พรีวิวเบาๆ “Samsung Galaxy Buds FE" หูฟังที่มาพร้อม AI ตัดเสียงรบกวน แบตอึด 30 ชั่วโมง
สวัสดีครับกลับมาพบกันอีกครั้งกับบทความรีวิวสินค้าเปิดตัวใหม่ สำหรับในบทความนี้เป็นคิวของหูฟังไรสายรุ่นใหม่ล่าสุดอย่าง Samsung Galaxy Buds FE ที่เปิดตัวไปเมื่อวันที่ 4 ตุลาคม 2566 พร้อมกับการเปิดตัว Galaxy S23 FE และ Galaxy Tab S9 FE รุ่นใหม่ และแน่นนอนว่ามันเป็นอีกสินค้าใหม่ที่เราได้มีโอกาสรีวิวให้แฟนๆ Sanook Hitech ได้อ่านกันอีกครั้ง
ทั้งนี้ Galaxy Buds FE ถือหูฟังรุ่นนี้ถือเป็นรุ่นย่อยของ Galaxy Buds 2 โดยมีราคาที่ถูกลงและฟีเจอร์ที่ลดลงบ้าง Galaxy Buds FE เป็นหูฟังไร้สายแบบอินเอียร์ ไม่มีก้าน รองรับการควบคุมด้วยระบบสัมผัส หูฟังและเคสชาร์จถูกออกแบบให้มีขนาดกะทัดรัด และน้ำหนักเบาเพื่อความคล่องตัว ตัวหูฟังหนักข้างละ 5.6 กรัม ส่วนเคสชาร์จหนัก 40 กรัม ดีไซน์กะทัดรัดเข้ากับสรีระ เรียกได้ว่าขนาดน่ารักกำลังดีเลยแหละ
คุณสมบัติเด่นของ Galaxy Buds FE มีดังนี้
- ขนาด Earbuds (หูฟัง) : 17.1 (W) x 19.2 (H) x 22.2 (D) มม.
- ขนาดCharging Case (ตลับหูฟัง) : 50.0 (W) x 50.0 (H) x 27.7 (D) mm
- หนัก 5.6 กรัม (หูฟังไร้สาย/ข้าง), 40 กรัม (เคสชาร์จ)
- รองรับ Active Noise Cancellation (ANC) และ Ambient Sound
- เชื่อมต่อด้วย Bluetooth 5.2
- รองรับ IPX2 กันน้ำกระเซ็น
- Bluetooth 5.2
- ใช้งานได้นานสูงสุด 8.5 ชั่วโมง (ปิด ANC) และ 21 ชั่วโมง (รวมเคสชาร์จ)
- แบตเตอรี่ Ear buds 60mAh / Charging case 479mAh
อุปกรณ์ในกล่องประกอบด้วย
- หูฟัง Galaxy Buds FE
- เคสชาร์จ
- ปีกหูฟัง (Wingtips) 2 ชุด (ไซส์ S/M และ M/L (ขนาดพื้นฐาน))
- ปลอกหูฟัง (Ear Tips) 3 ชุด (ไซส์ S, M (ขนาดพื้นฐาน), L)
- สาย USB
- คู่มือการใช้งานฉบับย่อ
รูปลักษณ์และดีไซน์ภายนอก
เริ่มจากกล่องภายนอกก่อน จะเป็นสีขาวไม่ว่าจะเลือกสีดำ Graphite หรือสีขาวออกมาสวยและดูดี ตัวเคสเอาจริงๆ หากมองผ่านๆ แทบจะเหมือนกับ Galaxy Buds 2 มากๆ ขนาดใกล้เคียงกัน ด้านบนสุดมีโลโก้ Samsung ส่วนรอบตัวไม่มีอะไร
ด้านหน้าจะมีไฟบอกสถานะไฟของกล่องว่ามีปริมาณเท่าไหร่ แบ่งเป็นสีคือ
- แดง = ไฟเหลือน้อย
- เหลือง = ไฟปานกลาง
- เขียว = ไฟมีมากกว่า 80%
ช่องชาร์จแบตเตอรี่เป็นพอร์ตการเชื่อมต่อแบบ USB-C พอร์ตยุคปัจจุบัน
ด้านใต้จะมาพร้อมกับแท็บวงกลม ทั้งนี้ไม่ได้มีระบบ Wireless Charging มาให้
เปิดฝาจะพบกับหูฟังที่ขนาดกำลังดีพร้อมกับไฟสถานะของแบตเตอรี่หูฟัง
ต่อกันที่ส่วนของตัวหูฟัง หูฟังจะมี Shark Fin ทำให้สามารถใส่ได้ถนัดมากขึ้นและภายในจะเป็นจุกแบบ In Ear ปรับได้ทั้งหมด 3 ขนาดคือ S, M (ติดตั้งอยู่เดิม) และ L
ลองสวมใส่...สบายไม่สบายเรามีคำตอบ
เมื่อได้ทดลองใส่ก็สัมผัสได้ถึงความมีความแตกต่างจาก Galaxy Buds 2 และ Galaxy Buds 2 Pro ชัดเจน คือขนาดอยู่ขั้นกลาง บางทีแอบใหญ่สุด แต่เมื่อทดลองใส่ไปสักพัก มันจะกระชับสุดเพราะมีจุดที่เกี่ยว ทำให้สามารถใส่ได้นานมากขึ้น
