W2W x P.J. Garment รันวงการยูนิฟอร์มครบวงจร เน้นคุณภาพต้องมาพร้อมความยั่งยืน

ประสบความสำเร็จเกินเป้าสำหรับ W2W (Wear to Work) หนึ่งในผู้นำแห่งวงการยูนิฟอร์ม ภายใต้ความร่วมมือของ P.J. Garment (พี.เจ. การ์เม้นท์) ผู้ผลิตยูนิฟอร์มระดับท้อป 5 ของประเทศไทย จับมือกับดีไซเนอร์ชื่อดัง ‘เอก ทองประเสริฐ’ ผู้ก่อตั้งแบรนด์ Ek Thongpraert ทำยอดขายเกินกว่าที่คาดการณ์ไว้กว่า 200 ล้านบาท ตั้งเป้าปีหน้า (2567) ยอดขายเติบโตสู่ 300 ล้านบาท พร้อมเดินหน้าสู่ความเป็นผู้นำยูนิฟอร์ม One Solution เจ้าแรกในประเทศไทย ตอบโจทย์องค์กรที่มองหาผู้ผลิตยูนิฟอร์มมืออาชีพที่ให้บริการครบวงจรและส่งเสริมความยั่งยืน

“จากผลงานการออกแบบยูนิฟอร์มของ W2W ทำให้เราได้รับความไว้วางใจจากลูกค้ามากขึ้น อย่างปีนี้เราผลิตยูนิฟอร์มให้กับพนักงานของ SCGC โรงแรมระดับ 5 ดาว และธุรกิจกลุ่ม Hospitality หลายแห่ง ทำให้เราสามารถทำยอดขายได้เกินกว่าเป้าหมายที่วางไว้ โดยปีหน้าเราตั้งเป้าไว้ที่ 300 ล้านบาท รวมถึงเดินหน้าปรับปรุงโรงงานแห่งแรกในปทุมธานีสู่ Green Factory ที่ส่งเสริมการใช้พลังงานหมุนเวียน ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ลดการสิ้นเปลืองพลังงาน และการผลิตที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้น” วิภาพร สัตยาอภิธาน ทายาทเจเนอเรชั่น 2 ของ P.J. Garment และผู้บริหาร W2W พูดถึงความสำเร็จพร้อมประกาศจุดยืนในปีหน้า ร่วมกับผู้บริหารคนสำคัญอย่าง ณัชคุณ สัตยาอภิธาน Specialize Personal Stylizing & Digital Marketing

W2W เปิดตัวในวงการยูนิฟอร์มตั้งแต่ปี 2021 เป็นต้นมา ภายใต้ปรัชญาในการดำเนินธุรกิจที่โดดเด่นและแตกต่างอย่างชัดเจน สะท้อนนิยามความเป็น ‘Life Uniform’ ให้ยูนิฟอร์มเป็นมากกว่าชุดทำงาน ทว่าเต็มไปด้วยฟังก์ชั่นการใช้งาน การออกแบบตัดเย็บที่เนี้ยบด้วยรายละเอียด ฟิตพอดีกับรูปร่างตามหลักสรีระศาสตร์ของคนไทย สร้างความมั่นใจแก่ผู้สวมใส่ เน้นดูแลรักษาง่าย และช่วยยืดอายุการใช้งานของยูนิฟอร์มเพื่อส่งเสริมความยั่งยืน

ด้วยความพร้อมในกระบวนการผลิตแบบครบวงจร ภายใต้ความร่วมมือของ 2 ผู้นำแห่งวงการแฟชั่นและผู้ผลิตยูนิฟอร์มยักษ์ใหญ่ ทำให้ W2W ประกาศจุดยืนในการเป็นผู้นำแห่งวงการยูนิฟอร์ม One Stop Service ที่คำนึงถึงความยั่งยืน (Sustainability) สอดคล้องกับช่วงเวลาที่ทั่วโลกให้ความสำคัญต่อความยั่งยืนเป็นอันดับต้น

“ความที่เรามีโรงงานผลิตเป็นของตัวเองและมีกำลังการผลิตสูงกว่า 60,000 ชิ้นต่อเดือน เราจึงพร้อมที่จะให้บริการครบวงจรทั้งการออกแบบโดยดีไซเนอร์มืออาชีพ การจัดหาเนื้อผ้าคุณภาพดีจากทั่วโลก การผลิตที่ใส่ใจในทุกรายละเอียด รวมถึงส่งเสริมคุณภาพชีวิตที่ดีของพนักงานและครอบครัว เรายังขับเคลื่อนเรื่องการพัฒนาเนื้อผ้ารีไซเคิลภายใต้มาตรฐาน Global Recycled Standard (GRS) ครอบคลุมถึงการผลิต บรรจุภัณฑ์ ฉลากสินค้า การรีไซเคิล และวางแผนที่จะรณรงค์ให้คนไทยคัดแยกขวดพลาสติกมากขึ้น เพื่อสามารถนำมาผลิตเป็นเส้นใยจากขวดพลาสติกและวัสดุรีไซเคิลอื่น ๆ ในอนาคต”

