รีวิว "Sony WF-1000XM5" หูฟังตัวท็อป ตอบโจทย์ทั้งสายฟัง และสายคุย

กลับมาพบกับรีวิว Gadget จากทีม Sanook Hitech อีกครั้งสำหรับในครั้งนี้เราจะพาคุณมาทดลองหูฟังรุ่นใหม่จาก Sony อย่าง WF-1000XM5 รุ่นใหม่ที่เรียกว่ายอดจองถล่มทลายกันเลย ด้วยการรอคอยกว่า 2 ปีมันมีความเปลี่ยนปลงอย่างไร มาดูกันครับ

แกะกล่องกันว่ามีอะไรข้างในบ้าง

Sony ยังคงเลือกใช้วัสดุที่เป็นแบบรักโลกสุดๆ ด้วยการใช้วัดสุที่ทำจากไม้ไผ่และแกะออกแล้วถ้าประกอบกลับไม่ดีมันจะคืนที่เดิมไม่ได้นะ ภายในประกอบด้วย


  • กล่องชาร์จและหูฟัง Sony WF-1000XM5
  • สาย USB-C
  • จุกเปลี่ยนขนาดตั้งแต่ SS, S, L
  • คู่มือการใช้งาน

รูปลักษณ์ดีไซน์ของ Sony WF-1000X M5

เมื่อได้เจอหน้าตาของ Sony WF-1000XM5 บอกว่าขนาดเล็กลงโดยเฉพาะเคสตัวนี้ที่มีขนาดเล็กลงแบบชัดเจนกว่ารุ่น WF-1000XM4 อย่างชัดเจน แต่องค์ประกอบมีการปรับปรุงใหม่เช่น ด้านหน้าจะมีไฟบอกสถานเหลือแค่จุดเท่านั้น ปกติจะเป็นแถบยาว ด้านข้างทั้ง 2 ไม่มีปุ่มอะไร แต่ออกแบบให้สามารถจับถนัดมือและหยิบออกจากกระเป๋าได้ง่ายดาย

ด้านหลังจะมีช่องเสียบ USB-C สำหรับชาร์จไฟ และยังมาพร้อมกับปุ่มกดที่ไว้สำหรับ Paring อุปกรณ์ใหม่นั่นเอง

ด้านบนมีโลโก้ Sony และด้านล่างจะมีข้อมูลตัวเครื่องและสามารถวางเพื่อชาร์จไฟได้ด้วย


เปิดฝากันดีกว่า

 

เมื่อเปิดฝา Sony WF-1000XM5 พบว่าองศาการกางอาจจะน้อยกว่าเดิม แต่ว่าสิ่งที่และกมาเลยคือ หูฟังที่อยู่ภายในที่มีขนาดเล็กลง

ขนาดของหูฟังเป็นอย่างไร

ต้องบอกว่าเอาออกมาจากกล่องพบว่ามันมีขนาดเล็กลงถึง 25% จนพาไปคิดถึงอีกรุ่นอย่าง Sony LinkBud S แต่ว่าสิ่งไม่เหมือนกันคือ การตกแต่งที่แตกยังคงมาพร้อมกับโทนสุขภาพสีดำ และอีกสีลดความดุดันกับสีเบจนั่นเอง แต่ความโดดเด่นคือยังคงมีไมโครโฟนด้านหน้าเป็นจุดสีทองไม่ว่าจะสีไหน

ด้านในก็ยังมีเซนเซอร์ที่ถ้ายในและยังเลือกใช้จุกแบบ In-Ear เหมือนเดิม ดังนั้นก็จะส่งผลต่อน้ำนหักที่เบากว่าเดิม 20% ทำให้สามารถใช้ฟังเพลงได้อย่างสบายๆได้นานสุดจนเกือบแบตเตอรี่หมด แต่ก็ควรพักการฟังเพื่อให้หูได้พักบ้างนะครับ ^^

