หยุดยาวอยู่บ้าน ชวนกัน “จัดบ้านต้านอารมณ์เศร้า”

สำหรับคนวัยทำงาน นอกจากออฟฟิศหรือที่ทำงาน ที่คนส่วนใหญ่มักใช้เวลาประมาณ 1 ใน 3 ของวันอยู่ที่นั่นแล้ว ที่พักอาศัยก็น่าจะเป็นอีกสถานที่ที่เราใช้เวลาอยู่ด้วยมากที่สุด แม้ว่าอาจจะไม่ถึง 2 ใน 3 ตามเวลาที่เหลือ แต่หลาย ๆ คนก็น่าจะได้ใช้เวลาอยู่กับบ้านมากกว่าที่ทำงานเล็กน้อย

ทีนี้ลองย้อนกลับมาดูสภาพในที่พักอาศัยของเราดูหน่อยดีกว่า สะอาดสะอ้านน่าอยู่อาศัย หรือรกรุงรังไม่เป็นระเบียบ เนื่องจากคนวัยทำงานมักจะอ้างว่าไม่มีเวลาทำความสะอาดจัดเก็บบ้าน หลาย ๆ คนก็เข้าใจได้ การต้องทำงาน 6 วันต่อสัปดาห์ วันหยุดเพียง 1 วันขยับตัวซ้ายทีขวาทีก็หมดวันแล้ว บางคนอาจต้องทำงานทั้ง 7 วัน แล้วได้หยุดแบบสลับกันหยุดทุก ๆ 2 สัปดาห์ก็มี ในเมื่อไม่มีแม้แต่เวลาจะอยู่บ้านให้นานกว่าที่ทำงาน หลายคนก็ปล่อยบ้านให้เป็นไปตามสภาพ แหวก ๆ ดัน ๆ ให้พอมีทางเดินและที่ซุกหัวนอน เสียเวลาจัดแค่ไหนก็ไม่มีเวลาได้อยู่ชื่นชมนาน ๆ อยู่ดี

แต่รู้ไหมว่าการที่เราปล่อยให้ที่พักอาศัยของเราอยู่ในสภาพที่ไม่เป็นระเบียบ รกรุงรัง มันก็เป็นสาเหตุหนึ่งของความเครียดได้เหมือนกันแม้ว่าเราอาจจะไม่ได้สนใจมันมากก็ตาม แค่เห็นสภาพที่อยู่ที่ไม่น่าอยู่แบบนั้นมันก็ทำให้เรารู้สึกยุ่งเหยิง เครียด และว้าวุ่นใจได้แล้ว โดยผู้เชี่ยวชาญด้านการจัดระเบียบบ้านอย่างซาแมนธา แชพพิโร (Samantha Shapiro) บอกว่า “ความรกของที่อยู่อาศัย” นำมาซึ่งความวิตกกังวล ความโกรธ อารมณ์ซึมเศร้า เพราะสิ่งที่อยู่รอบตัวเราไม่ได้เอื้อให้จิตใจเรารู้สึกเบิกบาน ความรู้สึกภายในก็ยังไม่ได้รับการแก้ไข ยุ่งเหยิงไปกันใหญ่

อย่างไรก็ดี คนที่มีทั้งปัญหาสุขภาพจิตและแถมยังไม่ค่อยจะมีเวลาว่างจากการทำงาน การจะลุกขึ้นมาทำความสะอาดบ้านเป็นไม่ใช่เรื่องง่ายเสียเลย หากถึงวันหยุด คนกลุ่มนี้ขอเลือกที่จะอยู่เฉย ๆ ไม่ทำอะไร เพราะขาดแรงบันดาลใจ ไม่มีเรี่ยวแรง ง่วงเหงาหาวนอน นั่นยิ่งทำให้จิตใจรกและกระจัดกระจายไปทั่วเหมือนกับสภาพที่อยู่อาศัยที่รกรุงรังนั่นเอง พวกเขาจะรู้สึกว่าตัวเองต้องออกแรงหนักกว่าคนอื่น แม้แต่งานที่คนอื่นมองว่าเป็นเรื่องง่ายก็ตาม แต่เอาหน่อยน่ะ แค่ลองเริ่มทำดู จะรู้สึกดีขึ้น

การได้เห็นบ้านช่องสะอาด ช่วยให้สภาพจิตใจมั่นคงขึ้น

การได้เห็นบ้านช่องสะอาดสะอ้านมีส่วนช่วยให้สภาพจิตใจมั่นคงขึ้นได้ อย่างแรก การทำความสะอาดและการจัดระเบียบบ้าน คือการที่เราตัดใจทิ้งสิ่งของที่ไม่จำเป็นออกไป โดยเฉพาะสิ่งที่เห็นแล้วไม่เจริญหูเจริญตา ไม่สวยงาม แค่ใจแข็งและเด็ดขาดเพียงครั้งเดียวเท่านั้น ช่วยให้ปล่อยวางได้ง่ายขึ้นแล้ว ยิ่งข้าวของน้อยชิ้นก็ยิ่งดูโล่ง ดูสะอาดสบายตา รบกวนจิตใจได้น้อยลง ที่สำคัญมันยังทำให้จิตใจเรามีที่ว่างมากขึ้น เพราะได้แก้ไขความรู้สึกภายในไปบ้างแล้ว เมื่อจิตใจเราถูกจัดระเบียบให้เข้าที่เข้าทาง มันก็ลดความรู้สึกวิตกกังวลและความหม่นหมองหดหู่ในใจได้

