ลุย!! เยาวชนไทยเล็งคว้าชัย ศึกรถแข่งจิ๋วชิงแชมป์โลก
เมื่อปีที่ผ่านมา “กินรี เรสซิ่ง” สามารถสร้างชื่อเสียงให้กับประเทศไทยด้วยการคว้ารางวัลสำคัญคือ “Sustainability Award” รางวัลการใช้พลังอย่างยั่งยืน พร้อมอันดับการทำความเร็วในลำดับที่ 3 ในการแข่งขัน The F1 in School ประเทศอังกฤษ แม้จะแข่งขันเป็นปีแรก ในปีนี้พวกเขาได้รับเลือกเป็นตัวแทนประเทศอีกครั้งและหวังจะคว้าอันดับ 1 มาฝากคนไทย
อะไรคือ The F1 in School?
The F1 in School เป็นการแข่งขันระดับนานาชาติสำหรับเยาวชนอายุ 12-19 ปี โดยเป็นการรวมกลุ่ม 3-6 คน โดยจะเป็นการการพัฒนาองค์ความรู้ทางด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี วิศวกรรมศาสตร์ และคณิตศาสตร์ ของนักเรียนเพื่อนำมาใช้ในการออกแบบและสร้างสรรค์รถแข่งขนาดเล็ก F1 ที่เร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ สิ่งสำคัญหลักๆในการออกแบบและประดิษฐ์รถแข่ง F1 ก็คือการใช้ความรู้ในการคำนวณพลศาสตร์ของไหลหรือ CFD เพื่อจำลองแรงต้านของอากาศ โดยการแข่งขันมีการจัดขึ้นเป็นครั้งแรกเมื่อปี 1999
กินรี เรสซิ่ง เด็กไทยที่นำความเร็วก้าวไกลในระดับโลก
เมื่อปี 2022 ที่ผ่านมา กินรี เรสซิ่ง ตัวแทนเยาวชนไทยในระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 จากโรงเรียนนานาชาติสิงคโปร์ (Singapore International School of Bangkok : SISB) และโรงเรียนนานาชาติโชรส์เบอรี (Shrewsbury International School) ได้รับคัดเลือกเป็นตัวแทน 1 ใน 2 ของประเทศไทยในการเข้าร่วมการแข่งขัน Formula 1 (F1) in Schools Challenge รอบ World Final ครั้งที่ 17 ร่วมกับทีมเยาวชนนานาชาติ 40 ทีมจาก 26 ประเทศ ในวันที่ 12 กรกฎาคม 2565 ณ เมืองซิลเวอร์สโตน นอร์แธมป์ตันเชอร์ ประเทศอังกฤษ
กว่าที่เยาวชนทีมนี้จะเข้าแข่งขันได้พวกเขาต้องแสดงศักยภาพในการออกแบบ การผลิตโดยใช้คอมพิวเตอร์ ความรู้ทางด้านการคำนวณพลศาสตร์ของไหล รวมไปถึงความรู้ด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ อีกทั้งยังต้องทำการโฆษณาประชาสัมพันธ์เพื่อระดมทุนเป็นค่าใช้จ่ายในกิจกรรมด้วยตัวเองทั้งหมด ในวัยเพียง 12-19 ปี!!
