วิธีรับมือกับคำพูดแย่ ๆ ที่ออกจากปากคนใกล้ตัว
เคยสังเกตหรือไม่ว่า “คนเรามักจะใจดีกับคนอื่น แต่ใจร้ายกับคนใกล้ตัวเสมอ” ไม่เชื่อลองสังเกตดูก็ได้ กับคนอื่นที่เราไม่รู้จัก ไม่สนิทสนม เรามักจะพูดจากับเขาดี ๆ คิดก่อนพูดตลอดว่าถ้าพูดไปแล้วเขาจะมองเราเป็นคนยังไง ทว่ากับคนใกล้ตัว ยิ่งสนิทกันมากเท่าไร ความเกรงใจก็ยิ่งลดลงเรื่อย ๆ บ่อยครั้งทีเดียวที่เราใช้คำพูดแย่ ๆ พูดใส่คนใกล้ตัวชนิดที่ไม่ได้ไตร่ตรองก่อนที่จะพูดเลยว่าคำพูดพวกนั้นจะทำร้ายจิตใจคนฟังมากแค่ไหน ถ้าคุณไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าตนเองใช้คำพูดไม่ดีกับคนใกล้ตัวแค่ไหน ก็ลองเปลี่ยนไปสังเกตคนใกล้ตัวของคุณดูอาจจะง่ายกว่า ลองดูว่าพวกเขาชอบใช้คำพูดที่ไม่แคร์จิตใจคุณบ้างหรือเปล่า
“คนพูดไม่เคยจำ แต่คนฟังไม่เคยลืม” เรามักจะเจ็บปวดกับคำพูดแสลงหูจากคนใกล้ตัวมากยิ่งกว่าคำพูดของคนอื่นที่ไม่รู้จักกันเลยเสียอีก ซึ่งคำพูดที่พูดไม่คิด หรือคิดแล้วแต่ก็ยังจะพูดด้วยเจตนาบางอย่าง บ้างก็ชอบอ้างว่าแค่พูดเล่น ๆ ทำไมต้องคิดจริงจัง กลายเป็นยาพิษที่ทำร้ายจิตใจคนฟัง บั่นทอนทั้งจิตใจและความสัมพันธ์ลงอย่างช้า ๆ เราจะพบว่าพวกเขาเหล่านี้มีคนหลายคนที่เป็นเพื่อนที่ดี เป็นแฟนที่ดี นิสัยอื่น ๆ ดีหมด แต่ติดอยู่อย่างเดียว ตรงที่ชอบพูดแรง ๆ ไม่นึกถึงจิตใจคนฟัง คำพูดที่เขาอาจไม่ได้คิดอะไรมาก แต่เราในฐานะคนฟังเก็บมาคิดจนเป็นทุกข์ข้ามวันข้ามคืน และอาจกลายเป็นปมติดค้างทิ่มแทงใจเสมอมา
เพื่อไม่ให้ตัวเราเองต้องกลายเป็นคนที่รับฟังแต่คำพูดแย่ ๆ ของคนอื่นจนตัวเองต้องทนทุกข์เสียเอง เราจำเป็นต้องมีวิธีรับมือกับคำพูดแย่ ๆ จากคนใกล้ตัว โดยในเบื้องต้น จะต้องอยู่บนพื้นฐานที่ว่าเขาจะต้องไม่ทำกับเราแบบนี้อีก เราจะต้องไม่เจ็บปวดกับคำพูดของเขาอีก และถ้าไม่จำเป็นจริง ๆ ปฏิกิริยาของเราจะต้องไม่รุนแรงถึงขั้นแตกหัก
สื่อสารอย่างตรงไปตรงมาว่าคุณไม่พอใจคำพูดที่ไม่ผ่านกระบวนการคิดของเขา