แค่หาจุดที่จะเริ่มต้นให้ได้

แน่นอนว่ามันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่คนที่มีปัญหาสุขภาพจิตจะฝืนสังขารที่ไร้ซึ่งเรี่ยวแรง และความรู้สึกที่เรียกร้องอยากจะอยู่นิ่ง ๆ เฉย ๆ มากกว่าขยับตัวทำนั่นทำนี่ แต่การอยู่เฉย ๆ ไม่กระตุ้นให้ตัวเองอยากใช้พลังงาน มันก็ยิ่งทำให้เซื่องซึมเหงาหงอย ไม่สดใสมากกว่าที่เคย ดังนั้น ขอแค่ลองเริ่มหยิบจับจากสิ่งเล็ก ๆ ก่อนเป็นอันดับแรก งานง่าย ๆ ที่ทำแป๊บเดียวเสร็จ เมื่อทำสำเร็จ มันจะช่วยให้เราได้รับความรู้สึกพึงพอใจในทันที รู้สึกประสบความสำเร็จ มันก็จะทำให้เราอารมณ์ดีไปตลอดทั้งวัน และแรงจูงใจก็จะตามมาทีหลังเอง

เปิดผ้าม่าน รับแสงสว่างจากธรรมชาติและเห็นวิวจากโลกภายนอก

การขังตัวเองอยู่ในห้องมืด ๆ จะยิ่งทำให้เราหดหู่ และแสงแดดเป็นตัวช่วยเยียวยาจิตใจและต้านอารมณ์เศร้าได้ ดังนั้น แค่รูดเปิดผ้าม่านออก แสงแดดที่รับเข้ามาก็จะช่วยปรับอารมณ์ของเราให้ดีขึ้นได้ เปิดหน้าต่างรับอากาศบริสุทธิ์จากภายนอกบ้างก็ดี และถ้าได้ออกไปรับแสงแดดและวิตามินดีจากภายนอกด้วยก็จะยิ่งดีขึ้นไปอีก ช่วยเพิ่มระดับฮอร์โมนเซโรโทนิน ที่มีผลต่อสมอง อารมณ์ และความรู้สึก ที่สำคัญ การเห็นแสงสว่างจากภายนอก นัยหนึ่งมันก็ทำให้รับรู้ได้ถึงความหวัง ความอบอุ่น ได้เห็นอะไรต่ออะไรที่อยู่หลังผ้าม่าน อาจจะเป็นทัศนียภาพที่สวยงามกว่าที่คิด

ให้ตัวเองได้ใกล้ชิดกับธรรมชาติและสิ่งมีชีวิตอื่น

การอยู่ใกล้ชิดกับธรรมชาติ ช่วยเยียวยาจิตใจเราให้ดีขึ้นได้ แค่เดินออกมารับแสงแดดและอากาศภายนอกตึกหรืออาคาร มันก็ช่วยลดความหดหู่สิ้นหวังลงได้แล้ว แม้ว่ามันอาจจะไม่ค่อยมีธรรมชาติให้ได้ใกล้ชิดเท่าไรนักถ้าคุณเป็นคนในสังคมเมือง แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าคุณจะสร้างมันขึ้นมาไม่ได้ ถ้าคุณหาธรรมชาติดี ๆ ได้จากจากสภาพแวดล้อมรอบ ๆ ที่อยู่อาศัย คุณก็ย้ายธรรมชาติเข้าไปอยู่ในที่พักอาศัยของคุณเองเลยก็ได้นี่ แค่หาต้นไม้สีเขียวกระถางเล็ก ๆ ไปวางไว้ที่มุมใดมุมหนึ่ง ยามที่หดหู่สิ้นหวังก็มองมาที่สีเขียว ๆ นี้ ช่วยลดความตึงเครียดได้ดีทีเดียว

จัดบ้านให้สดใส ดูน่าอยู่ เจริญหูเจริญตา

ไหน ๆ ก็ไหน ๆ แล้ว หลังจากที่ทำความสะอาดและจัดระเบียบเสร็จเรียบร้อย เรามา “เปลี่ยน” บรรยากาศในบ้านให้สดใส น่าอยู่ มองซ้ายมองขวาแล้วรู้สึกว่ามันเจริญหูเจริญตาเจริญใจขึ้นกันดีกว่า เริ่มจากการที่เปลี่ยนสีผนังในบ้านเป็นโทนสีที่ทำให้รู้สึกมีชีวิตชีวา สดใสกระปรี้กระเปร่า หรือสีที่เห็นแล้วรู้สึกจิตใจสงบอ ผ่อนคลาย ใช้ประโยชน์จากจิตวิทยาของสีที่ส่งผลต่อจิตใจและอารมณ์ของคนเราได้ หาภาพสวย ๆ ที่มองแล้วรู้สึกดีต่อใจ ใจฟูมาประดับผนังบ้าน เปลี่ยนของตกแต่งบ้านเล็ก ๆ น้อย ๆ หรือเฟอร์นิเจอร์ให้เข้ากับธีมที่วางไว้ โอ้โห! นี่ห้องเดิมของฉันหรือเปล่าเนี่ย!

Tuyên bố từ chối trách nhiệm: Bản quyền của bài viết này thuộc về tác giả gốc. Việc đăng lại bài viết này chỉ nhằm mục đích truyền tải thông tin và không cấu thành bất kỳ lời khuyên đầu tư nào. Nếu có bất kỳ hành vi vi phạm nào, vui lòng liên hệ với chúng tôi ngay lập tức. Chúng tôi sẽ sửa đổi hoặc xóa bài viết. Cảm ơn bạn.