จริงไหม? เป็นไมเกรนเสี่ยงหลอดเลือดสมองตีบ ถึงขั้นแตก
ไมเกรน (Migraine) คืออาการผิดปกติของกระแสไฟฟ้าในสมอง ส่งผลให้สารเคมีในสมองหลั่งผิดปกติ ผลลัพธ์คือหลอดเลือดที่ไปเลี้ยงสมองและเยื่อหุ้มสมองขยายตัวจนปวดศีรษะแบบตุบๆต่อเนื่อง มักจะปวดศีรษะข้างเดียว ซึ่งต่างจากอาการปวดหัวทั่วไปที่เกิดจากความเครียด (Tension Headache) ที่มีอาการปวดขมับ 2 ข้าง เหมือนมีอะไรมารัดที่ศีรษะ
ในโลกยุคปัจจุบัน ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าการใช้ชีวิตอย่างสุขสบายและมีอิสระกลายเป็นเรื่องยากขึ้นเรื่อย ๆ สำหรับคนทุกเจเนอเรชัน ไหนจะความเครียดจากงาน ปัญหาเศรษฐกิจ และภาระหน้าที่ในการดูแลครอบครัว โดยเฉพาะกลุ่ม "Sandwich Generation" หรือวัยทำงานที่ต้องเป็นเดอะแบกของครอบครัว คอยเลี้ยงดูทั้งพ่อแม่วัยชราและลูกวัยเรียน วันนี้ นพ.ภีมณพัชญ์ ธนชาญวิศิษฐ์ อายุรแพทย์ผู้ชำนาญการด้านประสาทวิทยา ศูนย์สมองและระบบประสาท รพ.วิมุต จะมาไขข้อสงสัยเรื่อง “โรคไมเกรน” พร้อมแนะวิธีป้องกันและการรักษา เพื่อให้ทุกคนเข้าใจและรับมือโรคนี้ได้อย่างถูกต้อง
มัดรวมสัญญาณเสี่ยง "ไมเกรน"
ไมเกรนมักเป็นการปวดหัวตุบ ๆ ข้างเดียว มีอาการปวดปานกลางถึงรุนแรงต่อเนื่องแต่มักไม่เกิน 3 วัน อาจมีอาการคลื่นไส้ อาเจียน ตาไม่สู้แสง หรือเห็นแสงแวบ ๆ ในตาก่อนปวด ไมเกรนมักพบในวัยรุ่น วัยทำงาน และวัยเจริญพันธุ์ เพราะเป็นวัยที่มีปัจจัยกระตุ้นมากที่สุด เช่น ความเครียด ไลฟ์สไตล์ หรือฮอร์โมน โดยไมเกรนจะพบในผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย 2-3 เท่า แต่พบได้น้อยในเด็กและกลุ่มอายุ 60 ปีขึ้นไป นพ.ภีมณพัชญ์ ธนชาญวิศิษฐ์ เล่าต่อว่า "เมื่อเป็นไมเกรนแล้ว ปัจจัยที่ทำให้โรคกำเริบของแต่ละคนจะต่างกันไปแบ่งเป็นสองกลุ่ม คือ กลุ่มปัจจัยภายใน ได้แก่ เพศหญิง, ความเครียด, การอดนอน และการออกกำลังกายหักโหม อีกกลุ่มคือปัจจัยภายนอก เช่น ความร้อน, แสงแดด, ควันบุหรี่, กลิ่นน้ำหอม, กลิ่นดอกไม้ และอาหารบางชนิด"
สำหรับความเชื่อที่ว่าคนเป็นไมเกรนเสี่ยงต่อโรคหลอดเลือดในสมองนั้น นพ.ภีมณพัชญ์ อธิบายว่า “ปัจจุบันยังไม่มีข้อสรุปทางการแพทย์ที่ยืนยันว่าไมเกรนทำให้หลอดเลือดในสมองตีบหรือเส้นเลือดในสมองแตก แต่อาจเกิดจากพฤติกรรมบางอย่าง เช่น การใช้ยาโดยไม่ปรึกษาแพทย์ เพราะยาไมเกรนบางชนิดทำให้หลอดเลือดหดตัวแล้วไม่คลายออกซึ่งทำให้เป็นโรคหลอดเลือดในสมองตีบจากยาได้ ส่วนอาการเส้นเลือดในสมองแตก มีวิจัยในปี 2013 ที่บอกว่าการปวดไมเกรนอาจเป็นการเพิ่มความเสี่ยง แต่ไม่ได้เป็นสาเหตุของโรคหลอดเลือดสมองแตกแต่อย่างใด”