ถ้าคุณไม่ชอบคำพูดของเขาที่พูดออกมาเหมือนไม่ผ่านกระบวนการคิดมาก่อน คุณก็บอกเขาไปเลยว่าคุณไม่ชอบนะที่เขาพูดแบบนี้กับคุณ บางทีมันก็ไม่มีประโยชน์หรอกที่จะต้องเป็นฝ่ายอดทนฟังคำพูดที่เสียดแทงใจจากปากของคนที่เราไว้ใจเขา ไม่ชอบก็บอกไม่ชอบ ไม่พอใจก็บอกไม่พอใจ อย่าเก็บไว้จนเราทุกข์เอง เพื่อให้เขาได้รู้ว่าแต่ละคำพูดของเขานั้นทำร้ายจิตใจและทำลายความอดทนของคนฟังมากแค่ไหนจะได้แก้ไข นี่เป็นวิธีเดียวที่คุณจะใช้สื่อสารให้เขารู้อย่างตรงไปตรงมา หากมันเป็นนิสัยของเขาที่ชอบพูดไม่คิด แต่ก็ไม่มีเจตนาที่จะทำร้ายใคร เขาจะได้ระมัดระวังคำพูดมากขึ้นถ้าเขาแคร์คุณ แต่ถ้าบอกไปแล้วไม่ช่วยให้อะไรดีขึ้น คุณก็ควรพิจารณาว่าควรเก็บเขาไว้ในชีวิตไหม
ฝึกใจตัวเองให้สตรอง ก็ถ้าเราไม่แคร์ คำพูดคนอื่นก็ทำอะไรเราไม่ได้
ถ้าการพยายามแก้นิสัยพูดไม่คิดของคนอื่นมันยากเกินไป หรือเขาเองก็ไม่คิดที่จะปรับปรุงนิสัยที่ไม่น่ารักของตัวเองเพื่อใคร เราอาจจะต้องมาเริ่มปรับที่ตัวเราเอง ดูแลใจของตัวเอง ด้วยการทำจิตใจเราให้สตรอง ไม่หวั่นไหวกับคำพูดไม่เข้าหูจากปากใคร คำพูดไม่ดีจากปากคนอื่นจะทำร้ายเราได้ก็ต่อเมื่อเรารับมันมาใส่ใจและเก็บมาคิดนั่นแหละ ยกตัวอย่างก็คือ ถ้าเรามีปม เวลาที่เราได้ยินใครพูดอะไรที่มันสะกิดปมเรา เราก็จะรู้สึกแย่ แต่ถ้าเรามั่นใจในตัวเอง ศรัทธาในตัวเอง ไม่รู้สึกว่าคำพูดที่เขาพูดมันเกี่ยวกับเรา ได้ยินแล้วก็เข้าหูซ้ายทะลุหูขวาไป มันก็จะเป็นแค่เสียงจอแจธรรมดาที่เราได้ยินทั่วไปในชีวิตประจำวันแบบเสียงนกร้อง เสียงหมาเห่า เสียงของตก เสียงแตรรถนั่นแหละ
คุณต้องรู้จักตัวเองให้มาก อย่าให้คำพูดของคนอื่นมาตัดสินคุณ
Self-Esteem หรือการเห็นคุณค่าในตัวเอง เป็นสิ่งที่สำคัญมากจริง ๆ นะ คุณค่าของตัวคุณ จำเป็นด้วยเหรอที่ต้องรอให้ใครมาบอกว่าเรามีหรือไม่มี ในเมื่อคุณเป็นคนให้คุณค่ากับตัวเองได้ จากทุกสิ่งอย่างที่คุณทำแล้วคุณภาคภูมิใจ ดังนั้น เรื่องของ Self-Esteem เนี่ย แค่คุณตระหนักว่าคุณเป็นคนมีคุณค่าและคู่ควรที่จะมีชีวิตอยู่มันก็เพียงพอแล้ว แต่ก่อนอื่น คุณต้องรู้จักตัวเองก่อนทั้งข้อดีและข้อเสีย โดยยอมรับข้อเสียของตัวเองให้ได้ แต่อย่าให้มันกลายเป็นปมด้อย เพราะส่วนใหญ่คนมักวิพากษ์วิจารณ์ที่จุดอ่อนหรือปมด้อยของกันและกัน ถ้าคุณรู้จักตัวเองดีพอ คุณจะยอมรับตัวตนของตัวเองได้เอง และจะไม่เอาคำพูดเลื่อนลอยของคนอื่นที่รู้จักคุณแค่ด้านเดียวมาตัดสินตัวตนทั้งหมดของคุณ