คุณภาพเสียงที่ออกมาเป็นอย่างไร

ก่อนที่จะเล่าเรื่องคุณภาพเสียง Sony WF-1000XM5 มีขนาด Driver คือ 8 มิลลิเมตรเท่านั้น แต่การออกแบบ Driver แบบใหม่ที่มีชื่อ Dynamic Driver X ช่วยให้ยังคงได้คุณภาพเสียงที่ดี รอบนี้มีการปรับปรุงให้ Stage กว้างกว่าเดิมช่วยให้สามารถโฟกัสทั้งเสียงคนร้องได้ดีมากขึ้น ส่วนเบส ยังพอมี แต่อาจจะไม่ได้ตืบๆ เท่ากับตระกูลรุ่นเล็กๆ หรือ X-Bass อย่างที่บอกตระกูลนี้เน้นการฟังเพลงแบบผู้ดีหน่อย

นอกจากนี้ยังมีการรองรับเทคโนโลยีที่จะเข้ากับอุปกรณ์ยุคใหม่เช่น LDAC, DSEE Extreme ช่วยกระดับให้เสียงไปอยู่ในระดับ Hi-Res Wireless Audio และยังมีการให้เสียงดีมากขึ้นจนกคุณอาจะเลือกการเบสตึบๆ ไปเลย และยังรองรับ  360 Reality Audio ให้เสียงอยู่รอบทิศทั้งนี้อาจจะทำงานได้แค่บาง Application เท่านั้น

ระบบจัดการเสียงรบกวน

WF-1000X เป็นหูฟังที่ขึ้นชื่อเรื่องของระบบจัดการเสียงรบกวนที่ดีอยู่แล้ว แต่ด้วยการเปลี่ยนแบบพลิกโฉมของครั้งนี้ก็ต้องมีนำเทคโนโลยีมาใช้เช่น

  • ติดตั้ง Integrated Processor V2
  • ระบบ HD Noise Cancelling Processor QN2e
  • ไมโครโฟน ทั้งหมด 6 ตัว (แบ่งข้างล่ะ 3)
  • มีระบบ Bone Conduction Sensor
  • AI Base Noise Reduction Algorithmช่วยวิเคราะห์เรื่องของระบบเสียงรบกวนทำงานร่วมกับ DNN หรือ Deep Neural Network

โดยทั้งหมดนี้จะกรอบเสียงรบกวนเรียกได้ว่าถ้าอยู่ในสภาพที่ไม่มีเสียงเลยใช้คำว่าเงียบเลย แต่จะสามารถปรับเป็นแบบ Adaptive Sound Control ให้เสียงที่ได้ยินและสภาพแวดล้อมเหมาะสมได้ นอกจากนี้ยังมี Speak to Chat พูดแล้วเพลงหยุด และรอบนี้ทำงานไวมากขึ้นด้วย

คุณภาพไมโครโฟน

ต้องบอกว่าจากเรื่องการดลดเสียงต่างๆ ที่บอกออกมาทั้งหมด ก็พบว่าในเรื่องคุณภาพเสียงที่ออกมาถือว่าทำได้ดี โดยเฉพาะการโทร ด้วยไมโครโฟนและการปรับคุณภาพเสียงให้เป็นแบบ HD Voice และมีการนำ AI มาวิเคราะห์ด้านเสียงช่วยให้โทนเสียงของคนใช้งานอาจจะเข้มขึ้น บ้างกรณี แต่ภาพรวมการโทรถือว่าชัดเจนเลยครับ

การเชื่อมต่อกับมือถือ / การควบคุม

การเชื่อมต่อนั้นทำได้ง่ายและรองรับอุปกรณ์ที่หลากหลายเช่น Google Fast Pair, Swift Pair ของ Microsoft เรียกได้ว่าแค่นี้ก็สามารถเชื่อมต่อได้ง่าย และยังรองรับการเชื่อมต่อพร้อมกันกับ 2 อุปกรณ์ด้วยกันให้คุณสามารถใช้งานได้สะดวกแม้จะต่อกับ Tablet แล้วมีสายเรียกเข้า สามารถสลับได้ทันที แถมยังรองรับคำสั่งเสียงของมือถือได้ทั้ง Google Assistant, Amazon Alexa เป็นต้น

