นักวิเคราะห์ชี้ แฮกเกอร์โสมแดงอาจอยู่เบื้องหลังการฉกเงินคริปโต $70 ล้าน
นักวิจัยผู้เชี่ยวชาญธุรกิจบล็อคเชนเชื่อว่า แฮกเกอร์จากเกาหลีเหนือน่าจะอยู่เบื้องหลังการฉกเงินคริปโตจาก CoinEx ซึ่งเป็นบริการซื้อขายคริปโตเคอร์เรนซีระดับโลกมูลค่าถึง 70 ล้านดอลลาร์ ตามรายงานของสำนักข่าวรอยเตอร์
บริษัท CoinEx ซึ่งมีที่ทำการใหญ่อยู่ในฮ่องกง เปิดเผยเมื่อวันอังคารผ่านแพลตฟอร์ม เอ็กซ์ (X) ว่า ระบบวอลเล็ตของตนที่ใช้จัดเก็บสินทรัพย์คริปโตสำหรับการซื้อขายถูกแฮก ก่อนจะระบุในวันศุกร์ว่า มูลค่าความเสียหายอยู่ที่ 70 ล้านดอลลาร์ ซึ่งบริษัทกล่าวว่า เป็น “เพียงก้อนเล็ก ๆ” ของสินทรัพย์รวมทั้งหมดของตน
ในเรื่องนี้ Elliptic ซึ่งเป็นบริษัทวิจัยบล็อคเชน ให้ความเห็นว่า “ปัจจัยหลายอย่าง” ชี้ให้เห็นว่า กลุ่มแฮกเกอร์ที่ชื่อ Lazarus Group ที่มีความเชื่อมโยงกับเกาหลีเหนือ น่าจะเป็นผู้อยู่เบื้องหลังเรื่องนี้
แต่ CoinEx เองก็ยังไม่ออกมาเปิดเผยว่า ใครน่าจะเป็นผู้ทำการแฮกระบบของบริษัท แม้จะเคยบอกกับผู้สื่อข่าวรอยเตอร์ว่า บริษัทพอจะทราบมาว่า บริษัทรักษาความปลอดภัยบ้างแห่งอ้างว่า ทีมจารกรรมทางไซเบอร์ที่มีความเชื่อมโยงกับเกาหลีเหนือคือตัวการในเรื่องนี้
นักวิจัยจาก Elliptic กล่าวด้วยว่า เงินบางส่วนที่ถูกขโมยมาจาก CoinEx นั้นถูกส่งไปยังวอลเล็ตสำหรับเงินคริปโตที่ Lazarus Group เคยใช้เพื่อฟอกเงินที่ถูกขโมยไปก่อนหน้า และเงินก้อนดังกล่าวก็ถูกส่งต่อไปยังบล็อคเชนเงินคริปโต Ethereum ผ่าน “สะพาน” บล็อคเชน ซึ่งเป็นวิธีโอนถ่ายเงินระหว่างบล็อคเชนต่าง ๆ อันเป็นสิ่งที่ Lazarus Group ใช้บ่อย ๆ
รอยเตอร์ติดต่อไปยังผู้แทนเกาหลีเหนือประจำสหประชาชาติเพื่อสอบถามเรื่องนี้ แต่ไม่ได้รับการตอบกลับ
Elliptic เปิดเผยด้วยว่า Lazarus Group “เหมือนจะเร่งกำลังปฏิบัติการของตนเมื่อเร็ว ๆ นี้” และทำการขโมยสินทรัพย์คริปโตเป็นมูลค่ารวมแล้วถึง 240 ล้านดอลลาร์จากการโจมตี 4 ครั้งตั้งแต่ต้นเดือนมิถุนายน โดยไม่ได้นับรวมกรณีของ CoinEx
ขณะเดียวกัน Chainalysis ซึ่งเป็นบริษัทวิจัยบล็อคเชนอีกแห่ง บอกกับรอยเตอร์ เมื่อวันพฤหัสบดีว่า ทีมงานของตนมี “ความมั่นระดับกลาง-สูง” ว่า เกาหลีเหนือคือผู้อยู่เบื้องหลังการโจมตี CoinEx ครั้งนี้เช่นกัน
ทั้งนี้ รายงานขององค์การสหประชาชาติระบุว่า เกาหลีเหนือยกระดับปฏิบัติการขโมยคริปโตเคอร์เรนซีมาตั้งแต่ปีที่แล้ว โดยใช้เทคนิคซับซ้อนต่าง ๆ เพื่อการดำเนินการดังกล่าวในปี 2022 ในระดับที่สูงกว่าปีก่อน ๆ ขณะที่ กลุ่มงานเฝ้าสังเกตการณ์การดำเนินมาตรการลงโทษทางเศรษฐกิจก็เคยกล่าวหากรุงเปียงยางว่าใช้การโจมตีทางไซเบอร์เพื่อหาเงินมาสนับสนุนโครงการพัฒนาขีปนาวุธและอาวุธนิวเคลียร์ของตนด้วย
แต่เกาหลีเหนือก็ปฏิเสธคำกล่าวหาทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นการแฮกหรือการโจมตีทางไซเบอร์
Tuyên bố từ chối trách nhiệm: Bản quyền của bài viết này thuộc về tác giả gốc. Việc đăng lại bài viết này chỉ nhằm mục đích truyền tải thông tin và không cấu thành bất kỳ lời khuyên đầu tư nào. Nếu có bất kỳ hành vi vi phạm nào, vui lòng liên hệ với chúng tôi ngay lập tức. Chúng tôi sẽ sửa đổi hoặc xóa bài viết. Cảm ơn bạn.