มาตรฐานกันน้ำ
Samsung Galaxy Buds FE ผ่านมาตรฐานแค่ IPX2 เท่านั้น นอกจากเรื่องดีไซต์ที่น่าใช้งานแล้ว Samsung Galaxy Buds FE ยังมาพร้อมกับฟีเจอร์การใช้งานครบมากๆ ไม่ว่าจะเป็น
คุณภาพเสียง / คุณภาพของไมโครโฟน
มาต่อกันที่เรื่องของเสียง...เรื่องนี้ขอบอกก่อนเลยว่าความพอใจในเรื่องเสียงของแต่ละคนนั้นย่อมต่างกัน ดังนั้นข้อความที่คุณกำลังจะได้อ่านต่อไปนี้เป็นความเห็นของผู้เขียนหลังจากที่ได้ทดลองสวมใส่และลองเล่นเจ้า Galaxy Buds FE มาสักระยะ จริงๆ แล้วความชอบ ความพอดีขอคนเราอาจไม่เท่ากันดังนั้นผู้เขียนจึงอยากให้บทความนี้เป็นแค่บทความประกอบในการตัดสินใจเบื้องต้นของคนที่กำลังมองหาหูฟังไว้ใช้งานเบื้องต้น!
เริ่มกันด้วยเรื่องของเสียง เบื้องต้นเท่าที่ได้ลองใส่ฟังเพลงจัดสามรถทำคะแนนเรื่องเสียงได้ประทับใจมากๆ ครับเสียงเบสค่อนข้างส่งออกมาได้ดีหนักแน่นและนุ่ม เนื้อเพลงคมและชัดเจน อรรถรสในการฟังเพลงไม่เสียไป แม้ฟังนานๆ ก็ไม่อึดอัดในหู เหมาะสำหรับผู้ที่ชอบฟังเพลงแนวทั่วๆ ไป
ส่วนการใช้คุยโทรศัพท์ถือว่า Galaxy Buds FE ทำออกมาได้ดีคู่สายได้ยินคำพูดของเราครบถ้วนดีไม่มีอาการหลุดหรือปัญหาการได้ยินให้หงุดหงิดใจ ไมค์เสียงคมชัด พูดคุยไม่ติดขัดด้วย AI ตัดเสียงรบกวน แต่ไมโครโฟนในการทำงานสำหรับลดเสียงรบกวน ถือว่าเก็บเสียงได้ดี แต่ว่าถ้าอยู่กลางแจ้งที่มีเสียงพลุกพล่าน บรรยากาศจะเข้ามาด้วยครับ
การสั่งงานหูฟัง
ใช้งานต่างๆ ค่อนข้างง่าย ด้วยระแบบ Touch Control ควบคุมการใช้งาน, การโทร, เปลี่ยนเพลง, ปรับเสียงด้วยการสัมผัส Samsung Galaxy Buds FE เข้ามาด้วยทำให้คุณสามารถแตะสัมผัสเพื่อสั่งงานได้ดังนี้
- Tap 1 ครั้ง หยุด / เล่นเพลง
- Tap 2 ครั้ง เปลี่ยนเพลงไปข้างหน้า
- Tap 3 ครั้ง เปลี่ยนเพลงย้อนกลับ
- Tap ค้างไว้ เปิด / ปิดระบบ ANC
นอกจากนี้ยังสามารถตั้งค่าปุ่มเวลาแตะค้างไว้ได้เป็นการกดลงเสียงก็ได้ และยังสามารถแตะเพื่อรับสาย หรือ วางสาย แตะค้างเพื่อตัดเสียได้ด้วย
การตัดเสียงภายใน
Samsung Galaxy Buds FE เลือกใช้ระบบตัดเสียง ANC ทำให้การตัดเสียงทำได้ดีและมาพร้อมกับ DNN ช่วยวิเคราะห์เสียงภายนอกได้ สำหรับระบบ DNN (Deep Neural Network) หรือ AI learning Technology สามารถเรียนรู้ คัดกรองเสียงรบกวน หรือเสียง ที่ไม่ต้องการออกไป ช่วยให้ปลายสาย สามารถได้ยินเสียงชัด พูดคุยสะดวกไร้เสียงรบกวน
เมื่อใส่แล้วพบว่าเสียงที่ลดออกไปถือว่ากำลังงาม แต่ถ้าต้องเปิด ambient sound พบว่าเสียงถือว่าเข้ามากำลังเหมาะ ได้ยินครบเพลงโดนแทรกน้อยมาก
การควบคุมผ่าน App Galaxy Wearable
สำหรับแอปพลิเคชันควบคุมจะใช้ชื่อว่า Galaxy Wearable สามารถทำงานได้ตั้งแต่
- ปรับรูปแบบเสียง
- ปรับการทำงานของ ANC (จริงๆ แตะค้างไว้ก็เป็นการเรียกให้เปิด / ปิด ANC)
- ตั้งค่าให้หูฟังอ่านข้อความ