ผลการแข่งขันในปีที่แล้ว จากการผลิตรถ F1 ขนาดเล็กที่โดดเด่นเกินวัยนี้ทำให้ทีม กินรี เรสซิ่ง รั้งอันดับที่ 3 ในหมวดเวลารวมของการแข่งรถและอยู่ในลำดับที่ 9 ในการเข้ารอบคัดเลือกและได้รับเข้ารอบน็อคเอาท์ 16 ทีมสุดท้าย ซึ่งท้ายที่สุดแล้วทีมที่ได้รับรางวัลชนะเลิศคะแนนรวมคือทีมไฮดรอน (Hydron) จากประเทศออสเตรเลีย
ด้านผู้จัดการทีม จิรัชย์ พัวพงษ์พันธ์ หรือ จิจิ ได้พูดถึงประสบการณ์การแข่งขันครั้งนั้นว่า
"การได้เห็นความคิดสร้างสรรค์และพรสวรรค์จากทีมเยาวชนจากต่างประเทศก็ทำให้เราอยากพัฒนาตัวเองให้เก่งขึ้นด้วย"
ส่วน โทนี่ แสงสุพรรณ ดีไซน์ เอนจิเนียร์ของทีมได้กล่าวเสริมว่า
" ได้เรียนรู้นอกเหนือไปจากงานออกแบบและพัฒนารถก็คือการได้เรียนรู้วัฒนธรรมของผู้เข้าแข่งขันทีมอื่น ซึ่งถือเป็นการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมกัน"
ส่วนในปีนี้มีสมาชิกใหม่เข้าร่วมเสริมทัพความแข็งแกร่งนำโดย จิรนุช ชัยพัฒน์ธนกิจ หรือ จิ๊บ ที่เข้ามาทำหน้าที่ผู้จัดการฝ่ายตลาดและฝ่ายโซเชียลมีเดีย ได้มองถึงการเข้ามาร่วมทีมในครั้งนี้ว่า
“หน้าที่สำคัญของหนูก็คือการติดต่อหาสปอนเซอร์และพาร์ทเนอร์ตามบริษัทต่างๆ ส่วนการดูแลช่องทางในการพีอาร์ผ่านสื่อต่างๆก็ทำให้ผู้คนรู้จักทีมกินรีมากขึ้น”
เป้าหมายปีนี้ คว้าแชมป์!!
หัวหน้าทีมได้แชร์เป้าหมายเพิ่มเติมว่า ปีนี้ทางทีมได้นำบทเรียนจากปีที่แล้วกลับมาพัฒนา โดยเริ่มจากการเรียนรู้ในการแบ่งงานให้ทีมมีความสมดุลที่ดีการผลิตรถที่ความเหมาะสมลงตัวในทุกระบบคือสิ่งสำคัญที่สุดและการได้สมาชิกใหม่เพิ่มเข้ามาก็ทำให้งานออกแบบดีขึ้นและมีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยพวกเขาตั้งเป้าจะชนะรางวัล Sustainability Awards อีกครั้ง รวมถึงรางวัล Fastest Car และติดอันดับ 1 ใน 10 ของโลกด้วย
อย่างไรก็ตามพวกเขายังมีเป้าหมายที่มากกว่าการเข้าเส้นชัยเป็นอันดับ 1 ของทีม นั่นคือ การได้พัฒนาศักยภาพของตัวเอง การนำความรู้ทางวิทยาการด้านต่างๆที่ได้จากในห้องเรียนและนอกห้องเรียนไปใช้จริง จนถึงการเอาชนะใจตัวเองให้ได้ ซึ่งทั้งหมดนี้คือการเรียนรู้ที่จะทำให้พวกเขาเติบโตทางด้านจิตใจมากขึ้น
ร่วมส่งแรงใจเชียร์เยาวชนไทย "กินรี เรสซิ่ง" สร้างชื่อให้ประเทศไทยอีกครั้ง ในการแข่งขัน “F1 in School World Final 2023” ณ ประเทศสิงคโปร์ ในระหว่างวันที่ 8-15 กันยายน 2566 นี้.
Tuyên bố từ chối trách nhiệm: Bản quyền của bài viết này thuộc về tác giả gốc. Việc đăng lại bài viết này chỉ nhằm mục đích truyền tải thông tin và không cấu thành bất kỳ lời khuyên đầu tư nào. Nếu có bất kỳ hành vi vi phạm nào, vui lòng liên hệ với chúng tôi ngay lập tức. Chúng tôi sẽ sửa đổi hoặc xóa bài viết. Cảm ơn bạn.