นอกจากนี้ W2W ยังชูจุดเด่นเรื่องการออกแบบยูนิฟอร์มที่ส่งเสริมภาพลักษณ์ที่ดีให้กับองค์กร สะท้อนดีเอ็นเอของแบรนด์ได้อย่างสง่างาม ทั้งยังสร้างความรู้สึกสะดวกสบายและตอบโจทย์ทุกฟังก์ชั่นการใช้งานได้อย่างลงตัว เพือให้พนักงานสวมใส่ยูนิฟอร์มได้อย่างมั่นใจ จนได้รับความไว้วางใจจากลูกค้ากลุ่ม Hospitality, ประกันภัย, สถาบันการเงิน จนถึงอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ ทำให้ W2W เติบโตแบบก้าวกระโดดภายในเวลาเพียงสองปี พร้อมเดินหน้ามอบประสบการณ์ใหม่ในการผลิตยูนิฟอร์ม ที่พร้อมให้บริการครบวงจรตั้งแต่การให้คำปรึกษาอย่างจริงใจ การออกแบบ การผลิต จนถึงการวางแผนประชาสัมพันธ์ยูนิฟอร์มใหม่ให้กับลูกค้าของ W2W

ในฐานะดีไซเนอร์ที่คว่ำหวอดในวงการแฟชั่นมากว่าสิบปี ทั้งยังตระหนักถึงปัญหาสิ่งแวดล้อมและส่งเสริมเรื่องความยั่งยืนมาโดยตลอด เอก ทองประเสริฐ มองเทรนด์การออกแบบยูนิฟอร์มปี 2567 ที่หลายองค์กรจะหันมาขับเคลื่อนเรื่อง Sustainability และ Smart System กันมากขึ้น

เทรนด์การออกแบบยูนิฟอร์มจะก้าวสู่คำว่า ‘คุณค่า’ มากกว่าแค่ความสวยงาม แต่ต้องส่งเสริมความยั่งยืน การส่งเสริมคุณภาพชีวิตที่ดีของพนักงาน ลดต้นทุนการดูแลรักษา จนถึงลดการสิ้นเปลืองพลังงาน เช่น ลดเวลาในการรีดผ้า เนื้อผ้าระบายอากาศได้ดี ผลิตจากกระบวนการรีไซเคิล รวมถึงอายุการใช้งานที่ยืนยาว

“อีกสิ่งหนึ่งที่เราจะให้ความสำคัญและเป็นหนึ่งในบริการของ W2W ในปีหน้า คือการบริหารจัดการยูนิฟอร์มเก่า เพราะหลายองค์กรมักจะผลิตยูนิฟอร์มใหม่ทุกปี โดยที่ยูนิฟอร์มเก่าไม่สามารถนำไปบริจาคได้เพราะมีโลโก้ขององค์กรบนเสื้อผ้า เราจึงเติมเต็มช่องว่างในส่วนของการจัดการยูนิฟอร์มเก่า เพื่อเข้าสู่กระบวนการรีไซเคิลหรือเปลี่ยนเป็นพลังงานทดแทน”

แนวคิดนี้เอกเรียกว่า “Close Loop System” เป็นกระบวนการคิดเพื่อความยั่งยืนจากต้นน้ำสู่ปลายน้ำด้วยความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อมอย่างเป็นรูปธรรม ตั้งแต่กระบวนการออกแบบ การผลิต จนถึงการจัดการกับยูนิฟอร์มเก่าอย่างเป็นระบบ แทนที่จะจบลงด้วยการฝังกลบซึ่งเสี่ยงต่อการเกิดก๊าซมีเทนหากเกิดเพลิงไหม้ ที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพและสิ่งแวดล้อมอย่างมาก แตกต่างจากการนำไปรีไซเคิลเส้นใยหรือการเผาเพื่อใช้ในกระบวนการผลิตพลังงานไฟฟ้า

“ยูนิฟอร์มที่ผลิตขึ้นมาเพื่อแนวคิดนี้ต้องมีต้นทุนการผลิตสูงขึ้น โดยเฉพาะการใช้วัสดุรีไซเคิลที่ปัจจุบันยังมีต้นทุนสูงกว่าผ้าประเภทอื่น ๆ รวมถึงโรงงานผลิตเนื้อผ้าต้องมีศักยภาพในการผลิต จุดนี้ P.J. Garment มีความเชี่ยวชาญในการหาผู้ผลิตผ้าทั้งภายในประเทศและต่างประเทศอยู่แล้ว ทำให้เราสามารถผลิตยูนิฟอร์มที่ส่งเสริมความยั่งยืนได้แบบครบวงจร เราจึงเพิ่มบริการรับจัดการยูนิฟอร์มเก่าสู่กระบวนการรีไซเคิลต่อไป เพื่อลดภาระในการจัดการของลูกค้าและช่วยดูแลสิ่งแวดล้อมไปพร้อมกัน นี่คือเป้าหมายที่ W2W จะดำเนินการในตั้งแต่ปีหน้าเป็นต้นไป และเรามีโปรเจ็กต์ดี ๆ อีกมากมายที่จะเกิดขึ้นในอนาคต”

Tuyên bố từ chối trách nhiệm: Bản quyền của bài viết này thuộc về tác giả gốc. Việc đăng lại bài viết này chỉ nhằm mục đích truyền tải thông tin và không cấu thành bất kỳ lời khuyên đầu tư nào. Nếu có bất kỳ hành vi vi phạm nào, vui lòng liên hệ với chúng tôi ngay lập tức. Chúng tôi sẽ sửa đổi hoặc xóa bài viết. Cảm ơn bạn.