พยายามทำความเข้าใจอีกฝ่ายว่าทำไมเขาถึงเป็นคนแบบนั้น
คุณอาจจะรู้สึกแย่หรือไม่ก็หัวร้อน เวลาที่คนที่คุณสนิทสนมด้วยชอบพูดกับคุณด้วยคำพูดที่สะกิดปมหรือทำร้ายจิตใจคุณอยู่บ่อยครั้ง แต่รู้ไหมว่าพฤติกรรมของคนเรามันมีที่มาที่ไป นิสัยพูดไม่คิดหรือพูดแต่สิ่งที่ทำร้ายจิตใจคนฟังของใครก็เช่นกัน ในเชิงจิตวิทยาว่าด้วยทฤษฎีบุคลิกภาพ จะอธิบายถึงที่มาของพฤติกรรมคนว่ามันถูกหล่อหลอมมาจากความซับซ้อนของจิตใจ 3 ขั้น Id คือจิตไร้สำนึก เราต้องเรียนรู้ที่จะควบคุม Ego ตัวตนที่ถูกพัฒนาเพื่อให้เป็นที่ยอมรับของสังคม และ Superego จิตสำนึกที่คิดถึงศีลธรรมและจรรยาบรรณ ถ้าคุณเข้าใจส่วนนี้ คุณจะพยายามหาคำตอบว่าเขาเป็นคนนิสัยแบบนี้เพราะอะไร ถ้าคุณรู้ คุณอาจจะสบายใจขึ้น เพราะว่าเขาอาจเป็นคนที่น่าสงสารคนหนึ่ง
ปรับมุมมอง เปลี่ยนคำพูดแสลงหูให้กลายเป็นพลังบวก
จริงอยู่ว่าการกระตุ้นแรงฮึดเพื่อผลักดันให้คนอื่นได้ดี ไม่จำเป็นต้องใช้คำพูดแย่ ๆ เพื่อบั่นทอนกำลังใจกัน แต่กับคนบางคน พวกเขาใช้วิธีนี้จนกลายเป็นนิสัยที่ไม่น่ารักไปแล้ว ซึ่งคุณก็คงไปเปลี่ยนความคิดเขาไม่ได้ด้วย เพราะฉะนั้น กลับมาปรับเปลี่ยนที่มุมมองของเราเองจะดีกว่า ถึงแม้ว่าคำพูดพวกนั้นฟังแล้วมันจะไม่ให้ความรู้สึกจรรโลงใจเลยสักนิด แต่คุณต้องพยายามคิดบวกให้มาก เพื่อเปลี่ยนคำพูดที่แสลงหูพวกนั้นให้กลายเป็นเชื้อเพลิงในการผลักดันตัวเองให้ฮึดสู้ เพื่อให้พ้นจากข้อกล่าวหาเหล่านั้น การมองมุมบวกในสถานการณ์แบบนี้มันก็ไม่ใช่เรื่องแย่เสมอไป ถ้าคำพูดแย่ ๆ ของเขามันสามารถเปลี่ยนเป็นพลังบวกสำหรับตัวคุณได้ แต่ถ้าคำพูดพวกนั้นมันเป็นขยะ ก็ไม่ต้องเก็บมาใส่ใจ
Tuyên bố từ chối trách nhiệm: Bản quyền của bài viết này thuộc về tác giả gốc. Việc đăng lại bài viết này chỉ nhằm mục đích truyền tải thông tin và không cấu thành bất kỳ lời khuyên đầu tư nào. Nếu có bất kỳ hành vi vi phạm nào, vui lòng liên hệ với chúng tôi ngay lập tức. Chúng tôi sẽ sửa đổi hoặc xóa bài viết. Cảm ơn bạn.