สำรวจรัฐสวัสดิการไทย “คุณ” ได้สิทธิอะไรบ้าง
รัฐสวัสดิการ นับเป็นสิ่งที่ถูกพูดถึงกันมากในปัจจุบัน และได้มีการนำเอารัฐสวัสดิการของไทยไปเปรียบเทียบกับหลายประเทศ โดยเฉพาะในแถบสแกนดิเนเวียที่ได้ชื่อว่ามีรัฐสวัสดิการที่ดีระดับต้น ๆ ของโลก แต่ทั้งนี้การเกิดรัฐสวัสดิการได้หมายถึงประชาชนในประเทศต้องทำหน้าที่ของตนเองในการเสียภาษี จึงจะได้มาซึ่งรัฐสวัสดิการในฝัน และต้องไม่ลืมว่า ภาษี ที่ถูกจัดเก็บทุกประเภทไม่ได้ใช้เฉพาะรัฐสวัสดิการเพียงอย่างเดียว แต่ยังต้องนำไปพัฒนาประเทศในด้านอื่น ๆ ด้วย
บทความนี้จะมาให้รายละเอียดว่ารัฐสวัสดิการของไทยกับระบบจัดเก็บภาษีในปัจจุบันนั้นได้ให้อะไรกลับคืนมาสู่คนในสังคมบ้าง และต้องไม่ลืมว่า ภาษีที่ถูกจัดเก็บทุกประเภทไม่ได้ใช้เฉพาะรัฐสวัสดิการเพียงอย่างเดียว แต่ยังต้องนำไปพัฒนาประเทศในด้านอื่น ๆ ด้วย
ทำความเข้าใจคำว่า “รัฐสวัสดิการ”
ประเทศที่พัฒนาแล้วมักจะมีสวัสดิการทางสังคมให้แก่ประชาชน แต่ในทางกลับกันประชาชนก็ต้องเสียภาษีเพื่อให้รัฐมีรายได้นำไปใช้จ่ายในการจัดทำบริการสาธารณะต่าง ๆ แก่ประชาชน หรือเรียกกันโดยทั่วไปว่า รัฐสวัสดิการ โดยรัฐสวัสดิการเป็นแนวคิดที่ประเทศทุนนิยมนำมาใช้เพื่อแก้ข้อบกพร่องของระบบทุนนิยม
สถานการณ์สวัสดิการของประเทศไทยในปัจจุบัน
ประเทศไทยมีประชาชนประมาณ 70 ล้านคน มีความหลากหลายทั้งฐานะ อายุ ระดับการศึกษา ที่อยู่อาศัย อาชีพ การใช้ชีวิตประจำวัน ซึ่งรัฐบาลจัดสวัสดิการโดยรวมให้ด้วยการออกนโยบายสวัสดิการสำหรับกลุ่มเป้าหมายต่าง ๆ เพื่อให้มีคุณภาพชีวิตดีขึ้น ทั้งนี้ผู้ที่ได้รับสวัสดิการจะต้องลงทะเบียนเพื่อตรวจสอบว่ามีคุณสมบัติตรงตามที่กำหนดหรือไม่ ถ้ามีคุณสมบัติตรงตามที่กำหนดจึงจะได้รับสวัสดิการ ในปัจจุบันมีสวัสดิการหลัก ๆ ดังนี้
เด็กแรกเกิด-อายุ 6 ปี
โครงการเงินอุดหนุนเพื่อการเลี้ยงดูเด็กแรกเกิด-ให้เฉพาะครอบครัวมีรายได้เฉลี่ยไม่เกิน 100,000 บาท/ปี- ครอบครัวได้รับเงินอุดหนุนในการเลี้ยงดูเด็ก 600 บาท/คน/เดือน
ผู้มีรายได้น้อย ผู้พิการ ผู้สูงอายุ ผู้ป่วยติดเตียง
บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ-ได้รับเงินเพื่อซื้อสินค้าอุปโภคบริโภค 200-300 บาท/คน/เดือน และเงินค่าเดินทางรวม 1,500 บาท/คน/เดือน – ได้รับเงินเยียวยาจากนโยบายต่าง ๆ ของภาครัฐ
การศึกษา เด็กในวัยเรียน
นโยบายเรียนฟรีอนุบาล-ม.3-เด็กในวัยเรียนได้เรียนฟรีจนจบชั้นมัธยมต้น
สุขภาพ
ผู้ที่ไม่มีสิทธิรักษาพยาบาลของข้าราชการหรือประกันสังคม ระบบหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า (บัตรทอง 30 บาท)-ได้รับบริการทางสุขภาพ เช่น การป้องกันโรค การตรวจ การรักษา การฟื้นฟูสุขภาพ โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย
ผู้พิการ
ผู้พิการที่มีบัตรประจำตัวผู้พิการ เบี้ยยังชีพผู้พิการ-ได้รับเบี้ยยังชีพผู้พิการ 1,000 บาท/คน/เดือน
ผู้สูงอายุ
ผู้สูงอายุที่อายุ 60 ปีขึ้นไป เบี้ยยังชีพผู้สูงอายุแบบขั้นบันได-ได้รับเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ 600-1,000 บาท/คน/เดือน (ตามขั้นอายุ)
ประกันสังคม
ลูกจ้างที่เป็นแรงงานในระบบกองทุนประกันสังคม-ได้รับสิทธิประโยชน์ตามเงื่อนไข เช่น การรักษาพยาบาล การทดแทนรายได้เมื่อว่างงาน สิทธิประโยชน์และความคุ้มครองเมื่อเสียชีวิต ทุพพลภาพ ชราภาพ เป็นต้น
จะเห็นได้ว่ารัฐสวัสดิการของไทยนั้นพยายามจะให้ความช่วยเหลือครอบคลุมกับประชากรในทุกช่วงวัยและทุกระดับชั้น เพียงแต่ความช่วยเหลือ อาจจะยังไม่ทั่วถึงเพราะงบประมาณที่มีจำกัด อันเนื่องมาจากการจัดเก็บภาษีในประเทศนั้นยังคงมีอัตราที่ไม่สูงมากนัก ทำให้รัฐสวัสดิการของไทยจึงเป็นการให้เงินเพื่อช่วยเหลือมากกว่าจุนเจือเพื่อให้มีความเป็นอยู่ที่ดี ดังนั้น ถ้าอยากได้รัฐสวัสดิการที่ดี ก็คงต้องมีวิธีการจัดเก็บภาษีที่ดีกว่าในปัจจุบันและคนที่เสียภาษี คงต้องมองไปที่ สังคมที่จะมีชีวิตอยู่เมื่อถึงวัยชรา ว่าอยากได้แบบที่เป็นอยู่ในปัจจุบันหรือแบบที่ดีขึ้นในอนาคต
Tuyên bố từ chối trách nhiệm: Bản quyền của bài viết này thuộc về tác giả gốc. Việc đăng lại bài viết này chỉ nhằm mục đích truyền tải thông tin và không cấu thành bất kỳ lời khuyên đầu tư nào. Nếu có bất kỳ hành vi vi phạm nào, vui lòng liên hệ với chúng tôi ngay lập tức. Chúng tôi sẽ sửa đổi hoặc xóa bài viết. Cảm ơn bạn.