รู้ปัจจัยเสี่ยง "ไมเกรน" ก็ป้องกัน-รักษาได้ไม่ยาก
ผู้ที่มีอาการเข้าข่ายโรคไมเกรน แพทย์จะช่วยหาแนวทางการรักษาที่ถูกต้อง เบื้องต้นสามารถป้องกันไมเกรนกำเริบด้วยการเลี่ยงปัจจัยกระตุ้น เช่น เลี่ยงแสงแดดและความร้อน ถ้าออกไปข้างนอกก็สวมเสื้อให้มิดชิด ใส่แว่นกันแดด และกางร่ม หรือใครที่ปวดหัวไมเกรนจากควันบุหรี่ก็ต้องอยู่ให้ห่างผู้สูบ เมื่อไมเกรนกำเริบควรอยู่ในที่เงียบ เย็น และแสงน้อย การประคบศีรษะด้วยความเย็นก็ช่วยลดอาการปวดได้ นพ.ภีมณพัชญ์ ธนชาญวิศิษฐ์ เล่าถึงการรักษาว่า "แพทย์อาจจ่ายยาป้องกันหรือควบคุมอาการปวด โดยพิจารณาให้คนที่มีอาการปวดเรื้อรัง บางคนแพทย์อาจจ่ายยากลุ่มกันชัก โรคหัวใจ ความดัน ยานอนหลับ หรือยากลุ่มซึมเศร้าบางตัวที่ช่วยป้องกันไมเกรนได้ นอกจากนี้ ปัจจุบันเรามียาป้องกันไมเกรนแบบฉีดเข้าผิวหนัง ซึ่งตัวยาจะช่วยยับยั้งสาร CGRP ที่เป็นต้นเหตุของอาการปวดหัวไมเกรน เป็นทางเลือกลดความรุนแรงและความถี่ในการปวดได้ถึงร้อยละ 50 ที่สำคัญคือสะดวกฉีด 1 เข็ม อยู่ได้นานถึง 1 เดือน"
"ใครที่มีอาการปวดหัวเรื้อรัง แนะนำให้มาพบแพทย์เพื่อหาสาเหตุของอาการให้แน่ชัด ไม่แนะนำให้ไปซื้อยากินเอง เพราะยาหลายตัวอาจมีผลข้างเคียงที่เป็นอันตรายได้ และการปวดศีรษะก็ไม่ได้มีแค่ภาวะไมเกรนอย่างเดียว จึงจำเป็นต้องหาสาเหตุและสิ่งที่กระตุ้นอาการของแต่ละคนเพื่อการรักษาอย่างเหมาะสม ยุคนี้อาจเป็นช่วงเวลาที่ยากลำบากของใครหลาย ๆ คน โดยเฉพาะกลุ่ม Sandwich Generation ที่แบกภาระหนัก แต่ทุกปัญหาก็ย่อมมีทางแก้ เหมือนโรคไมเกรนที่หากดูแลให้ดี พบแพทย์ ทานยา และรู้เท่าทันอาการ อาการก็จะค่อยๆ ดีขึ้น ตอนนี้หมดยุคของการ ‘ไม่ไหวบอกไหว’ ให้เปลี่ยนเป็น ‘ไม่ไหวไปบอกหมอแทน’ จะดีที่สุด" นพ.ภีมณพัชญ์ ธนชาญวิศิษฐ์ กล่าวทิ้งท้าย
ผู้ที่สนใจปรึกษาแพทย์โรงพยาบาลวิมุต สามารถติดต่อได้ที่ ชั้น 6 ศูนย์สมองและระบบประสาท หรือโทรนัดหมาย 02-079-0068 เวลา 08.00-17.00 น. หรือใช้บริการ Telemedicine ปรึกษาแพทย์ออนไลน์ผ่าน ViMUT App คลิก https://bit.ly/372qexX
Tuyên bố từ chối trách nhiệm: Bản quyền của bài viết này thuộc về tác giả gốc. Việc đăng lại bài viết này chỉ nhằm mục đích truyền tải thông tin và không cấu thành bất kỳ lời khuyên đầu tư nào. Nếu có bất kỳ hành vi vi phạm nào, vui lòng liên hệ với chúng tôi ngay lập tức. Chúng tôi sẽ sửa đổi hoặc xóa bài viết. Cảm ơn bạn.