- ตามหาหูฟัง
- อัปเดต Firmware
- และรวมถึง Labs ช่วยลดเสียงรบกวนได้ด้วย
และสามารถใช้สลับอุปกรณ์ของ Samsung ผ่านการลงทะเบียนผ่าน Samsung Account ได้ แถมยังเชื่อมต่อง่าย ผ่าน Google Fast Pair อีกด้วย โดยสามารถจดจำหูฟังว่าเป็นของใคร นอกจาก Apps Galaxy Wearable
แบตเตอรี่ / ระบบชาร์จไฟ
สำหรับแบตเตอรี่ที่ตัวหูฟังมีขนาด 60 mAh และกล่องมีขนาด 479 mAh โดยทั่วไปมีการเคลมว่าใช้งานได้นานสุด 6 ชั่วโมง และรวมกล่อง 21 ชั่วโมงเมื่อเปิด ANC และ 8 ชั่วโมง รวมกล่อง 30 ชั่วโมง เมื่อปิด ANC ถือว่านานมาก และยังสามารถชาร์จไฟด้วย USB-C เท่านั้น
สรุปหลังจากที่ได้ทดลองใช้งาน Samsung Galaxy Buds FE
Galaxy Buds FE ไม่ใช่แค่หูฟังเอาไว้ฟังเพลงเท่านั้น แต่เป็นแก็ดเจ็ทที่บ่งบอกรสนิยมของผู้ใช้ได้ด้วยจริงๆ สามารถแปลงให้มันกลายเป็นเครื่องประดับอีกชิ้นโดยผ่านดีไซน์และสีที่ไม่ไม่ซ้ำใคร ทำให้เวลาสวมใส่รู้สึกว่ามันเป็นส่วนหนึ่งได้อย่างแนบเนียน อีกทั้งตัวหูฟังยึดเกาะช่องหูได้กระชับ ไม่ต้องคอยระแวงว่าจะหลุดหรือได้ยินเสียงรบกวนภายนอก
รวมไปถึงยามใส่ทำงานและออกกำลังกายเรียกได้ว่าเข้ากับ Lifestyle ของคนยุคใหม่ได้อย่างลงตัวแบบไม่ต้องคิดมาก และยิ่งมาพร้อมกับมาตรฐานสากลสำหรับการกันน้ำและกันฝุ่น IPX4 ไม่ต้องกังวลหากต้องเจอละอองน้ำหรือฝน
Galaxy Buds FE เป็นทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับผู้ที่กำลังมองหาหูฟังไร้สายราคาประหยัด เป็นหูฟังที่มีคุณภาพเสียงดี รองรับ ANC และมีอายุแบตเตอรี่ยาวนาน เหมาะสำหรับการใช้งานทั่วไป
ส่วนใครที่อ่านรีวิวแล้วแล้วอยากเป็นเจ้าของ Galaxy Buds FE มีให้เลือก 2 สี ได้แก่ ขาว (Mystic White) และเทา (Graphite) วางจำหน่ายในราคา 3,390 บาทผ่านช่องทางออนไลน์บนเว็บไซต์ samsung.com และ Samsung Official Store บน Shopee และ Lazada หรือหน้าร้านที่ Samsung Experience Store และร้านค้าที่ร่วมรายการ
แถมตอนนี้เขามีโปรโมชันเด็ดไม่ว่าจะเป็น รับสิทธิ์ส่วนลดเพิ่ม 30% เมื่อซื้อ Galaxy Buds FE กับโทรศัพท์หรือแท็บเล็ต Samsung ตามรุ่นที่ร่วมรายการ ตั้งแต่วันนี้ ถึง 5 พฤศจิกายน 2566 ให้คุณสามารถเป็นเจ้าของ Galaxy Buds FE ได้ในราคาที่ถูกลง
ด้วยราคาและคุณภาพของเสียงถือว่า Galaxy Buds FE ที่เทียบกับหูฟัง in-ear ของค่ายคู่แข่งที่อยู่ในช่วงราคานี้ถือว่า Skullcandy Push เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่ไม่เลวเลยในการซื้อหามาไว้ใช้งาน
Tuyên bố từ chối trách nhiệm: Bản quyền của bài viết này thuộc về tác giả gốc. Việc đăng lại bài viết này chỉ nhằm mục đích truyền tải thông tin và không cấu thành bất kỳ lời khuyên đầu tư nào. Nếu có bất kỳ hành vi vi phạm nào, vui lòng liên hệ với chúng tôi ngay lập tức. Chúng tôi sẽ sửa đổi hoặc xóa bài viết. Cảm ơn bạn.