การควบคุมของหูฟังรุ่นนื้ทั้งหมดผ่าน Sony Headphone โดยสามารถดาวน์โหลดนได้ทั้ง Android และ iOS ฟีเจอร์ที่สามารถปรับแต่งได้แบ่งออกเป็น

  • เช็คสถานะแบตเตอรี่
  • ปรับการทำงานของหูฟังทั้ง Adative Sound Control
  • ปรับรูปบแบของ Equalizer โดยสามารถให้ใช้ AI ช่วยปรับได้
  • สั่งเปิดปิด ฟีเจอร์ภายในได้ด้วย
  • ตั้งค่าการทำงายนอขง Gesture เช่นการการก้มหน้าเพื่อรับสาย หรือสายหน้าเพื่อปฏิเสธคือสลัดหน้า
  • อัปเดต Firmware
  • เปิดฟีเจอร์ควบคุมเพลงเช่น Spotify Tabs

แบตเตอรี่ / ระบบการชาร์จไฟ

สำหรับแบตเตอรี่ของ Sony WF-1000XM5 สามารถใช้งานได้อย่างต่อเนื่องถึง 8 ชั่วโมง สามารถชาร์จผ่านเคสได้อีก 16 ชั่วโมง ทำให้ใช้งานได้ยาวนานสูงสุดถึง 24 ชั่วโมง ทั้งยังมีระบบ Quick Charge ที่สามารถใช้งานต่อเนื่องได้นานถึง 60 นาที เมื่อชาร์จไฟเพียง 3 นาทีเท่านั้น

ส่วนระบบชาร์จไฟนั้นนอกจาก USB-C แล้วยังรองรับ Wireless Charging หรือการชาร์จแบบไร้สายด้วยเทคโนโลยี Qi ให้คุณใช้งานได้อย่างง่ายดายอีกด้วย

สรุปหลังจากทดลองใช้ Sony WF-1000XM5 มาสักพักใหญ่

มาถึงบทสรุปแล้ว Sony WF-1000XM5 ยังคงเป็นหูฟังที่สามารถใช้ฟังเพลงได้หลากหลายไม่ว่าจะเป็นคุณภาพเสียงจากการฟัง ที่อาจจะยอมให้ Driver เล็กแต่ใส่เทคโนโลยีขึ้น ด้านไมโครโฟนที่ยกระดับการสนทนาได้ดี จัดใช้ค่าเป็นหูฟังเล็กพริกขี้หนูอีกตัวเลยครับ

ด้วยคุณสมบัติที่กล่าวไปกับราคา 10,990 บาท ต้องยอกว่าราคาแพงขึ้นจากเดิมมา 2,000 บาท กับเรื่องราวต่างๆ ที่อัดฟีเจอร์มาให้แบบจัดเต็มแบบนี้ ยังคงยืนยันว่าเป็นหูฟังที่น่าสนใจอยู่ เว้นแต่คุณมีงบจำกัด Sony ก็ยังมีหูฟังหลายๆ รุ่นให้เลือกอยู่ครับ

จุดเด่น

  • เล็กลง ใส่สบายมากขึ้น
  • Driver เล็กแต่ให้คุณภาพเสียงที่ดี
  • ไมโครโฟนจัดเต็ม
  • การตัดเสียงทำได้ดีและมีนวัตกรรมที่สูงมาก
  • สีสันมีให้เลือก 2 สีเหมือนเดิม

ข้อสังเกต

  • ราคาขึ้นจากเดิมจนแตะหมื่น
  • จุกโฟมอาจจะมีอายุใช้งานไม่ยาวถ้าใครอยากจะใช้ยาวๆ หาจุกใหม่ก็ดีนะ

Tuyên bố từ chối trách nhiệm: Bản quyền của bài viết này thuộc về tác giả gốc. Việc đăng lại bài viết này chỉ nhằm mục đích truyền tải thông tin và không cấu thành bất kỳ lời khuyên đầu tư nào. Nếu có bất kỳ hành vi vi phạm nào, vui lòng liên hệ với chúng tôi ngay lập tức. Chúng tôi sẽ sửa đổi hoặc xóa bài viết. Cảm ơn bạn.