ไปต่อหรือพอแค่นี้! 5 ข้อที่ต้องเช็กเพื่อหาคำตอบ “เลิกหรือไม่เลิก”

เวลาที่คนเรามีความรัก คลั่งรักอยู่ในความสัมพันธ์กับใครสักคน ส่วนใหญ่แล้วจะไม่ค่อยได้นึกถึงสถานการณ์ในด้านลบที่อาจเป็นเหตุให้ความสัมพันธ์ไม่ได้ไปต่อสักเท่าไร พูดง่าย ๆ ก็คือไม่ค่อยจะมีคนเผื่อใจเอาไว้หรอกว่าในวันข้างหน้าอาจมีเหตุให้ยุติความสัมพันธ์กับคนรักก็ได้

เมื่อความรักไม่อาจกำหนดให้เป็นไปตามใจหวังได้ทุกสิ่งอย่าง ทำให้ความรักเดินทางไปถึงจุดที่เลวร้ายที่สุดที่ต้องมานั่งคิดพิจารณากันดี ๆ ว่าจะเลิกดีไม่เลิกดี แน่นอนว่ามันเป็นเรื่องที่ตัดสินใจได้ยาก ใครหลายคนคิดไม่ตกเลยว่าจะไปต่อหรือพอแค่นี้ ทำให้บางครั้ง เราจำเป็นที่จะต้องเช็กสถานการณ์ความสัมพันธ์บ้างว่ามันกำลังทำให้เรามีความทุกข์มากกว่าความสุขหรือเปล่า หากเราขมขื่นอยู่ในใจจนไม่สามารถจะฝืนยิ้มได้อีกต่อไป สถานการณ์ความสัมพันธ์จะช่วยให้การตัดสินใจของเราง่ายขึ้น และบางทีเมื่อเวลาผ่านไปแล้วมาคิดย้อนหลัง ก็อาจช่วยยืนยันด้วยว่าในวันนั้นเราตัดสินใจถูกต้องแล้วกับหนทางที่เลือก

เจอหน้ากันแล้วไม่มีความสุขอีกต่อไปหรือเปล่า

มันออกจะเป็นเรื่องที่ชวนตกใจอยู่เหมือนกันนะกับความรู้สึกที่เปลี่ยนไปนี้ ด้วยเราไม่รู้ตัวเลยว่ามันเริ่มต้นขึ้นเมื่อไร และรู้สึกว่าไม่มีทางที่จะแก้ไขอะไรได้ด้วยในเมื่อหมดใจไปแล้ว คนที่เราเคยเจอหน้าแล้วมีความสุข จู่ ๆ ก็กลายเป็นคนที่เรารู้สึกเฉย ๆ ซะอย่างนั้น ไม่มีความตื่นเต้น ไม่มีความกระชุ่มกระชวยใจ ไม่มีความโหยหาอะไรในรูปแบบของความรัก แล้วที่แย่กว่าก็คือยิ่งเราพยายามจะหยุดความรู้สึกที่เปลี่ยนไปมากเท่าไร มันกลับทำให้เรายิ่งหน่ายใจมากเท่านั้น เริ่มเหนื่อยที่ต้องฝืนตัวเองรักษาความสัมพันธ์ ถ้าอาการมันหนักขึ้นเรื่อย ๆ บางทีอาจต้องพิจารณาเปิดอกคุยกัน เพราะการที่ฝ่ายหนึ่งหมดใจโดยที่อีกฝ่ายหนึ่งไม่ได้ผิดอะไร หากดันทุรังต่อไป เราจะยิ่งทำร้ายกันเอง

ความเชื่อใจได้ถูกทำลายไปแล้ว

องค์ประกอบหนึ่งที่สำคัญในความรักความสัมพันธ์ ก็คือ “ความเชื่อใจ” ซึ่งถ้าเมื่อไรที่มันถูกทำลายลงไปแล้ว มันจะกลายเป็นความสัมพันธ์ที่ต้องมีใครสักคนอยู่อย่างหวาดระแวงอยู่ตลอดเวลา ความเชื่อใจนี่ครอบคลุมหลายเรื่อง อาจจะเป็นเรื่องที่อีกฝ่ายเคยไม่ซื่อสัตย์ แอบนอกใจ เรื่องที่อีกฝ่ายเคยโกหกบ่อย ๆ จนเป็นนิสัย หรืออาจจะเป็นเรื่องเงินก็ได้เหมือนกัน พอลองได้รู้ว่าตัวเองถูกหลอกแล้วครั้งหนึ่ง เราก็มักจะระแวงตลอดไปว่าอาจมีซ้ำรอย หลายต่อหลายคนจึงให้โอกาสคนรักอีกเพียงแค่ครั้งเดียว หากยังมีพฤติกรรมเดิม ๆ อีกก็คงทนรับสภาพไม่ไหวแล้วเหมือนกัน วิธีเดียวที่เราจะกลับมารู้สึกปลอดภัยและใช้ชีวิตอย่างปกติสุข คือการตัดสัมพันธ์กับคนที่ทำลายความเชื่อใจของเรา

