมีเหตุผล (อย่าโบ้ยให้คนรอบข้าง เช่น เดี๋ยวให้พี่เขาตีนะ) เด็กที่ร้องไห้งอแง กรีดร้อง อาจใช้วิธีกอดปลอบ เบี่ยงเบนความสนใจ หรือเมินเฉย หากตอบสนองทันที เด็กจะรู้ว่าวิธีนี้ต่อรองกับพ่อแม่ได้ แต่ก็ต้องคำนึงด้วยว่านิ่งเฉยในสถานการณ์ไหนได้บ้าง เพราะคนอื่นเขาจะรำคาญ ทั้งนี้ทั้งนั้น ไม่สนับสนุนความรุนแรง ทั้งทางวาจาและทางกาย
อย่าปล่อยปละละเลยเด็กเหมือนเด็กไม่มีพ่อไม่มีแม่
หลายคนน่าเจอเหตุการณ์ลักษณะนี้บ่อย เวลาที่เจอเด็กกรีดร้องอาละวาด งอแง ดื้อ หรือซนมาก ๆ แต่ไม่มีใครแสดงตัวว่าเป็นพ่อแม่เข้ามาควบคุมสถานการณ์ที่คนอื่นเดือดร้อนกันถ้วนหน้า จนต้องตั้งคำถามว่า “พ่อแม่เด็กอยู่ไหนเนี่ย” หรือ “พ่อแม่ทำอะไรอยู่ ทำไมปล่อยลูกแบบนี้” บอกเลยว่าเป็นการบกพร่องหน้าที่พ่อแม่ขั้นสุด และเป็นการกระทำที่น่ารังเกียจ ไร้ความรับผิดชอบมาก เพราะพ่อแม่ไม่ควรจะปล่อยให้เด็กที่ยังควบคุมอารมณ์ตนเองไม่ได้อยู่ตามลำพัง รวมถึงไม่ควรจะปล่อยให้เด็กแสดงพฤติกรรมที่สร้างความเดือดร้อนแบบนี้ในที่สาธารณะ ถ้าคุมหรือดูแลลูกไม่ได้ ก็อย่าพาออกจากบ้าน คนอื่นเขาไม่ได้เอ็นดูลูกคุณหรอก
ถ้าเริ่มคุมสถานการณ์ไม่ได้ รู้จักพูดขอโทษก็ยังดี
ก่อนจัดการกับลูกที่งอแง ดื้อ ซน หรืออาละวาด อีกสิ่งที่พ่อแม่ควรจะทำก็คือ ขอโทษคนรอบข้างที่สร้างความเดือดร้อนให้ จริง ๆ แล้วคนส่วนใหญ่เข้าใจธรรมชาติของเด็กอยู่แล้ว ว่าเรื่องดื้อ ซน งอแง พูดไม่ฟัง เป็นเรื่องปกติ แต่สิ่งที่ทำให้หลายคนไม่พอใจ คือการที่พ่อแม่ไม่รับผิดชอบการกระทำของลูกตัวเองที่มันสร้างความรำคาญใจให้คนอื่น บางคนนิ่งเฉยปล่อยลูกเต็มที่ ตัวเองนั่งคุยกันไม่ก็นั่งเล่นมือถือ บางคนก็เรียกชื่อลูกพอเป็นพิธีว่าสนใจนะดุนะแต่เด็กไม่ฟัง ดังนั้น ในสถานการณ์ที่คนรอบข้างไม่พอใจสุดขีดแล้วตนเองแก้ไขอะไรไม่ได้ แค่พูดขอโทษอย่างจริงใจก็ยังดี ช่วยให้สถานการณ์ดีขึ้นมากทีเดียว ทั้งยังเป็นแบบอย่างในการสอนลูกด้วยว่าถ้าทำผิด มีคนเดือดร้อน เราต้องรู้จักขอโทษ
Tuyên bố từ chối trách nhiệm: Bản quyền của bài viết này thuộc về tác giả gốc. Việc đăng lại bài viết này chỉ nhằm mục đích truyền tải thông tin và không cấu thành bất kỳ lời khuyên đầu tư nào. Nếu có bất kỳ hành vi vi phạm nào, vui lòng liên hệ với chúng tôi ngay lập tức. Chúng tôi sẽ sửa đổi hoặc xóa bài viết. Cảm ơn bạn.