ฮิวแมนไรท์วอทช์ ชี้ฟุตบอลโลกซาอุดิอาระเบียเป็น "หายนะด้านสิทธิมนุษยชน'"

รอยเตอร์ส ได้รายงานถึงการได้เป็นเจ้าภาพฟุตบอลโลก 2034 ของซาอุดิอาระเบีย เนื่องจากชาติคู่แข่งต่างพาเหรดกันถอนตัวออกไป และหลังจบเดดไลน์เมื่อวันที่ 31 ตุลาคม ทำให้เหลือซาอุดิ อาระเบียเพียงชารติเดียวที่ยื่นขอเป็นเจ้าภาพ
 

อย่างไรก็ตามมีประเด็นการ ยืนยันเรื่องสิทธิมนุษยชน ของซาอุดิอาระเบีย ที่จะต้องส่งหนังสือยื่นข้อเสนอฉบับเต็มให้ฟีฟ่าพิจารณาอีกครั้ง และมีไทม์ไลน์ไม่เกินเดือน กรกฎาคม 2024 

ด้านมิคกี้ วอร์เดน ผู้อำนวยการของ ฮิวแมนไรท์วอทช์ Human Rights Watch และ โรนัน เอเฟน กรรมการบริหารฝ่ายสนันสนุนฟุตบอลยุโรป ออกมาเผยกับรอยเตอร์ส และแสดงความกังวลถึงเรื่องนี้ เพราะซาอุดิอาระเบียเคยมีประวัติ ด้านสิทธิมนุษยชน การไม่ยอมรับหรือรับรองสวัสดิภาพของกลุ่มแฟนบอล LGBT+ 

“ซาอุดีอาระเบียมีประวัติด้านสิทธิมนุษยชนที่น่าตกใจ" มิคกี้ วอร์เดน ผู้อำนวยการของ ฮิวแมนไรท์วอทช์ เผยกับรอยเตอร์ส

"พวกเขามีเพียงแต่เรื่องที่กำลังเสื่อมถอยลงภายใต้การควบคุมของ มกุฎราชกุมาร โมฮัมเหม็ด บิน ซัลมาน เขามีประวัติเล่นงานสื่อมวลชน การปราบปรามสิทธิสตรีภายใต้ระบบผู้ปกครองของผู้ชาย และการสังหารผู้อพยพหลายร้อยคนที่ชายแดนซาอุดีอาระเบีย-เยเมน"

"ส่วนการลงโทษกลุ่ม LGBT การอยู่กินกันโดยไม่แต่งงาน ความรักในเพศเดียวกันถือเป็นอาชญากรรมที่มีโทษถึงตายนี่คือการละเมิดสิทธิมนุษยชน คำถามคือ การละเมิดสิทธิมนุษยชนเหล่านั้นสามารถแก้ไขได้หรือไม่ เราสามารถแก้ไขได้หรือไม่ และคำตอบในซาอุดีอาระเบียก็คือ หากไม่มีการปฏิรูปครั้งใหญ่ที่เริ่มต้นในขณะนี้ ก็เป็นไปไม่ได้ที่จะแก้ไขการละเมิดสิทธิมนุษยชนที่ร้ายแรงเหล่านี้ และซาอุดีอาระเบียไม่มีคุณสมบัติที่จะเป็นเจ้าภาพโลก ถ้วยเนื่องจากปัญหาพื้นฐานของการตอบโต้เหล่านี้" 

Tuyên bố từ chối trách nhiệm: Bản quyền của bài viết này thuộc về tác giả gốc. Việc đăng lại bài viết này chỉ nhằm mục đích truyền tải thông tin và không cấu thành bất kỳ lời khuyên đầu tư nào. Nếu có bất kỳ hành vi vi phạm nào, vui lòng liên hệ với chúng tôi ngay lập tức. Chúng tôi sẽ sửa đổi hoặc xóa bài viết. Cảm ơn bạn.