สูญเสียความเป็นตัวเอง

เราจะไม่รู้สึกเหนื่อย แถมยังสบายใจมาก ๆ ถ้าเรามีความรักที่ดี ความรักที่เราไม่ต้องพยายามจะเป็นใคร ไม่ต้องพยายามสร้างตัวตนที่สมบูรณ์แบบขึ้นมาจนตัวเองเสียศูนย์ หรือความรักที่มากเกินไปก็กลายเป็นเชือกที่มัดให้คนสองคนติดกันจนอีกฝ่ายอาจกำลังสูญเสียความเป็นตัวของตัวเองได้เช่นกัน ความรักที่ไม่มีการเว้นช่องว่างให้กัน และไม่ปล่อยให้อีกฝ่ายได้มีชีวิตของเขาและเธอตามที่ฝันด้วย คนรักว่ายังไงก็ว่าตามกันเพราะกลัวว่าจะสูญเสียเขาไปแต่เราเสียจุดยืนของตัวเองไปแล้ว ต้องอ้างอิงคุณค่าและตัวตนของตัวเองจากความเห็นของคนอื่นตลอดจนไม่รู้ว่าตัวเองเป็นใคร ก็คนเราไม่ควรที่จะต้องมานั่งสงสัยในตัวเองหรือเปล่าว่าตกลงแล้วฉันเป็นใครหรือฉันกำลังทำอะไรอยู่

เจอ Toxic Relationship เล่นงาน

ขึ้นชื่อว่าเป็น “ความสัมพันธ์ที่เป็นพิษ” ไม่ว่าจะยังไงก็ไม่ดีต่อใจหรอก เพราะมันเป็นความสัมพันธ์ที่ทำให้เราต้องมีชีวิตอยู่บนความทุกข์ ความกระอักกระอ่วน และกังวลกับทุกสิ่งทุกอย่างมากจนเกินไป เหมือนดื่มยาพิษเข้าไปทุกวัน ๆ เป็นความสัมพันธ์ที่ไม่มีความสบายใจ ไม่มีความสุขทั้งร่างกายและจิตใจ ถูกทำร้ายร่างกาย ถูกทำร้ายจิตใจ รู้สึกว่าถูกลดทอนคุณค่าของตัวเอง จนไม่เห็นคุณค่าของตัวเองอีกต่อไป ฉะนั้น อย่าให้ตัวเองจมอยู่กับความสัมพันธ์ประเภทนี้นาน ๆ ถ้าไม่ลำบากจนเกินไปก็เดินออกมาเลย เพราะยิ่งใช้เวลาอยู่ในความสัมพันธ์นี้มากขึ้นเท่าไร ความรู้สึกในด้านลบก็ยิ่งมีเพิ่มขึ้นเท่านั้น คนที่ถูกทำร้ายก็ไม่ใช่ใครอื่น ตัวคุณเองนั่นแหละ!

ไม่เห็นอนาคตร่วมกันเลย

แรก ๆ อาจจะยังไม่ชัดเจนนักหรอกว่าที่คบกันอยู่นี่มันออกจะเป็นการคลั่งรักไปวัน ๆ มากกว่าที่จะหาอนาคตร่วมกัน อาจเพราะความรัก ความหลง หรืออะไรก็ตามที่ทำให้คนสองคนคลั่งรักกัน ก็ไม่เป็นไรไม่จำเป็นต้องรีบ แต่ความสัมพันธ์น่ะมันจะเรื่อย ๆ มาเรียง ๆ ตลอดไปไม่ได้หรอก พอถึงจุดหนึ่งจะมีฝ่ายที่เริ่มถามหาอนาคตอันจะนำไปสู่การตัดสินใจที่ชัดเจนว่าเราจะมีอนาคตร่วมกันอย่างไร เราจะอยู่ตรงไหนในชีวิตของกันและกัน ถ้าไม่เห็นภาพเลยว่าการมีเขาหรือเธออยู่ในสถานะคนรักมันจะสร้างอนาคตออกมาเป็นแบบไหน ก็ชัดเจนว่าเราไม่มีอนาคตร่วมกัน งั้นก็ต้องคุยกันแล้วล่ะว่าจะไปต่อเพื่ออะไร ถ้าอนาคตระหว่างเราสองคนมันมืดมนขนาดนั้น

Tuyên bố từ chối trách nhiệm: Bản quyền của bài viết này thuộc về tác giả gốc. Việc đăng lại bài viết này chỉ nhằm mục đích truyền tải thông tin và không cấu thành bất kỳ lời khuyên đầu tư nào. Nếu có bất kỳ hành vi vi phạm nào, vui lòng liên hệ với chúng tôi ngay lập tức. Chúng tôi sẽ sửa đổi hoặc xóa bài viết. Cảm ơn bạn.